บทที่ 934 ท่านไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
สตรีนางนี้สวมชุดฝ่ายใน นํ้าตาโลหิตสองสายไหลอาบ เอ่ยด้วยเสียงแผ่วหวิวหลายคำ “ฝ่าบาททรงปรักปรำหม่อมฉัน…”
เป็นจิ้งกุ้ยเฟย ถูกเขาประหารด้วยแพรขาวผู้นั้้น!
มีผี!
เส้นขนทั่วร่างจักรพรรดิซวนลุกชันขึ้นมา ยกมือฟาดออกไป!
พลังวิญญาณดั้งเดิมของเขาคือขั้นสี่ ถึงแม้จะอยู่สุขสบายมาเนิ่นนานยิ่ง แต่ฝ่ามือที่ฟาดออกไปนี้ยังคงทรงอานุภาพนัก เขานึกว่าจะสามารถซัด ‘ผี’ ตัวนี้ให้กระเด็นไปได้ นึกไม่ถึงว่าผีตัวนั้นกลับหายวับไปในพริบตา จากนั้นต้นคอของจักรพรรดิซวนก็มีไอเย็นเป่ารด
“ฝ่าบาท หม่อมฉันกับองครักษ์หวาไม่ได้มีอะไรกันเลย ทว่าฝ่าบาทกลับปรักปรำหม่อมฉันเพื่อเปิดศึกกับอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยใช่ไหมเพคะ?”
ทั้งร่างจักรพรรดิซวนแทบจะแข็งทื่อไปหมด เขาพุ่งไปด้านหน้าทันที หันกลับไปอย่างหวาดผวา ทว่ายังคงมองเห็นเงาร่างของจิ้งกุ้ยเฟยเช่นเดิม มีแขนข้างหนึ่งโอบด้านหลังเขาไว้
“ฝ่าบาท หม่อมฉันกล่าวถูกไหมเพคะ?”
จักรพรรดิซวนสำแดงออกไปติดๆ กันหลายกระบวนท่า ล้วนเสมือนซัดใส่อากาศ เขาหวาดผวาจนแทบฉี่รดกางเกงแล้ว ในที่สุดก็ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “อะไรกันนักหนา?!”
“เหตุใดต้องเปิดศึกกับอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยให้ได้ล่ะเพคะ? ฝ่าบาท เฮ่าเยวี่ยกับเฟยซิงมิใช่พันธมิตรกันหรือ?”
“แล้วอย่างไรเล่า? เราต้องการเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด! เราจะรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง!” จักรพรรดิซวนโบกกำปั้นไปมา จากนั้นจู่ๆ ท้ายทอยเขาก็เจ็บแปลบ ถูกทุบให้สลบไปทันที
จิ้งกุ้ยเฟยที่อยู่ด้านหลังเขาผู้นั้นพุ่งฉิวมาด้านหน้า ขณะที่กำลังจะสัมผัสชีพจรที่ข้อมือเขา เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากกฎขึ้นด้านหลังนาง เด็กหนุ่มปากแดงฟันขาว สง่างามดั่งลำไผ่ “ให้ข้าทำเถอะ”
ขณะที่พูด เด็กหนุ่มก็จับชีพจรบนข้อมือจักรพรรดิซวนแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “เขาไม่ได้ถูกสิ่งใดสิงร่าง ดวงวิญญาณในร่างนี้ก็คือเขา”
จิ้งกุ้ยเฟยถอดชุดฝ่ายในออก เผยให้เห็นชุดทะมัดทะแมงสีดำที่อยู่ด้านใน มือถูคลึงใบหน้าครู่หนึ่ง ลอกหน้ากากหนังคนแผ่นหนึ่งออก เผยโฉมหน้าที่แท้จริง เป็นกู้ซีจิ่วนั่นเอง
เธอก้มหน้า เหลือบมองจักรพรรดิซวนแวบหนึ่ง “เขายังคงเป็น ตัวเองอยู่จริงๆ เพียงแต่นิสัยเขาฉุนเฉียวมาก แถมยังโอหังไม่น้อย คิดจะเลียนแบบปฐมจักรพรรดิ[1] อยากรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง…ข้าสงสัยว่าเขาจะถูกฉีดยากล่อมประสาทบางอย่างเข้าไปในร่าง”
เด็กหนุ่มผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้น “ยากล่อมประสาท?”
มุมปากกู้ซีจิ่วหยักยิ้มนิดๆ “เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเรื่องที่เขาทำในยามนี้เหมือนถูกล้างสมอง?”
เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่พูดอะไร
ไม่รู้ว่ากู้ซีจิ่วหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากไหน เจาะเข้าที่เส้นเลือดของจักรพรรดิซวนทันที ยามที่ดึงออกมาอีกครั้งก็มีเลือดติดมาครึ่งเล่ม จากนั้นก็โบกมือให้เด็กหนุ่มผู้เป็นเพื่อนร่วมงาน “ข้าจะไปตรวจสอบเลือด ฝากเจ้าจัดการด้วยนะ”
พลันหมุนกายหายลับไป
เด็กหนุ่มผู้เป็นเพื่อนร่วมงานถอนหายใจเบาๆ เหลือบมองจักรพรรดิซวนแวบหนึ่ง ยื่นมือไปตบร่างจักรพรรดิซวนเบาๆ
จักรพรรดิประหนึ่งถูกปลุกจากฝัน ลืมตาขึ้นทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มผู้นั้นก็สะดุ้งโหยง อ้าปากจะส่งเสียง เด็กหนุ่มผู้นั้นพลันชูมือ ไม่รู้ว่าหยิบไม้บรรทัดเล่มหนึ่งออกมาจากไหนกดลงบนปากของจักรพรรดิซวน จากนั้นเขาก็กะพริบตา “ฝ่าบาทท่านเห็นอะไรหรือ?”
จักรพรรดิซวนเหมือนถูกสะกดจิต สายตาล่องลอย “อะไร…เห็นอะไร?”
เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง เอ่ยเสียงนุ่ม “ท่านไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
จักรพรรดิซวนพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย “อืม เราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น…”
เด็กหนุ่มพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันหลังจากไป
จักรพรรดิซวนนั่งโง่งมอยู่บนพื้นครู่ใหญ่ มองซ้ายมองขวา เอ๊ ทำไมเรามานอนอยู่บนพื้นล่ะ?
….
ภายในเรือนที่เงียบสงัดแห่งหนึ่งในตัวเมือง กู้ซีจิ่ว กำลังยุ่งง่วนเป็นขั้นเป็นตอนอยู่
กว่าหนึ่งปีมานี้เธอเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างนัก และใช้ประโยชน์จากความ รู้ที่เธอรํ่าเรียนมาจากยุคปัจจุบัน ค้นคว้าสิ่งของมากมายที่เป็นไปไม่ได้ในยุคนี้ได้สำเร็จ ยกตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ตรวจเลือดเครื่องนี้และยารักษาโรค…
——————————————————————
[1] ปฐมจักรพรรดิในที่นี้หมายถึง จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้เป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน และเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียว