บทที่ 647 รุกไล่อย่างห้าวหาญ 3
อีกฝ่ายซัดธาตุไฟและธาตุทองมา นางก็ใช้กำแพงวารีสกัดไว้
อีกฝ่ายโจมตีด้วยธาตุดิน เชียนหลิงอวี่ก็สร้างกำแพงเถาวัลย์ขวางไว้…
พลังวิญญาณของเชียนหลิงอวี่ ใกล้บรรลุขั้นแปดแล้ว ถึงแม้เขาจะสำแดงกระบวนท่าง่ายๆ แต่ก็ทรงอานุภาพนัก!
ทุกกระบวนท่าที่ปล่อยออกมาเพียงพอจะทำให้อีกฝ่ายเข้าตาจนแล้ว
พลังวิญญาณของหลานไว่หูก็ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน พอนางสำแดงกระบวนท่าออกมาอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายปวดเศียรเวียนเกล้าได้แล้ว
พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วตํ่าที่สุด แต่นางมีพลังวิญญาณธาตุลมที่หายาก ลมทุกสายล้วนพัดพาได้ถูกเวลา บางครั้งก็เกื้อหนุนเปลวไฟให้ลุกลามเป็นทะเลเพลิง บางครั้งก็เกื้อหนุนกระแสนํ้าจนก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ถาโถม ทุกกระบวนท่าที่นางปล่อยออกมาล้วนทำให้กระบวนท่าที่เพื่อนร่วมกลุ่มสำแดงออกมาทรงพลังขึ้นเป็นเท่าตัว…
ในการต่อสู้ การคาดเดาความเคลื่อนไหวของศัตรูล่วงหน้า คือกุญแจที่จะนำไปสู่ชัยชนะ และกู้ซีจิ่วก็เป็นบุคคลประเภทนี้พอดี อีกฝ่ายยังไม่ทัน ออกกระบวนท่าก็ถูกเธอมองออกทันทีอยู่ตลอด และรีบร้องบอกเพื่อนร่วมกลุ่มทำท่าตั้งรับที่สอดคล้องกันทันที…
วิธีต่อสู้เช่นนี้ของพวกเขาสามคน ก็คล้ายการนัดแนะกันล่วงหน้า ประสานงานกันเข้าขายิ่ง มิใช่แค่ประลองว่ากลุ่มใดเหนือกว่ากลุ่มใด ทำให้ฝูงชนที่อยู่ที่นี่ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว…
แน่นอนว่าถึงพวกกู้ซีจิ่วทั้งสามคนจะร้ายกาจ แต่อีกฝ่ายก็หาใช่ตะเกียงขาดนํ้ามัน การประลองครั้งนี้ตระการตาน่าชม ทำให้สายตาคนพร่ามัว
ท้ายที่สุดแล้ว ยังคงเป็นฝ่ายกู้ซีจิ่วที่มีชัยแน่นอน เป็นการเอาชนะได้อย่างเฉียดฉิว
ในสนามกีฬาเสียงไชโยโห่ร้องระเบิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของชั้นเมฆาม่วง หรือศิษย์ของชั้นเมฆาคล้อยล้วนกู่ร้องอย่างสะใจ
โดยเฉพาะศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาคล้อยที่ดีใจจนบ้าคลั่งไปแล้ว!
ทันที่ผลการแข่งขันประกาศออกมา พวกเขาก็พุ่งขึ้นไปบนเวที ยกตัวพวกกู้ซีจิ่วขึ้นแล้วโยนขึ้นสูงๆ…
ดูเหมือนกู่ฉานโม่จะปลื้มปีตินัก เขาหันไปถามอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่อยู่ข้างกายตน “พวกท่านได้รับชมทุกอย่างแล้ว มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง?”
อาจารย์ A “กู้ซีจิ่วไม่ธรรมดา!”
อาจารย์ B “สายตานางเฉียบคมนัก! แถมยังคุ้นเคยกับกระบวนท่าพื้นฐานของพลังวิญญาณธาตุต่างๆ ด้วย มองออกได้ทันท่วงที!”
อาจารย์ C “นางช่างมีความสามารถเปลี่ยนไม้ผุให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้ อบรบหลานไว่หูให้กลายเป็นมือสังหารได้!”
อาจารย์ D “นางยังแปลงยากให้ง่ายด้วย กระบวนท่าของพวกเขาสามคนล้วนเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าไม่สลับซับซ้อน แต่พอประสานกันแล้วเยี่ยมยอดนัก!”
อาจารย์ E “ที่ข้าค่อนข้างสงสัยคือ ระหว่างที่ต่อสู้ทำไมบางครั้งนางนับเลขออกมา? สรุปแล้วทำเพื่ออะไร? เป็นคาถาพิสดารอย่างหนึ่งหรือ?”
อาจารย์ A “แค่นี้เจ้าก็ไม่รู้หรือ? ฮ่าๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าทุกครั้งที่นางนับเลขออกมา หลานไว่หูผู้นั้นจะปล่อยกระบวนท่าออกมาทันทีมิใช่หรือ? นี่เห็นได้ชัดว่านางเรียงลำดับกระบวนท่าให้หลานไว่หู เปรียบเสมือนการเตือนกลายๆ ด้วยเหตุนี้หลานไว่หูถึงได้ออกกระบวนท่าได้รวดเร็วและแม่นยำปานนี้!”
อาจารย์ C กำมือแน่น “น่าเสียดายที่นางนับเร็วเกินไป มิเช่นนั้นคงจำได้บ้างว่าเลขไหนตรงกับกระบวนท่าใด…”
อาจารย์ E ลอบยิ้ม ความทรงจำของเขาเป็นเลิศ เขาจดจำไว้แล้ว!
จะนำกลับไปถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ ครั้งหน้าเขาอาจส่งกลุ่มของชั้นเรียนตนบ้าง…
ที่เขานึกไม่ถึงก็คือ กว่าเขาจะให้ลูกศิษย์จับคู่กระบวนท่าทั้งหมดกับตัว เลขเหล่านั้นของหลานไว่หูและหาทางทำลายมันให้ได้นั้นไม่ง่ายแลย ยามที่ต้องประลองกันอีกครั้งจึงมั่นใจมาก ทว่ากู้ซีจิ่วกลับเปลี่ยนจากการนับเลข มาเป็นการใช้อักษรแทนที่…
….
การประลองครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของพวกกู้ซีจิ่วเลื่องลือไปทั่วสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์
กู่ฉานโม่จึงตัดสินใจ ได้ทันทีว่า ต่อไปนี้ ทุกสิบวันจะให้พวกกู้ซีจิ่วทั้งสามท้าประลองกับศิษย์ชั้นเมฆาม่วงหนึ่งกลุ่ม ด้วยเหตุนี้กระแสนิยมของการท้าประลองจึงลุกฮือไปทั่วสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงหวั่นเกรงว่าจะพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงมุมานะฝึกซ้อมเป็นพิเศษ
ศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาคล้อยก็เชิดหน้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ และมีความมั่นใจมากขึ้น ใครบอกว่าชั้นเรียนเมฆาคล้อยล้วนเป็นตัวไร้ค่า?
นี่มิใช่ว่ามีม้ามืดโผล่ออกมาแล้วหรือ?
มีม้ามืดตัวแรกได้ก็มีตัวที่สองตัวที่สามได้…
ไม่แน่ต่อไปอาจจะเป็นทีของตนบ้างก็ได้…