Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 646

บทที่ 646 รุกไล่อย่างห้าวหาญ 2

นางถึงขั้นไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่บ้าง ส่งกระเสียงไปหากู้ซีจิ่ว ‘ซีจิ่ว พวกเขาคือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในห้องสาม! พวกเรา…เกรง

พวกเราต้องแพ้เสียแล้ว…’

ทว่านัยน์ตาของกู้ซีจิ่วกลับมีแววยิ้มหัว พาดผ่านแวบหนึ่ง ส่งเสียงกลับไปว่า ‘ข้าเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าต้องเป็นพวกเขา จำกลยุทธ์ที่ข้าสอนให้เจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?’

‘จำได้แล้ว!’

‘เช่นนั้นก็ดี! ไม่ต้องกลัว เจ้าแสดงฝีมือสุดความสามารถตามที่พวกเราซ้อมกันมาก่อนหน้านี้ก็พอ ปล่อยที่เหลือให้ข้าเอง!’

‘ได้!’

เชียนหลิงอวี่ก็ไม่หวั่น เขาคึกคักมาก!

สามารถทำให้อีกฝ่ายส่งทัพหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดมาได้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะก็สมศักดิ์ศรีทั้งนั้น!

ประกอบกับเมื่อคืนนี้กู้ซีจิ่วบอกเขาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายอาจส่งทัพหน้ามา จึงสร้างกลยุทธ์ไว้ล่วงหน้า ดังนั้นความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะชนะยังคงมีอยู่มากนัก…

เนื่องจากก่อนเปิดตัวครั้งที่แล้ว ทำให้กู่ฉานโม่มีความสุขมาก จึงมอบห้องฝึกยุทธ์ห้องหนึ่งให้พวกเขาโดยเฉพาะ

ห้องฝึกยุทธ์นั้นเป็นความลับ มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่เข้าไปได้ ถึงคนอื่นอยากเข้า ก็หาประตูไม่เจอ

ดังนั้นสามวันมานี้ถึงแม้ผู้คนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จะอยากรู้อยากเห็นกลยุทธ์ของพวกเขายิ่ง แต่กลับไปยืนดูอยู่ข้างๆ ไม่ได้ จึงไม่อาจคาดเดาได้

แถมการประลองครั้งก่อนก็มีผู้ชมน้อยมาก ผู้ชมเป็นศิษย์หลายคนในชั้นเมฆาคล้อยที่วรยุทธ์ต่ำต้อย มองตัวหลักไม่ออก

กู่ฉานโม่ที่เป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง ก็เก็บเรื่องนี้เงียบสนิทไม่แย้มพราย ส่วนอาจารย์เมิ่ง เขาก็มองที่มาที่ไปออก แต่กู่ฉานโม่ตบไหล่เขาแล้ว กำชับเขาไว้ประโยคหนึ่ง “เจ้าคงไม่นำกลยุทธ์ที่ตนคิดไว้มาชี้แนะศิษย์ที่จะประลองรอบหน้ากระมัง? เช่นนั้นไม่ยุติธรรมยิ่งนัก อาจารย์ใหญ่เช่นข้า คิดว่าปล่อยให้พวกเขาแสดงฝีมืออย่างอิสระดีกว่า”

ด้วยเหตุนี้อาจารย์เมิ่งจึงได้แต่ปิดปากปากเงียบ ไม่เผยกลยุทธ์ของพวกกู้ซีจิ่วให้ศิษย์ตนเลยสักคำ แค่ให้พวกเขาเตรียมตัวดีๆ อย่าทำให้เขาขายหน้า

เนื่องจากทุกคนนึกเสียใจที่พลาดโอกาสครั้งก่อนไป ดังนั้นครั้งนี้ทุกคนจึงมาอย่างพร้อมเพรียง เบิกตากว้างในวินาทีที่การประลองเริ่มขึ้น

หลานไว่หูเป็นผู้เปิดฉากข่มขวัญก่อน กวัดแกว่งกระบี่ลํ้าค่าวารีเขียวครามสายหนึ่งพุ่งออกมา กู้ซีจิ่วใช้กระบวนท่าลมสลาตันตามนางไปติดๆ สายนํ้าที่พึ่งพาสายลมกลายเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมในชั่วพริบตา…

อีกฝ่ายก็มิใช่ผู้ที่เคี้ยวได้ง่ายๆ รีบก่อกำแพงดินสกัดกระแสนํ้าไว้ทันที อีกสองคนที่เหลือใช่พลังวิญญาณธาตุทองและธาตุไฟ โจมตีใส่ฝ่ายกู้ซีจิ่ว

เชียนหลิงอวี่ซัดลูกไฟใหญ่ลูกหนึ่งออกไปสกัดเพลงยุทธ์ธาตุไฟของอีกฝ่ายไว้ แต่กลับขวางคมกระบี่ที่แปลงมาจากพลังวิญญาณธาตุทองของอีกฝ่ายไว้ไม่ทัน เมื่อเห็นว่ากำลังจะพุ่งใส่หลานไว่หูที่อยู่ด้านหน้าสุด กู้ซีจิ่วกระซิบทันทีว่า “สอง!”

มือขวาของหลานไว่หูยังคงออกกระบวนท่าเดิม ทว่ามือซ้ายพลันโบกสะบัดกำแพงวารีสายหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า คมกระบี่ชำแรกเข้าไปในกำแพงวารี ราวกั คนที่ฟาดฟันปุยฝ้ายด้วยความโกรธขึ้ง พยายามปานใดก็ไม่มีอานุภาพอย่างที่พึงมี

ทองก่อกำเนิดนํ้า คมกระบี่นี้ไม่เพียงแต่ฟันกำแพงวารีนี้ให้ขาดไม่ได้เท่านั้น กลับเสริมให้กำแพงวารีแกร่งกล้าขึ้นอีกหลายเท่าด้วย

กู้ซีจิ่วและเชียนหลิงอวี่รีบย้ายตำแหน่งทันที เชียนหลิงอวี่ปล่อยเถาวัลย์ออกมา คลายกำแพงดินที่อีกฝ่ายก่อขึ้น กำแพงดินถูกกระแสนํ้าและเถาวัลย์โจมตีอย่างรุนแรงจึงพังทลายลง กู้ซีจิ่วซัดวิชาแยกวายุไปผสานกับลูกไฟที่เชียนหลิงอวี่ปล่อยออกมาออกมาอีกครั้ง…

คนทั้งหกปล่อยกระบวนท่าอยู่บนเวทีดั่งพายุโหมก็มิปาน ล้วนแต่รวดเร็วว่องไวทั้งสิ้น

ในบรรดาคนทั้งหกกู้ซีจิ่วว่องไวที่สุด แถมสายตาของนางก็เฉียบคมที่สุดด้วย ยามที่อีกฝ่ายเพิ่งจะสำแดงกระบวนท่าออกมา เธอก็ส่งเสียงแล้ว ชี้นำให้หลานไว่หูออกกระบวนท่า ขณะเดียวกันเธอประสานกับเชียนหลิงอวี่อย่างเต็มที่ไปด้วย สับเปลี่ยนตำแหน่งบ้างเป็นครั้งคราว…

ฝูงชนได้พบเจอกับความประหลาดใจ เมื่อพบว่าหลานไว่หูที่เมื่อก่อนออกกระบวนท่าต่อเนื่องกันไม่ได้เลย บัดนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ออกกระบวนท่าต่อเนื่องกันไม่มีชะงักเลยสักนิด นางถึงขั้นใช้ทักษะเคลื่อนไหวทั้งซ้ายและขวา สองมือซ้ายขวาสามารถปล่อยกระบวนท่าที่แตกต่างกันได้ในเวลาเดียวกันได้ ทั้งโจมตีและป้องกัน …

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version