Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 640

บทที่ 640 เรื่องนี้ประหลาดนัก!

ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีนักเรียนชั้นเมฆาม่วงมากที่สุด มีทั้งหมดเก้าชั้นเรียน ชั้นเรียนศิษย์ใหม่ สามชั้น ชั้นเรียนระดับกลาง สามชั้น ชั้นเรียนระดับสูง สามชั้น

ตามสถานการณ์ปกติแล้ว ศิษย์ใหม่เล่าเรียนสามปีก็จะเข้าสู่ชั้นเรียนระดับกลาง ชั้นเรียนระดับกลางเล่าเรียนสี่ปีก็จะเข้าสู่ชั้นเรียนระดับสูง แน่นอน ถ้าพบคนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ก็อนุญาตให้ข้ามชั้นได้ เฉกเช่น เยี่ยนเฉินผู้โดดเด่น มาอยู่ได้สามปี ก็กลายเป็นศิษย์ดีเด่นของชั้นเรียนระดับสูงแล้ว

ส่วนชั้นเรียนเมฆาคล้อยเป็นชั้นเรียนสำหรับรองรับศิษย์ที่ล้มเหลวในชั้นเรียนศิษย์ใหม่ หรือสำหรับผู้ที่มีระดับวิญญาณพอถูๆ ไถๆ ถึงขั้นหก เป็น

อัจฉริยะทว่าไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าชั้นเรียนเมฆาม่วง ศิษย์เช่นนี้ มีไม่มากนัก ดังนั้นจึงมีเพียงชั้นเรียนเดียว

ถึงแม้พวกกู้ซีจิ่วจะสามารถกลาดล้างชั้นเรียนเมฆาคล้อยได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นั่นก็เป็นเพียงการคัดนายทัพจากหมู่คนเป๋[1] เท่านั้น ในสถานที่ที่ไม่ขาดแคลนเรื่องน่ามหัศจรรย์อย่างสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์นั้น ไม่นับว่าเป็นอันใด และไม่ได้แปลว่าจะสามารถเอาชนะกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดในชั้น

เรียนเมฆาม่วงได้ ดังนั้นกลุ่มของกู้ซีจิ่วคิดจะเอาชนะให้ได้สักตานั้นไม่ง่ายดายเลย จะต้องทำงานหนักขึ้น

ยามซวีของทุกวันเป็นเวลาฝึกซ้อมที่ตายตัวของคนทั้งสาม พวกเขาจะเรียนรู้ และฝึกฝนบนพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่งด้านหลังหุบเขา

วันนี้ กู้ซีจิ่วและเชียนหลิงอวี่ล้วนมาถึงแล้ว ผลคือรออยู่นานสองนานก็ไม่เห็นจิ้งจอกน้อยผู้นั้นโผล่มา

กู้ซีจิ่วฉงนใจ ที่ผ่านมาจิ้งจอกน้อยจะมาถึงเป็นคนแรกเสมอ ครั้งนี้เป็นอะไรไป?

ยุคนี้ไม่มีโทรศัพท์จึงติดต่อสอบถามไม่ได้ เพียงแต่กู้ซีจิ่วก็ยังมีวิธีอยู่ เธอเรียกเจ้าหอยยักษ์ที่รับหน้าที่เฝ้ายามอยู่รอบๆ มา ให้มันจับสัมผัสดู

เจ้าหอยยักษ์ไม่พูดทำเพลงอะไรมุดดินลงไปทันที ผ่านไปครู่หนึ่งก็รายงานแก่กู้ซีจิ่ว “นางอยู่บนทุ่งหญ้าที่ห่างจากที่นี่ไปห้าลี้ โอ้ กำลังสู้กับคนอื่นอยู่!”

เด็กว่านอนสอนง่ายคนนั้นสู้กับคนอื่นอยู่หรือ?

เรื่องนี้ประหลาดนัก!

ร่างกายกู้ซีจิ่วเปล่งแสงวาบ เคลื่อนย้ายไปทันที…

“ซีจิ่วรอข้าด้วยสิ!” เชียนหลิงอวี่สีหน้าทะมึน รีบไล่ตามไปทันที

….

“ฝีมือกระจอกอย่างเจ้า ยังคิดจะเอาชนะชั้นเรียนเมฆาม่วงของพวกเราอีกหรือ? อย่าฝันไปหน่อยเลย! แค่นิ้วเดียวของข้าก็ขยี้ศีรษะเจ้าได้แล้ว!”

บนทุ่งหญ้า หลานไว่หูล้มกองอยู่บนพื้น ชุดกระโปรงที่เดิมทีขาวสะอาดเต็มไปด้วยฝุ่นธุลี เรือนผมแผ่สยายยุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่านางถูกทุบตี พยายามจะลุกขึ้นมาหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง

มีศิษย์ชั้นเมฆาม่วงคนหนึ่งยืนหยิ่งผยองอยู่หน้าร่างนาง ต่อว่านางอย่างลำพอง

“เจ้าโง่อย่างกับหมู หากมิใช่เยี่ยนเฉินคุ้มครองเจ้ามาโดยตลอด เจ้าคงถูกตะเพิดกลับบ้านไปนานแล้ว! ยังจะอาศัยอยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ได้อีกหรือ?”

“เอ้า ร้องไห้ครํ่าครวญอีกแล้ว ในใจเจ้าคงคิดจะไปฟ้องพี่เยี่ยนเฉินของเจ้าอยู่กระมัง? คนอย่างเจ้า ก็ทำได้แค่กระเสือกกระสนซุกอยู่ใต้ปีกของเขา พอห่างจากเขาเจ้าก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”

“ข้าไม่ใช่แบบนั้น!” ใบหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูเปียกปอนนํ้าตา ทว่ายังคงเถียงหัวชนฝา

“อันที่จริง เจ้าฟ้องไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเจ้าจริงๆ เสียหน่อย ต่อให้เขารู้ขึ้นมาอย่างมากก็คงต่อว่าข้าสักครา เขาเป็นศิษย์ชั้นแนวหน้า คนหนึ่งของชั้นเรียนระดับสูง ลงมือกับศิษย์ใหม่เช่นข้าไม่ได้กระมัง? อย่างไรก็ตามข้าขอเตือนเจ้าด้วยความจริงใจ คนโง่อย่างเจ้าอยู่อย่างว่าง่ายในชั้นเรียนเมฆาคล้อยง่อยๆ ไปวันๆ เสียเถอะ อย่าได้คิดตะเกียกตะกายกลับชั้นเรียนเมฆาม่วงอีก เจ้าไม่คู่ควร”

ศิษย์คนนั้นโจมตีความเชื่อมั่นในตัวเองที่แสนเปราะบางของหลานไว่หูต่อไป

หลานไว่หูกัดริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรออกมา

“เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้มีพรรพวกสองคนแล้วจะกำแหงต่อหน้าข้าได้ สองคนนั้นก็เป็นตัวไร้ค่าเหมือนกัน คนหนึ่งถูกขับไล่จากชั้นเรียนเมฆาม่วง อีกคนไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเข้าชั้นเรียนเมฆาคล้อยด้วยซ้ำ ต่อให้พวกเขามากันพร้อมหน้า ข้าก็สามารถซัดพวกเจ้าทั้งหมดลองไปนอนกองได้ด้วยมือเดียว!”

หลานไว่หูโกรธแล้ว “พวกเขามิใช่เช่นนั้น! พวกเขามีฝีมือลํ้าเลิศ! เจ้ารังแกข้าได้ แต่ไม่อนุญาตให้ว่าพวกเขาเช่นนี้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version