บทที่ 659 หรือควรหาบุรุษมาแต่งด้วยสักคน?
“ก็ได้ๆ กลัวเจ้าแล้ว! พวกเราไปกัน” เยี่ยนเฉินดึงนางออกเดิน เงาร่างคนทั้งสองปะปนไปในฝูงชน กู้ซีจิ่วยืนอยู่ในมุมอับ มองพวกเขาจากไปไกล ใจลอยไปครู่หนึ่ง เผลอไม่ทันไรเธอก็ถูกป้อนอาหารสุนัขให้อีกแล้ว ทว่าหัวใจกลับอบอุ่นแทนหลานไว่หู
เยี่ยนเฉินชอบหลานไว่หู เรื่องนี้ผู้ใดมีตาล้วนมองออกกันทั้งนั้น มีเพียงจิ้งจอกน้อยตัวนั้นที่ยังโง่งมนึกว่าผู้อื่นดีกับนางเพียงเพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน
คนผู้นี้เป็นภูเขานํ้าแข็ง บ้าเรียน ทว่าเขากลับเอ็นดูหลานไว่หูนัก และรับนางได้ ถึงแม้เขาจะไม่พูดจาหวานแหววอะไร แต่การกระทำทุกอย่างที่
เขาปฏิบัติต่อหลานไว่หูล้วนทำให้ผู้คนที่พบเห็นอบอุ่นหัวใจ
บางทีคู่รักหนุ่มสาวก็คงจะเป็นเช่นนี้ หลากหลายอารมณ์ผสมออกมาเป็นความพิเศษ
ตอนที่กู้ซีจิ่วเป็นนักฆ่า ถึงแม้ยามปฏิบัติภารกิจจะต้องเล่นละครมากมาย แต่ตอนนั้นก็คบหากับหลงซีจริงๆ
บางทีอาจกล่าวว่าเธอไม่ได้คบหากับหลงซีอย่างจริงจังก็ได้ อย่างไรเสียตั้งแต่ต้นจนจบสองฝ่ายต่างไม่เคยพูดออกมา
ยามที่เธออยู่กับหลงซีเธอก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอด บางครั้งสองคนมีปากเสียงกัน ก็เป็นเธอที่ยอมประนีประนอมก่อน ในความทรงจำของเธอหลงซีไม่เคยหว่านล้อมเธอเหมือนที่เยี่ยนเฉินหว่านล้อมหลานไว่หูเลย เป็นเธอที่หว่านล้อมเขาเสมอ…
หรือจะเป็นเพราะเธอเข้มแข็งและยืนหยัดได้ด้วยตัวเองเกินไป ทำให้ผู้อื่นไม่ปรารถนาจะหว่านล้อมเธอ?
อีกอย่างเธอก็ไม่เคยแสดงอารมณ์แบบเด็กสาวๆ ต่อหน้าเขาเลย ส่วนใหญ่จะเหมือนหญิงแกร่งคนหนึ่ง หรือว่าร่างกายเธอจะขาดแคลนเซลล์ชนิดนี้ ตั้งแต่เกิด?
กู้ซีจิ่วครุ่นคิด ไม่ว่าด้วยว่าเพราะเหตุใด ประโยคนั้นที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เคยกล่าวกับเธอพลันผุดขึ้นมาในสมองเธอ ‘เจ้าลองไปออดอ้อนเขาดูสิ ไม่แน่เขาอาจจะมอบกาสุราใบนั้นให้เจ้าทันทีก็ได้…’
วาจานั้นของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะหยอกเล่น แต่จะรู้ได้อย่างไรว่ามิใช่ความจริง?
ใช้อ่อนสยบแข็ง ใช้ความอ่อนโยนที่พอเหมาะเปลี่ยนเหล็กกล้าให้อ่อนนุ่ม เหตุผลข้อนี้กู้ซีจิ่วรู้มานานแล้ว
บางครั้ง นํ้าตาของสตรีก็เป็นอาวุธที่ทรงกำลังที่สุด สามารถทำให้ชายชาตรีสูงเจ็ดฉื่อยินยอมตกเป็นรองต่อหน้าสตรี เพียงแต่เธอทำไม่ลงเท่านั้น
ครั้งหน้า ถ้าได้พบทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะลองดูดีไหมนะ?
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็ทำให้เธอตกใจตัวเอง!
คนผู้นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตนเองแล้ว คราวก่อนที่เธอพูดแบบนั้นต่อหน้าอวิ๋นชิงหลัวก็เพียงเพราะต่อปากต่อคำ ตั้งใจยั่วโมโหสตรีผู้นั้นก็เท่านั้น
ตอนนี้เธอจ่ายค่าตอบแทนของอารมณ์ชั่ววูบในยามนั้นไปแล้ว นึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตอนนี้ทุกคนมองเอด้วยสายตาที่ใช้มองสตรีชํ้ารัก ทำให้เธอหดหู่เหลือเกิน
มารดามันเถอะ หรือตนควรหาบุรุษมาแต่งด้วยสักคน?
จากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติอย่างเป็นสุข ไม่แน่อาจจะมีความสุขมากก็ได้
แน่นอนว่าความคิดนี้แล่นเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว เพียงแวบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ถูกเธอปัดทิ้งไปทันที
ตนท่องทั่วหล้าเพียงลำพังก็สบายใจดีที่สุดแล้ว ไยต้องคิดออกเรือนกับผู้อื่นด้วยเล่า?
ที่ความคิดเธอไร้สาระแบบนี้ เป็นเพราะวันนี้คือเทศกาลความรักหรือเปล่านะ?
หรือว่าประจำเดือนตนกำลังจะมา?
ไม่ถูกสิ ร่างกายเล็กๆ นี้เติบโตช้า จวบจนยามนี้ก็ยังไม่มีประจำเดือนเลย…
ไม่มีประจำเดือนก็แสดงว่ายังเป็นสาวน้อยโลลิคนหนึ่งอยู่
เฮ้อ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเข้าพิธีปักปิ่นของร่างเล็กๆ ร่างนี้แล้ว นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว…
ในยุคนี้ เด็กสาวที่ผ่านพิธีปักปิ่นแสดงว่าออกเรือนได้แล้ว
ในยุคปัจจุบัน ต่อให้อายุสามสิบแล้ว ยังไม่ได้แต่งงานก็ไม่นับว่าเป็นยัยป้าทึนทึก แต่ในยุคนี้ โดยทั่วไปแล้วแม่นางที่อายุถึงสิบแปด
สิบเก้าแล้วยังไม่ได้แต่งงานก็ว่าสตรีทึนทึกแล้ว แน่นอนว่ายกเว้นอัจฉริยะที่ฝึกฝนวรยุทธ์…
เธอยกมือสัมผัสใบหน้าอ่อนเยาว์ของตน สุดท้ายก็ยังเป็นสาวน้อยโลลิคนหนึ่งอยู่ดี
ตอนที่เธออายุเต็มสิบห้าปีจริงๆ จะมีเหตุการณ์ใดปรากฏขึ้นมาหรือเปล่านะ?
กู้ซีจิ่วขบคิดอย่างจริงจัง