Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 846

บทที่ 846 รู้สึกหลอนราวกับเหยียบย่างบนความว่างเปล่า

ยามที่ย้ายไปยังเรือนส่วนตัวของตน ทุกเช้าที่เธอตื่น ความเคยชินแรกคือ มองไปที่เตียงตรงข้าม แต่ไม่มีเตียงตรงข้ามอีกต่อไปแล้ว ภายในห้องมีเพียงเตียงของตนหลังนี้หลังเดียว…

หลายวันนั้นไม่ว่าจะเข้าเรียนก็ดี ฝึกฝนอยู่ในห้องก็ดี ทุกวันตี้ฝูตี้อีจะต้องกินข้าวกับเธอสามมื้อต่อวัน ถึงแม้บางครั้งจะตีฝีปากกับเธอบ้าง ถึงขั้นที่เอาเปรียบเธอนิดๆ หน่อยๆ ด้วย แต่เหตุการณ์เหล่านั้นสำหรับกู้ซีจิ่วแล้ว นับว่าเป็นความอบอุ่นที่พานพบได้ยาก ทำให้เธอเกือบจะคุ้นเคยไปแล้ว…

แต่หลังจากย้ายออกมา เธอก็กินข้าวที่โรงอาหารตลอด ถึงแม้อาหารของชั้นเมฆาม่วงจะอร่อยมาก แต่เธอรู้สึกว่าขาดรสชาติไปบ้างอยู่เสมอ

แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่สนใจสายตาของผู้ใด แต่ยามที่อยู่ในคาบเรียนของเขาจะรู้สึกอยู่เสมอว่าสายตาที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นมองเธอราวกับมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เธอถึงขั้นรู้สึกว่าตนเกิดอารมณ์อ่อนไหวขึ้นมาเมื่ออยู่ในคาบเรียนของเขาจะรู้สึกน้อยเนื้อตํ่าใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด รู้สึกหลอนราวกับเหยียบย่างบนความว่างเปล่า กู้ซีจิ่วไม่อยากทำให้ตัวเองไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยอยากเขาเรียนคาบของเขา…

คาบที่แล้ว เธอจึงหาข้ออ้างโดดเรียนไปครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าเธอให้จิ้งจอกน้อยจดบันทึกเนื้อหาการเรียนให้เธอด้วย การเรียนจะได้ไม่ตกลงไป

โดดเรียนคนเดียวทุกคาบคงไม่ดีแน่ สองวันมานี้กู้ซีจิ่วจึงเริ่มใคร่ครวญเรื่องย้ายห้องแล้ว

ชั้นเมฆาม่วงห้องสองมีอาจารย์ที่ปรึกษาคนหนึ่งที่บรรยายความรู้ทั่วไปในการเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้ยอดเยี่ยมมาก กู้ซีจิ่วเคยไปสังเกตการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง พบว่าความรู้ในแขนงนี้ของอาจารย์ท่านนี้ครบถ้วนกว่าเจ้าหยกนภามากนัก สอดคล้องกับความต้องการของเธอ ความรู้ในแขนงนี้ของเธอเดิมทีก็พรั่งพร้อมยิ่งนักอยู่แล้ว จึงชื่นชมอาจารย์ท่านนี้มาก อาจารย์ท่านนี้เคยพยายามโน้มน้าวให้เธอย้ายไปห้องสองด้วย

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเมื่อพิจารณาถึงอนาคตของตน บางทีอาจจะย้ายไปห้องสองจริงๆ เลี่ยงไม่ให้จิตใจต้องปั่นป่วนอยู่เช่นนี้

สามวันตี้ฝูอีจะเข้าสอนครั้งหนึ่ง กู้ซีจิ่วโดดเรียนวิชาเขาอีกหนึ่งคาบ นับว่าไม่ได้พบปะกับเขามาหกวันแล้ว

ไม่ถูกสิ เย็นวันนี้ยังเจอเขาเดินหมากกับผู้อื่นอยู่เลย แถมยังทักทายกันเล็กน้อยด้วย

ยามนี้ได้พบเขากะทันหัน เธอจึงชะงักไปตามสัญชาตญาณ

ตี้ฝูอีท่าทางค่อนข้างเฉื่อยชา เมื่อพวกกู้ซีจิ่วทั้งสี่ขึ้นมาเขาก็กวาดตามองแวบหนึ่งแล้วละสายตาไป ไม่ต่างอะไรกับศิษย์ชั้นเมฆาม่วงทั่วไปที่เขาพบเห็นในยามปกติ

เด็กทั้งสามล้วนเข้าไปทำความเคารพเขา เขาก็พยักหน้าให้นิดๆ ไม่ได้พูดอะไรมากมาย

เชี่ยนหลิงอวี่ที่ติดตามออกมาหนนี้เดิมคิดว่าจะได้กินเลิศรสอย่างมีความสุข คาดไม่ถึงว่าจะได้พบผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มนี้เข้า แถมท่านหนึ่งในบรรดาพวกเขาเหล่านี้ยังเป็นท่านปู่น้อยของเขาด้วย นี่ทำให้เขาอึดอัดมาก ดังนั้นหลังจากเขาทำความเคารพเสร็จก็เสนอความเห็นต่อเชียนเยวี่ยหร่าน “ท่านปู่น้อย พวกท่านผู้อาวุโส…ไม่สิ ผู้ยิ่งใหญ่ไม่แน่อาจมีเรื่องต้องหารือกัน พวกเราสามคนไม่ควรเข้าร่วม ให้พวกเราไปหาห้องส่วนตัวอื่นเล่นรอดีไหมขอรับ ? จะได้ไม่รบกวนพวกท่านไง”

เชียนเยวี่ยหร่านก็สัมผัสได้ว่าเจ้าเด็กที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้อึดอัด ถ้าไม่พอใจเจ้าเด็กคนนี้ เขายังคงวางท่านเป็นสุภาพบุรุษหนุ่มผู้สง่างามได้ แต่พอเจ้าเด็กนี่เอ่ยคำว่าท่านปู่น้อยออกมา เขาพลันรู้สึกว่าตนเป็นไม้ใกล้ฝั่งขึ้นมาทันที เจียนจะลงโลงแล้ว!

ดังนั้นเขาจึงโบกมือไล่ “ไปเถอะๆ อย่ารังแกสหายหญิงเล่า”

เชียนหลิงอวี่ได้รับประโยคนี้จากเขา ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ลากกู้ซีจิ่วกับหลานไว่หูเข้าห้องส่วนตัวห้องอื่น

ก่อนจะขึ้นมาชั้นบนเดิมทีหลงซือเย่คิดจะให้กู้ซีจิ่วร่วมโต๊ะกับตนที่นี่ แต่พอเห็นว่าตี้ฝูอีอยู่ด้วย เขาก็ยอมแพ้

จะบอกว่าเขาใจแคบก็ได้ บอกว่าเขาขี้ระแวงก็ได้ เขาไม่อยากให้ตี้ฝูอีมีโอกาสได้เข้าใกล้กู้ซีจิ่วอีก!

เขากวาดตามองรอบๆ แวบหนึ่ง เอ่ยยิ้ม ๆ “เหตุใดวันนี้ถึงพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้เล่า? เป็นวันสำคัญอันใดหรือ?”

——————————————————————

[1] มิตรภาพสัตบุรุษจืดจางดั่งนํ้าเปล่า สำนวนเต็มๆ คือมิตรภาพสัตบุรุษจืดจางดั่งนํ้าเปล่า มิตรภาพของคนถ่อยหวานฉ่ำปานนํ้าผึ้ง ความหมายคือ การคบหากันระหว่างสัตบุรุษมีแต่ความจริงใจ ไม่หวังผลประโยชน์จากอีกฝ่าย แต่การคบหากันของคนถ่อย ล้วนมีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งนั้น วันใดที่หมดประโยชน์ก็ตัดขาดความสัมพันธ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version