Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 788

บทที่ 788 ที่แท้แล้วเจอปัญหาอะไร

หรือควรไปถามหลงซือเย่ดี?

แต่ถ้าเธอไปถามในร่างตี้ฝูอี คาดว่าหลงซือเย่คงไม่อยากสนใจ หรือจะไปหลอกถามกู่ฉานโม่ดี?

ไม่แน่กู่ฉานโม่อาจจะเข้าใจปัญหาพวกนี้

ในที่สุดคาบเรียนก็จบลง เมื่อเห็นศิษย์หลายคนนั้นล้อมวงเข้ามาขอคำชี้แนะจากเธอ เธอกระแอมคราหนึ่งขณะที่กำลังหาข้ออ้างจากไปอย่างว่องไว ตี้ฝูอีกลับเขยิบมาใกล้ข้างกายเธอโดยไร้สุ้มเสียง ยามที่เฉียดไหล่เธอไปในมือเธอพลันมีกระดาษแผ่นน้อยอยู่หลายแผ่น…

เธอเหลือบมองแวบหนึ่ง บนนั้นคือคำตอบของคำถามทั้งหมดที่ศิษย์เหล่านั้นถาม!

ตัวอักษรของตี้ฝูอีสง่างามล่องลอยปานเหินบินแถมยังแฝงความหนักแน่นเปี่ยมพลัง ดูงดงามยิ่งนัก แถมเขายังเขียนเลียนแบบลายมือของเธอด้วย เหมือนการเขียนของเธอในฉบับคัดลายมือ

กู้ซีจิ่วรอให้ศิษย์เหล่านั้นโอบล้อมเข้ามา แล้วโบกกระดาษเหล่านั้นเสมือนเล่นปาหี่อยู่ ส่งให้พวกเขาทีละคนๆ กล่าวอย่างเฉื่อยชาประโยคหนึ่ง “คำตอบของพวกเจ้าต้องการอยู่ที่นี่แล้ว”

ศิษย์หลายคนนั้นก้มหน้าอ่านกระดาษเพียงครู่เดียว ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ ผู้นี้ก็หายลับไปแล้ว

คาบเรียนนี้นับว่าผ่านพ้นไปอย่างทุลักทุเลพอจะถูๆ ไถๆ ไปได้ วิชาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมิใช่สอนทุกวัน สามวันถึงจะมีหนึ่งคาบ นี่ทำให้กู้ซีจิ่วโล่งอกยิ่งนัก คาบเรียนนี้ถึงแม้เธอจะสอนแบบขอไปทีอยู่บ้าง แต่สำหรับตัวเธอเองแล้ว นับว่าได้ประโยชน์มหาศาล ได้รับความรู้มากมายโดยไม่รู้ตัวผลประโยชน์ที่เธอได้รับล้วนมากมายกว่าศิษย์คนไหนๆ เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้บรรยาย…

ตอนที่เธอออกมาก็เห็นหลานไว่หูนั่งอยู่ที่ม้านั่งหินตัวหนึ่งเพียงลำพังดูเหม่อลอย แถมหางตายังแดงเรื่อเล็กน้อยด้วย เธอคอยดูแลจิ้งจอกน้อยตัวนี้จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ขาพลันย่างเข้าไปหา ยืนอยู่ข้างกายหลานไว่หูครู่หนึ่ง หลานไว่หูใจลอยยิ่งนัก มองไม่เห็นเธอเลย เธอกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง ทำให้หลานไว่หูสะดุ้งโหยง คุกเข่าโขกศีรษะให้เธอเสียงดังตึง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “เป็นอะไร?”

หลานไว่หูส่ายหน้ารัวดั่งกลองป๋องแป๋ง “ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ไว่หูยังมีธุระต่อ ไว่หูขอตัวลาก่อน”

พลางทำความเคารพ แล้ววิ่งจากไปปานกระต่าย

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

“นึกไม่ถึงว่าแม้แต่สหายของซีจิ่วท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็นึกใส่ใจขึ้นมาเช่นกัน” นํ้าเสียงพิลึกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง

กู้ซีจิ่วหันไปมองแวบหนึ่ง เป็นเชียนหลิงอวี่

เจ้าเด็กคนนี้ สีหน้าคล้ายไม่พอใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอย่างเธอกลับไม่ก่อเรื่อง เห็นได้ชัดเจนนักเขาทราบสภาพอารมณ์ของหลานไว่หู

“หลานไว่หูเป็นอันใด?” กู้ซีจิ่วถามออกไป

“จิตตกกระมัง ถึงแม้พวกเราจะเข้าชั้นเรียนเมฆาม่วงได้ แต่ซีจิ่วกลับไม่ทราบว่าเป็นอันใดถึงไม่ค่อยคุยกับพวกเรามากนัก ต่อให้พูดก็ห่างเหินเย็นชา จิ้งจอกน้อยก็เหมือนมีเรื่องในใจ ท่าทางคล้ายมีปัญหา พอข้าถามนางก็ไม่ยอมพูด”

กู้ซีจิ่วย่นคิ้ว เธอก็นึกไม่ออกชั่วขณะว่าที่แท้แล้วหลานไว่หูเจอปัญหาอะไร

เธอไม่คิดจะสนทนากับเชียนหลิงอวี่ให้มากความ เลี่ยงไม่ให้เผยพิรุธออกมา หันหลังเดินจากไป

ระหว่างทางขณะที่ครุ่นคิดอยู่ ก็เห็นจิ้งจอกน้อยกำลังตามหลังตี้ฝูอีอยู่ด้านหน้า ท่าทางคล้ายอยากวิ่งเข้าไปพูดคุย ทว่าก็หวาดกลัว

หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คอยตามหลังไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดจิ้งจอกน้อยก็ทำใจกล้า วิ่งเข้าไป “ซีจิ่ว!”

ตี้ฝูอีเห็นจิ้งจอกน้อยตัวนี้แล้วค่อนข้างปวดศีรษะนัก จิ้งจอกน้อยตัวนี้ติดผู้อื่นเกิน ไป ชอบกอดแขนผู้อื่น แถมยังชอบกอดแขนกู้ซีจิ่วด้วย

หลังจากเขารับช่วงต่อร่างกายนี้แล้ว ย่อมไม่อยากให้จิ้งจอกน้อยกอด ถึงขั้นไม่ยอมให้นางเข้าใกล้ตนในระยะสามฉื่อ ด้วยเหตุนี้จิ้งจอกน้อยจึงอึดอัดใจ

หนนี้หลังจากจิ้งจอกน้อยวิ่งเข้ามา ดูเหมือนคิดจะกอดแขน ‘กู้ซีจิ่ว’ อีกแล้ว แต่พอยื่นมือออกไปได้ครึ่งทางเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้เลยหดมือกลับ มาอย่างขลาดๆ เอ่ยเสียงแผ่ว “ซีจิ่วเจ้ากำลังโกรธข้าอยู่ใช่ไหม?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version