บทที่ 601 ไต่สวน
ขณะที่เขากำลังจะนอนงีบสักหน่อย กลับเห็นบนท้องฟ้านอกหน้าต่างมีดอกไม้ไฟสว่างวาบขึ้น
ถึงแม้เขาจะไม่ได้พกสิ่งใดติดกาย แต่ถ้าต้องการให้ดอกไม้ไฟนี้เล็ดรอดสายตาเขาไปได้ย่อมเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างไม่ต้องสงสัย เลย
เขาทราบว่านี่เป็นสัญญาณที่กู่ฉานโม่ให้สื่อสารกับผู้อื่น คงจะพบเจอเบาะแสสำคัญอันใดเข้า…
หากเป็นเมื่อก่อน ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ และไม่มีทางสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ยามนี้ เขากลับหรี่ตาลง นึกถึงท่าทีของกู้ซีจิ่วที่ตลาดผี ที่นั่นเด็กสาวผู้นั้นแสดงความโดดเด่นออกมามากถึงเพียงนั้นทำ
ให้ฝูงชนตกตะลึง เชื่อได้ว่าหลังจากรุ่งสางไปแล้ว คนเหล่านั้นจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อกู้ซีจิ่ว อคติเหล่านั้นจะค่อยๆ เลือนหายไป…
ถึงอย่างไรผู้คนในโลกนี้ก็นับถือผู้ที่แข็งแกร่งหรือผู้ที่มีความสามารถเป็นที่สุด สาวน้อยคนนี้ก็เหมือนสว่านแหลมคม ไม่
ว่าจะวางอยู่ที่ใดตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายขนาดไหนก็ทะลวงฝ่าไปได้ทั้งสิ้น กลายเป็นตัวตนที่โดดเด่นแยงตาที่สุดได้
ดังนั้นท่าทางของนางยามอยู่ที่นี่สำหรับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วนับว่าเป็นไปตามคาด ไม่มีอะไรนอกเหนือการคาดหมายของเขา
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างงดงามภายในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ก็เท่านั้น
บางทีไม่ต้องมีเขาคอยชี้แนะนางอยู่ที่นี่ คอยสอนหลักสูตรเร่งรัดให้นาง นางก็คงผ่านด่านนี้ไปได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นตนสมควรจากไปได้แล้ว ใช่หรือไม่?
เขาเงยหน้ามองด้านนอกอีกครั้ง ดอกไม้ไฟที่กู่ฉานโม่จุดขึ้นมาจะเกี่ยวข้องกับกู้ซีจิ่วไหมนะ?
เขาลุกขึ้น เรียกเทวทูตทั้งสี่เข้ามา “ไปตรวจสอบดู ด้านกู่ฉานโม่เกิดเรื่องใดขึ้น”
สี่ทูตรับบัญชาแล้วจากไป ผ่านไปสักครู่ทูตส่างซั่นก็กลับมา สีหน้าเขาค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง “เรียนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้อาวุโสของหน่วยลงทัณฑ์จับโจรขโมยหินวิญญาณคนหนึ่งได้ขอรับ กำลังสอบสวนอยู่ เพียงแต่สถานที่ไต่สวนค่อนข้างประหลาด มิใช่หน่วยลงทัณฑ์ แต่เป็นศาลาล่องวาโย…”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้ว รอให้เขาพูดต่อ แล้วทูตส่างซั่นก็พูดต่อจริง ๆ “ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แม่นางกู้ก็ไปเช่นกัน ข้าน้อย
เกือบจะเผชิญหน้ากับนางแล้ว”
ทูตส่างซั่น ยังคงไม่เข้าใจ “แปลกนัก แม่นางกู้ไปทำอะไรกัน? หรือจะให้นางสอบสวนนักโทษ? แต่ว่าคนของหน่วยลงทัณฑ์ เหล่านั้นล้วนเป็นผู้ช่ำชองทั้งสิ้น มีประสบการณ์ไต่สวนคดีความมามากมาย คงไม่จำเป็นต้องให้แม่นางน้อยผู้หนึ่งออกโรงกระมัง? ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”
เมื่อเขากล่าวสองประโยคนี้จบก็ก้มหน้าลง อีกฝ่ายไม่มีความเคลื่อนไหวเลย อดไม่ได้จึงเงยหน้าขึ้น กลับพบว่าเงาร่างของท่าน
เทพศักดิ์สิทธิ์หายไปจากเบื้องหน้าแล้ว ทูตส่างซั่น ตะลึงงัน
….
เชียนหลิงเทียนมีความสุขมาก แต่ความสุขนี้คงอยู่ถึงวินาทีที่เขาโคจรพลังสำเร็จแล้วลุกขึ้นเท่านั้น
เมื่อเขาโคจรพลังเสร็จก็สัมผัสได้ว่าตนอยู่ในสภาวะยอดเยี่ยดยิ่งนัก จิตใจก็แจ่มใสเป็นพิเศษ ในขณะที่เขาลืมตาขึ้นเดิมคิดจะลุกขึ้นตีลังกาอย่างงดงามสักรอบหนึ่ง ผลคือยามที่มองเห็นคนสี่คนยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ร่างกายเขาพลันแข็งค้างไปหมด!
ผู้อาวุโสทั้งสี่ของหน่วยลงทัณฑ์ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า!
ท่าทางข่มขวัญผู้คน!
เขาถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ “ผู้อาวุโสทั้งสี่ พวกท่าน…”
“เชียนหลิงเทียน หินวิญญาณของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ถูกขโมยไป เจ้าต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มากับพวกเราเสีย!”
หัวใจเชียนหลิงเทียนสั่นระรัว เขามีความผิดปิดบังไว้ ตอนแรกนึกว่าเรื่องที่ตนวางกู่ใส่เชียนหลิงอวี่แดงขึ้นแล้ว!
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบตะโกนว่าถูกปรักปรำ กล่าวสาบานว่าตนไม่ได้ทำ
หัวหน้าผู้อาวุโสหน่วยลงทัณฑ์ ยิ้มเย็นชา จู่ๆ ก็ปราดเข้ามา กดเขาไว้ แล้วดึงจี้ที่ไม่เคยห่างกายเขามานานปีออกมาจากคอเขา กดจุดหนึ่งบนจี้ จี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ กลายเป็นถุงเก็บของใบหนึ่ง เมื่อเขย่าดู หินวิญญาณนับไม่ถ้วนก็ร่วงลงพื้น มีจำนวนหลายพันตำลึง