Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 683

บทที่ 683 สิ่งที่มีให้ชมอยู่เสมอคือการแอบรัก…

ถึงแม้พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วจะไม่นับว่าสูง แต่พลังของเธอแข็งแกร่ง ฝีมือเยี่ยมยอด สร้างปาฏิหาริย์มากมายหลายครั้ง ทำให้อาจารย์ใหญ่กู่ที่มีมาตรฐานสูงมาโดยตลอดต้องมองเธอใหม่ เอ่อ บางครั้งก็ถูกเธอยั่วโมโหจนต้องกัดฟันกรอดๆ

เธอรักเงินทอง แต่เธอก็เป็นสุภาพชนที่ชมชอบเงิน ทราบลู่ทางหาเงินดี หารายได้ย่อมต้องมีกำไรชัดเจน ต่อให้เป็นคนคดก็ต้องเข้าสู่ที่แจ้ง คุณยินยอมเข้าเนื้อก็เป็นเรื่องของคุณแล้ว…

เธอดูเย็นชา ทว่ามีคุณธรรมนัก ยามที่เธอขายยาในตลาดผี หากมีคนที่ต้องใช้อย่างเร่งด่วนแต่ไม่มีเงิน เธอก็ยอมส่งมอบให้ แน่นอนว่าเป็นการติดบัญชีไว้ก่อน…

เธอกระทำเรื่องราวแบบตามใจฉัน แต่กลับมีเอกลักษณ์นัก ไม่ทำให้คนรู้สึกเดียดฉันท์

ดังนั้นในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่มีอัจฉริยะอยู่มากหน้าหลายตานี้ มีเด็กหนุ่มไม่น้อยที่ชมชอบเธอ เพียงแต่ถูกกลิ่นอายของเธอกดดัน จึงไม่กล้าสารภาพรัก…

ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กน้อยอายุสิบกว่าปีทั้งนั้น เด็กในวัยนี้หน้าบางยิ่งนัก สิ่งที่มีให้ชมอยู่เสมอคือการแอบรัก…

‘กู้ซีจิ่ว ชํ้ารัก’ เป็นหัวข้อที่ฝูงชนซุบซิบกันอยู่เสมอในหลายวันมานี้ แต่คนส่วนใหญ่ก็แค่ว่างงานจนซุบซิบไปเรื่อยเท่านั้น ไม่ได้คิดคำนึงถึงอย่างเป็นจริงเป็นจัง

หัวข้อสนทนานั้นแม้กระทั่งกู่ฉานโม่ก็ได้ยินแล้ว เดิมทีเขายังกังวลอยู่บ้าง ห่วงว่ากู้ซีจิ่วที่อยู่ในสภาวะช้ำรัก จะแสดงฝีมือไม่ได้ตามมาตรฐานที่ควรเป็น แต่ยามนี้พอได้เห็นนางเป็นเช่นนี้ เขาพลันโล่งใจขึ้นมาทันที!

ท่าทางของนางเหมือนคนชํ้ารักตรงไหนกัน?

นางไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยมิใช่หรือ?!

ครั้งนี้บนเวทีมีผู้ตัดสินอยู่ไม่น้อย คือกู่ฉานโม่ตลอดจนอาจารย์เก้าท่านของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ แถมยังเพิ่มเยี่ยนเฉินมาอีกหนึ่งคน แค่คนกลุ่มนี้ก็สร้างเกียรติให้การประลองครั้งนี้มากแล้ว

การประลองครั้งนี้ไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะเพียงยกเดียวเช่นที่ผ่านมา แต่เป็นสามยก นี่นับเป็นการมอบโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้แสดงมาตรฐานที่แท้จริง ออกมาอย่างเต็มที่

กลุ่มของอวิ๋นชิงหลัวก็มาถึงแล้ว กลิ่นอายของคนกลุ่มนี้ย่อมแข็งแกร่งมากเช่นกัน ยามที่เยื้องย่างเข้าสนามมาพลันมีเสียงปรบมือต้อนรับดังขึ้น

ทั้งสามคนก็ขึ้นมายืนบนเวทีเช่นกัน คนทั้งหกยืนประจันหน้ากันอยู่บนเวที

ตอนที่อวิ๋นชิงหลัวเยื้องย่างเข้าสนามมาได้กวาดตามองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง นางนึกว่าจะได้เห็นความเศร้าหมองบนใบหน้ากู้ซีจิ่ว แต่นึกไม่ถึงว่าแม่นางน้อยที่อยู่เบื้องหน้ากลับสุขุมเยือกเย็นเช่นที่เป็นมา

อันที่จริงอารมณ์ของนางซับซ้อนยิ่ง ตอนที่เพิ่งรู้จักเด็กสาวผู้นี้ นางไม่ได้เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาเลย เนื่องจากนางรู้สึกว่ากู้ซีจิ่วเทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเท้าสักนิ้วของนางเลยด้วยซํ้า ในอนาคตก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก ต่อให้ข้องแวะกันบ้างก็เป็นนางที่อยู่สูงส่ง อีกฝ่ายควรหมอบคลุกฝุ่นแหงนคอมองนาง นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่นางกับกู้ซีจิ่วได้ประมือกันอย่างเป็นทางการ

เมื่อก่อนแค่คิดก็รู้สึกว่าตนได้รับความอัปยศอดสูแล้ว แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ที่นี่เพื่อประลองตัดสินกับผู้อื่นอย่างเที่ยงธรรม

กู้ซีจิ่วคือตำนานบทหนึ่ง แต่ในสายตากู้ซีจิ่วผู้เป็นตำนานเช่นกัน ตำนานอย่างกู้ซีจิ่วทำให้นางไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง!

ถึงในใจนางจะไม่สบอารมณ์ แต่สายตายังคงหยุดอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่วเป็นหลัก อยากเห็นอารมณ์เบาบางจากท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของนาง

แต่กู้ซีจิ่วไม่มองนางเลย นางกำลังเพ่งพิศฝาแฝดคู่นั้น คงเป็นเพราะสายตาของเธอชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างเกินไป ฝาแฝดที่แสนเย่อหยิ่งคู่นั้น จึงถูกเธอจ้องจนหนังศีรษะด้านชาแล้ว

เล่อชิงซิ่งขมวดคิ้วแน่น เล่อจื่อซิ่ง ก็มุ่นหัวคิ้วนิดๆ

ฝาแฝดคู่นี้ปีนี้อายุสิบห้าปี แก่กว่ากู้ซีจิ่วไม่กี่เดือนเท่านั้น ดวงหน้ายังมีเค้าความเยาว์วัยอยู่ รูปโฉมของฝาแฝนคู่นี้มิใช่เลิศลํ้าจนล่มบ้านล่มเมืองได้ แต่ก็หมดจดงดงาม ประกอบกับหน้าตาเหมือนกันทุกประการ หนึ่งชายหนึ่งหญิง ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเป็นทิวทัศน์ที่ดึงดูดผู้คนอย่างหนึ่ง มองแล้วเจริญหูเจริญตายิ่ง

เล่อจื่อซิ่งเป็นเด็กสาวนางค่อนข้างอารมณ์ร้อน ถูกกู้ซีจิ่วเพ่งพิศจึงหงุดหงิดอยู่บ้าง “เจ้ามองอะไร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version