Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 958

บทที่ 958 หลุดพ้น

การสังหารคนเหล่านี้ให้สิ้นซากในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ง่ายดายเลย…

แต่การรั้งให้คนเหล่านี้อยู่ที่นี่จนถึงที่สุดก็เป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่คอยติดตามข้างกายกู้ซีจิ่วคนนั้น เกรงว่าฝีมือคงไม่ธรรมดา หากปล่อยให้พวกเขาหาที่นี่พบ จะต้องเกิดศึกสังหารขึ้นแน่นอน อีกทั้งเขาไม่สามารถปลดปล่อยราชาผู้ฟื้นจากความตายออกมาช่วยเหลือได้ เมื่อถึงยามนั้นเกรงว่าจะบาดเจ็บสูญเสียกันทั้งสองฝ่ายโดยแท้…

เห็นทีว่าทำได้พียงปล่อยคนพวกนี้ออกไปก่อน โชคดีที่คนพวกนี้ยังไม่พบฆาตกรตัวจริงของที่นี่ ก็ปล่อยให้พวกเขาสังหารผีดิบชุดขาวด้านนอกเหล่านั้นแล้วนึกว่าที่นี่จบลงเพียงเท่านี้แล้ว…

อย่างมากเขาก็แค่หาวิธีทำลายสิ่งปลูกสร้างด้านนอกทิ้งเสีย ทำให้ที่นี่กลับเป็นทุ่งหิมะผืนหนึ่งเหมือนเดิม ผีน้อยเหล่านั้นจะได้นึกไปเพียงว่าต้องวิชามายาเข้า ไม่ตรวจสอบลงลึกอีก ต่อให้ในใจพวกเขายังคงสงสัยอยู่ รายงานไปยังเบื้องบน แล้วพาคนมาตรวจสอบอีกก็เป็นเรื่องในอีกหลายวัน ข้างหน้า ยามนั้นเขาจะจัดแจงที่นี่ใหม่อีกครั้ง ทำให้คนเหล่านี้หาไม่พบอีกต่อไป…

ในใจผู้อาวุโสหลงมีสารพัดความคิดวิ่งวนอยู่ หลังจากชั่งผลดีผลเสียแล้วก็สั่งการบุรุษชุดสีมรกตทันที “หาทางทยอยเรียก ‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ เหล่านั้นกลับมา เหลือไว้ด้านนอกสักสามสิบสี่สิบตัวก็พอ!”

บุรุษชุดสีมรกตไม่เข้าใจ “เพราะอะไร?”

ผู้อาวุโสหลงกล่าวด้วยนํ้าเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโสเช่นข้าจะกระทำสิ่งใดล้วนต้องอธิบายให้เจ้าเข้าใจหรือว่าเพราะอะไร?”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้บุรุษชุดสีมรกตพูดไม่ออกแล้ว เขายังคงค่อนข้างกริ่งเกรงผู้อาวุโสหนุ่มที่หล่อเหลาผู้นี้อยู่ จึงทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่ง ของเขา

‘ผู้ฟื้นจากความตาย’ ที่อยู่ด้านนอกไม่มีความสามารถในการตามตัวภายหลัง เหลือไว้เพียงสามสิบสี่สิบตัวก็ฆ่าเวลาได้ดีมากแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วยาม บนพื้นด้านนอกก็ไม่มีผีดิบชุดขาวปรากฏตัวขึ้นอีก แม้แต่พายุหิมะที่รุนแรงก็หยุดลงแล้ว เมื่อผีดิบชุดขาวตัวสุดท้ายล้มลงไป ท้องฟ้าที่เดิมทีมีเมฆคลุมหนาทึบจนคนมองไม่เห็นสีสันของนภาก็เริ่มปรากฏลักษณะเดิมออกมาช้าๆ…

“เขตแดนนี้กำลังจะสลายแล้ว !” หลานไว่หูโห่ร้องขึ้นมาด้วยความยินดี

พวกเยี่ยนเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาถูกขังไว้ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว บัดนี้ในที่สุดก็ได้เห็นแสงสว่างแล้ว!

จางฉูฉู่เอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนกะจกหยินหยางที่ซีจิ่วทำลายทิ้งพวกนั้นจะเป็นตาค่ายกลของค่ายกลใหญ่แห่งนี้ เมื่อกระจกหยินหยางแตกไป ผีดิบเหล่านี้จึงไม่ดาหน้าเข้ามาอย่างไร้ที่สิ้นสุดอีก”

คนที่เหลือพากันพยักหน้าเห็นด้วย

ทุกคนมองไปรอบๆ เนื่องจากพายุหิมะที่บ้าคลั่งหยุดลงแล้วทัศนะวิสัยจึงดีขึ้น มองปราดเดียวก็เห็นสภาพของเมืองร้างทั้งเมืองแล้ว

เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่เหล่านี้ ก็คาดการณ์ได้ว่าเมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างน้อยหลายทศวรรษแล้ว ผนังกำแพงชำรุดทรุดโทรม ดูเปลี่ยวร้างอย่างยิ่ง และลานกว้างที่พวกเขาอยู่นี้น่าจะเป็นลานนวดข้าวของเมือง ใต้หิมะที่ทับถมมีผืนดินเหลืองแน่นแข็ง ส่วนเสาธงสูงตระหง่านต้นนั้นยามนี้ก็ดูผุพังเช่นกัน ก่อนหนานี้ยามที่อยู่ในค่ายอาคม เสาต้นนี้ดูค่อนข้างประหลาดทองก็ไม่ใช่เหล็กไม่เชิง แต่ยามนี้เมื่อค่ายกลค่อยๆ สลายไป เมื่อมองไปที่เสาธงต้นนั้นอีกครั้งก็เห็นทำมาจากไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง ด้านบนมีรอยแตกร้าว ไม่โดดเด่นสะดุดตา

เมื่อจางฉูฉู่เห็นสภาพรอบข้างก็ค่อนข้างตกตะลึงคลางแคลง “มารดามันเถอะ สามารถปรับเปลี่ยนเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งให้ร้ายกาจได้ขนาดนี้เชียวหรือ? พวกเราต้องทำลายสถานที่ผุพังแห่งนี้ทิ้งหรือไม่? กันไม่ให้ผู้อื่นหลงเข้ามาติดกับอีก…”

“ไม่ต้องหรอก ค่ายกลของที่นี่พังไปแล้ว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป พวกเรารีบไปกันเถอะ” กู้ซีจิ่วกล่าว

“แต่ที่นี่…” จางฉูฉู่ยังคิดจะพูดต่อ กู้ซีจิ่วโบกมือพลางเอ่ยว่า “ค่ายกลพังไปแล้ว ที่นี่ก็เป็นแค่บ้านเรือนผุพังไม่กี่หลังเท่านั้น ไม่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้นหรอก พวกเราต้องออกจากที่นี่ก่อน ทุกคนตามหาสถานที่อบอุ่นแล้วค่อยพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์เถอะ สถานที่ผีสางแห่งนี้ข้าไม่คิดจะรั้ง

อยู่นานกว่านี้แล้ว! เอาล่ะไปได้แล้ว!”

พลางเหินนำไปทางตะวันออกเฉียงใต้ก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version