Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 724

บทที่ 724 แสนริษยาคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่…

คะนึงหาภาพทิวทัศน์อันงดงามเป็นเอกในโลกหล้า

เฝ้าคอยนับพันปีเพื่อรอคำว่าเจ้ารักข้า

อย่ากล่าวว่าพวกเราพลาดช่วงวัยที่งดงามที่สุดไป

เสียงพิณแว่วสายธารไหลอีกครา

แสนริษยาคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่[1]…

เสียงขลุ่ยเงียบลงแล้ว ถึงแม้เสียงร้องจะแหบพร่าไปเล็กน้อย ทว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัว

เมื่อบทเพลงขับขานจบ นัยน์ตาหลงซือเย่พลันส่องประกายนิดๆ ยื่นมือไปกุมมือเธอไว้ “ซีจิ่ว ฉันตามหาเธอมาตลอด ไม่ใช่คำโกหก พวกเราจะไม่พลาดช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในชีวิต…”

กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ ในที่สุดก็เอียงหัวซบไหล่เขา “ตาทึ่ม!”

ถึงแม้ความรักของเธอกับเขาจะเรียกว่าเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ไม่ได้ แต่ก็สั่งสมมายาวนาน ต่อให้ไม่อาจจัดพิธีสมรสได้ แต่เธอขอแค่ได้อยู่กับเขาก็

พอแล้ว เหตุใดต้องใส่ใจพิธีการหยุมหยิมพวกนั้นด้วยเล่า?

เธอหลับตาลง ในหูคล้ายได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ‘เสี่ยวซีจิ่วเจ้าหลงรักข้าแล้ว…’

หัวใจคล้ายถูกอะไรทิ่มแทงเข้าทันที!

ยามนั้นท่าทางของเธอสงบนิ่งมาก แต่หัวใจกลับเต้นถี่รัวขึ้นมาสองสามที

แน่นอนว่าแค่สองสามทีเท่านั้น เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ได้จริงจัง ต่อให้เขาจริงจังแล้วอย่างไรเล่า?

เธอไม่อยากเป็นทั้งไฝสีชาดและแสงจันทร์ขาวของเขา…

แม่น้ำลั่วสามพันลี้ เธอหมายดับกระหายเพียงหนึ่งจอก[2]

ตอนนี้เธอหาจอกนั้นของตนพบแล้ว ส่วนจอกอื่นก็โยนทิ้งไปซะ…

….

บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ไม่ไกลจากตรงนี้ ตี้ฝูอีกำลังนั่งอยู่บนต้นเฟิงแดงต้นหนึ่ง หลุบตามองคู่รักคู่หนึ่งที่อิงแอบคลอเคลียกันอยู่ไม่ไกล ฟังเสียงเพลงของนาง

เสียงร้องของนางไม่เลวเลย แต่ในสายตาตี้ฝูอีผู้ถวิลหาความสมบูรณ์แบบ ยังมีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง

จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่นางร้องเพลงให้เขาฟัง เขาวิเคราะห์จุดบกพร่องของนางเสียมากมาย กรอกยานางไปไม่น้อย…

ยามนี้ถึงอย่างไรนางก็บาดเจ็บอยู่ เส้นเสียงนางยิ่งแย่กว่าเดิม แหบพร่าเล็กน้อย หอบหายใจนิดหน่อย บางคำก็ออกเสียงไม่ชัดเจน…

เขาวิเคราะห์ข้อบกพร่องของนางได้มากกว่าเดิม แต่ว่านางไม่ได้ร้องให้เขาฟัง นางร้องให้หลงซือเย่ฟัง

นางชอบหลงซือเย่มาโดยตลอด ชาติก่อนชมชอบ ชาตินี้ก็ลืมไม่ลง ตอนนี้ในที่สุดนางก็สมปรารถนาแล้วกระมัง?

ใช่ไหม?

ใช่หรือเปล่า?

ไม่ทราบว่าตี้ฝูอีหยิบกาสุราน้อยใบหนึ่งออกมาจากที่ใด มือซ้ายถือจอก มือขวาถือกา ดื่มจอกแล้วจอกเล่า

ลมพัดชายชุดเขาเลิกขึ้น พัดเส้นผมดำขลับให้ปลิวไสว บางเส้นปรกดวงตาของเขา เขาจึงปัดออก

เขารู้ว่าเขาควรลงไปแยกพวกเขาออกจากกัน ควรซักถามหลงซือเย่ที่ไม่รักษาคำพูด…

แต่เขากลับไม่อยากลงไป เขาไม่อยากให้นางเกลียดเขาอีก…

ระยะนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะเรียกความชิงชังจากนางได้ทั้งสิ้น…

ชั่วชีวิตนี้เขาก่อเรื่องให้คนชิงชังไม่น้อย ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเพียงใดที่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความชิงชังเขาอยู่ลับหลัง ผู้ที่ลอบคิดร้ายกับเขาก็มีอยู่นับไม่ถ้วน เขาล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ ทั้งโลกหันหลังให้ข้าแล้วอย่างไร?

ฐานะของเขาอยู่ในจุดนั้น ขอเพียงบรรลุเป้าหมายสูงสุด เขาย่อมไม่เกี่ยงว่าต้องใช้วิธีใด และไม่เกรงกลัวคนนับหมื่นนับพันชี้หน้าด่ากราด…

ดังนั้นเขากระทำการโดยไม่เคยมองสีหน้าผู้ใด ขอเพียงเป็นเรื่องที่สมควรทำ เขาก็จะทำทันที ไม่เคยลังเล

แต่ตอนนี้เขาทราบชัดเจนว่าควรทำอย่างไร แต่กลับลังเล ใจไม่แข็งพอ…

ในที่สุดสองคนนั้นก็ลุกขึ้นและจากไป จับจูงกันเดินไป แผ่นหลังงดงามทว่าบาดตา ค่อยๆ หายลับไปในที่ไกลๆ

ตี้ฝูอีไม่ได้ลุกขึ้นมา เพียงรินสุราให้ตนอีกจอก ไม่ทันระวังสำลักสุราเข้าไป ไอออกมา

ผ่านไปสักครู่ เมื่อหยุดไอ ก็รู้สึกได้ว่าในปากมีกลิ่นคาวเลือดอยู่บ้าง จึงยกมือเช็ด ผ้าเช็ดหน้าสีขาวแต้ม สีแดงสดบาดตาหย่อมหนึ่ง

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดจะทำลายผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทิ้ง แต่พอโคจรพลังยุทธ์ก็รู้สึกว่าชีพจรทั้งร่างแทบจะร้าวราน…

——————————————————————

——————-

[1] เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ หมายถึง ชายหญิงที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตมาก็กลายเป็นคู่รักกัน

[2] แม่นํ้าลั่วสามพันลี้ หมายดับกระหายเพียงหนึ่งจอก มาจากวรรคหนึ่งของบทประพันธ์เรื่องความฝันในหอแดง ความหมายคือ คนบนโลกมีอยู่มากมาย แต่ดวงใจจะรักคนได้เพียงคนเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version