Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1053

ตอนที่ 1053 โลกแท้จริงดาราสัจธรรม

ผืนฟ้ามีความแปลกตา ในความว่างเปล่าที่เหมือนดังอดีตมีแสงดาวเล็กน้อยสว่างพร่างพราว ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ตอนนี้ปรากฏน้ำวนยักษ์ขึ้นกลางฟ้า ขณะน้ำวนหมุนโคจร ก็เกิดเสียงดังสนั่นไปรอบๆ โดยรอบน้ำวนมีแท่นหินยักษ์เก้าสิบเก้าแท่นลอยอยู่ บนแท่นหินเหล่านี้มีอักขระซับซ้อน ขยับแสงจางวิบวับ ขณะเดียวกันด้านบนยังมีผู้ฝึกฌานนั้งอยู่เก้าสิบเก้าคน

ผู้ฝึกฌานเหล่านี้แผ่กลิ่นอายเน่าเปื่อย สีหน้าเฉยชา ราวกับว่านั่งอยู่ที่นี่มาตลอดในกาลเวลาไม่มีที่สิ้นสุด

ตรงหน้าพวกเขาทุกคนมีกระบี่ใหญ่สีดำเล่มหนึ่งปักลงบน แท่นหิน ได้ยินรางๆ เหมือนเสียงกระบี่ร่ำไห้ นั่นคือเสียงร้องไห้ของกระบี่ดำเก้าสิบเก้าเล่ม

พวกมันกำลังร้องไห้ พวกมันกำลังร้องคำราม เพราะพวกมันถูกทอดทิ้งแล้ว ไม่ได้กินโลหิตสิ่งมีชีวิตมานานปี พวกมันได้แต่อยู่ที่นี่ คอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้านายของพวกมันเงียบๆ คอยรักษาการณ์โดยไม่มีวันพัก

แท่นหินเก้าสิบเก้าแท่นรวมขึ้นเป็นลักษณะวงกลม ลอยอยู่กลางฟ้า ขณะเดียวกันก็ยังรวมตัวเป็นขอบของน้ำวนยักษ์ในนั้น ตอนที่มองไปเหมือนกับว่าน้ำวนเกิดขึ้นจากการรวมแท่นหินเก้าสิบเก้าแท่น

เมื่อน้ำวนหมุนโคจร ผู้ฝึกฌานเก้าสิบเก้าคนนั้นยังคงนั่งฌาน ไม่สนใจแม้แต่น้อย ราวกับหลับใหล

เวลาผ่านไปช้าๆ จนกระทั่งหนึ่งก้านธูปต่อมา ช่วงที่เกิดเสียงโครมดังสนั่นทะเลดารา การหมุนของน้ำวนพลันหยุดชะงักลงทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ เรือรบทยอยกันโผล่มาจากข้างในทีละลำ

เมื่อเรือรบโผล่มาก็มีแรงกดดันแผ่กระจายไปทั้งฟ้าดวงดาว ผู้ฝึกฌานบนเรือทุกลำตอนนี้ยืนขึ้น สีหน้าดูเปล่าเปลี่ยว หลังจากเรือรบโผล่มาทีละลำ แรงกดดันที่นี่ก็บรรลุถึงระดับสูงยิ่ง ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ยังไม่ทำให้เก้าสิบเก้าคนบนแท่นหินลืมตา

ผ่านไปครู่หนึ่ง ตอนที่เรือรบใหญ่ของซูหมิงกลางเรือรบหลายร้อยลำโผล่ออกมาจากน้ำวน แรงกดดันที่แผ่มาทำให้ฟ้าเกิดระลอกคลื่นจำนวนมากทันที ซูหมิงยืนอยู่ตรงหัวเรือรบ สายตามองฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้า ฟ้าแห่งนี้มีความแปลกตาพร้อมกับความคุ้นเคย แปลกตาก็เพราะเขาไม่เคยเห็นมาก่อน คุ้นเคยก็เพราะมันเป็นความ ทรงจำของเต้าคง!

ซูหมิงเข้าใจว่าที่นี่…คือโลกแท้จริงดาราสัจธรรม!

ที่นี่คือฟ้ากระจ่างดาวที่แม้เขาจะไม่เคยข้ามผ่านเข้ามา แต่ก็เป็นผืนฟ้าบ้านเกิดเขา

หลังจากเรือรบหลายร้อยลำโผล่มาจากน้ำวนจนครบแล้ว แรงกดดันที่รวมขึ้นทำให้ระลอกคลื่นจากฟ้ากระจ่างดาวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหตุที่มันเป็นแบบนี้ นอกจากขั้นพลังโดยรวมของผู้ฝึกฌานหลายพันไปถึงเกือบหมื่นคนบนเรือรบหลายร้อยลำแล้ว ที่สำคัญกว่าคือ…มีบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง มีจูโหย่วไฉ และมีซูหมิง

เพียงแค่แรงกดดันจากสามคน ก็มากพอจะทำให้ฟ้าเกิดการสั่นสะเทือนอย่างตอนนี้

แววตาซูหมิงเรียบนิ่ง ปิดซ่อนความคิดที่คนอื่นมองไม่เห็นไว้ เขาเข้าใจว่าช่วงที่ก้าวเข้ามาที่นี่ จากที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เขาก็กลายเป็นคนทั่วไป

เตาหลอมลำดับห้าต้องอยู่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เมื่อไม่มีเตาหลอม ตอนที่เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นเกิด ซูหมิงรู้ว่าตนจะไม่ใช่ผู้ควบคุมอีก และก็เพราะเหตุนี้เอง ก่อนที่จะออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต เขาถึงใช้การทำลายล้างหนึ่งโลกรวมเป็นความ บ้าคลั่งออกมา

เขาเชื่อว่าอีกไม่นานสี่มหาโลกแท้จริงจะรู้เรื่องนี้ ตอนที่คนจำนวนมากตกตะลึง นามของเขาจะโด่งดังในพริบตา

แต่สิ่งที่ซูหมิงต้องการไม่ใช่การเก็บตัวเงียบในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม…สิ่งที่เขาต้องการคือประกาศให้ทุกคนรู้ โอหังอวดดี และใช้อำนาจบาตรใหญ่!

ดังนั้นแล้วคนที่กล้าล่วงเกินเขาจะมีไม่มาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาไม่ได้เอาสมบัติล้ำค่าอย่างเตาหลอมลำดับห้ามาด้วย

ดวงตาซูหมิงเป็นประกายเบาบางจนตรวจไม่พบ เห็นรางๆ ว่าในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วมีเงาเตาหลอมวูบผ่าน

ซูหมิงเอาเตาหลอมลำดับห้าไว้ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตจริง ทว่า…ปฏิกิริยาระหว่างเขากับเตาหลอมยังอยู่ ขอเพียงให้เวลาเขามากพอ เขาจะเรียกมันมาได้ในเวลาอันสั้นเหมือนกับตอนเรียกร่างจริงเอ้อชาง

เพียงแต่ว่าหากไม่จำเป็นจริงๆ ซูหมิงจะไม่ทำเช่นนั้น

‘โลกแท้จริงดาราสัจธรรม…’ ซูหมิงมองฟ้ากระจ่างดาว มุมปากยกยิ้มทีละน้อย รอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดกลายเป็นหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะดังก้องฟ้า ผู้ฝึกฌานทั้งหมดรอบๆ ต่างเหมือนไม่ได้ยิน ส่วนเรือรบก็เดินหน้าต่อไป

ซูหมิงกลับมาแล้ว มีน้อยคนมากที่คาดคิดได้ว่าเขาจะกลับมาด้วยวิธีเช่นนี้ เดินออกมาจากประตูใหญ่แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตด้วยความชอบธรรมและสง่าผ่าเผย

พลังแห่งแสงสว่างหยางกลางฟ้าผืนนี้เข้มข้นยิ่งกว่าในแดนต้นกำเนิดจิต ตอนนี้กลิ่นอายของมันไม่อาจส่งผลให้เขากระวนกระวายมากนัก ผลของมันถูกลดจนถึงขีดสุดแล้ว กระทั่งเมินเฉยได้

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงข้างหลังซูหมิง ตอนนี้มีสีหน้าตื่นเต้น ถึงเขาจะเป็น ยอดฝีมือ ทว่าเขาก็เพิ่งเคยมาสี่มหาโลกแท้จริงเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะการเข้ามาอย่างชอบธรรมแบบนี้ ยิ่งทำให้ท่าทีเขาตื่นเต้นเข้าไปอีก

กระเรียนขนร่วงอยู่ข้างๆ ดวงตากลอกไปมาไม่หยุด มองไปรอบๆ พลางยิ้มชั่วร้ายอย่างลำพองใจ ดวงตาแวววาว เหมือนกับว่าเห็นหินผลึกนับไม่ถ้วนกำลังรอมันอยู่ สำหรับมันแล้ว นี่คือความสุขที่สุดในชีวิต

“ที่นี่ใกล้กับอาคมเคลื่อนย้ายคงที่ของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต จะไปสำนักดาราสัจธรรม ยังต้องใช้เวลาอีกราวสามเดือนถึงจะไปถึง” สวี่ฮุ่ยกล่าวเสียงเบาอยู่ข้าง ซูหมิง

ซูหมิงดวงตาแวววาว มองผู้ฝึกฌานบนแท่นเก้าสิบเก้าแท่นรอบตัวที่ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อยเพราะการมาของพวกเขา เขารู้สึกถึงการผ่านโลกมานานและความเก่าแก่จากตัวผู้ฝึกฌานเหล่านี้ หนำซ้ำยังสัมผัสได้ว่าในตัวเก้าสิบเก้าคนมีแสงคมกริบซ่อนเอาไว้ หากแสงสว่างขึ้นมาจะสั่นสะเทือนฟ้าดิน

“ผู้อาวุโสเก้าสิบเก้าท่านนี้คือผู้แข็งแกร่งที่เฝ้าทางเข้าสำนักดาราสัจธรรม ขั้นพลังพวกเขาลึกลับ รู้เพียงว่าสิ่งที่พวกเขาฝึกฝนไม่ใช่วิชาอย่างพวกเรา แต่เป็นวิชาสืบทอดที่ประหลาดแขนงหนึ่ง วิชานี้คือกระบี่ กระบี่ดั่งชีวิต

ถึงพวกเขาจะอยู่สำนักดาราสัจธรรม แต่กลับฟังคำสั่งของบรรพบุรุษเต้าเฉิน คนเดียวเท่านั้น จะไม่ฟังคำสั่งของคนอื่นเลย หน้าที่พวกเขาคือขวางคนจาก โลกแท้จริงอื่นที่จะเข้ามาที่นี่” สวี่ฮุ่ยมองเก้าสิบเก้าคนนั้นแล้วอธิบายอยู่ข้างๆ

ซูหมิงได้ยินดังนั้นก็เพ่งมองไปครู่หนึ่ง ยามที่ละสายตากลับ เรือรบหลายร้อยลำบินไปไกลในฟ้ากระจ่างดาวอย่างเงียบสงบ และกลายเป็นสายรุ้งยาวหลายร้อยสายมุ่งหน้าสู่สำนักดาราสัจธรรม

พวกมันจะพาซูหมิงไปสำนักดาราสัจธรรม ไปรับการท้าประลองและทดสอบ รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายอย่างแท้จริง!

ซูหมิงยืนอยู่บนหัวเรือ สายตามองฟ้าตลอดทางพลางรู้สึกถึงพลังแห่งแสงสว่างหยาง ครั้งนี้ร่างกายเขาไม่รู้สึกไม่ชินแม้แต่น้อย ตอนนี้เองเวลาผ่านไปเจ็ดวัน

ในเจ็ดวันฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ไม่มีดาวปรากฏมาเลย ตอนนี้เจ็ดวันต่อมาในสายตาซูหมิง เขาเห็นในผืนฟ้ามีดาวกลุ่มหนึ่ง

“เขตที่พวกเราอยู่คือรอบนอกสำนักดาราสัจธรรม ผู้ฝึกฌานในดาวทั้งหมดของที่นี่จะเป็นแต่ละเผ่าพันธุ์ในสังกัดสำนักดาราสัจธรรม ทางตะวันตกและเหนือจะเป็นของสำนักดาราสัจธรรม ทว่าทางตะวันออกและใต้ตอนนี้ถูกพันธมิตรเซียนโจมตีกลายเป็นสนามรบไปแล้ว” สวี่ฮุ่ยกล่าวเสียงเบาพลางชี้ไปยังดาวข้างหน้า

“ตรงนั้นคือเผ่าพันธุ์ก้นเจดีย์ เป็นกลุ่มของผู้อาวุโสหมัวต๋าหนึ่งในสามพันผู้อาวุโสใหญ่สำนักดาราสัจธรรม ในสำนักดาราสัจธรรมมีการแบ่งตำแหน่งกันอย่างเข้มงวดดั่งหอคอยสูง คนที่อยู่ตรงยอดหอคอยมีเพียงคนเดียวก็คือบรรพบุรุษเต้าเฉินที่นั่งฌานมานานปีและยังไม่เคยออกมา

เขาไม่เพียงแต่เป็นเจ้าปกครองสำนักดาราสัจธรรม แต่ยังเป็นเจ้าภัยพิบัติของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ปกป้องทั้งโลกดาราสัจธรรม เหนือกว่าเขามีเพียงยอดบรรพชนที่เรียกกันว่าผู้ยิ่งใหญ่

เพียงแต่ว่ายอดบรรพชนลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ใดและเป็นใคร

ต่ำกว่าบรรพบุรุษจะเป็นสมาคมผู้อาวุโสสำนักสำนัก พวกเขาจะตัดสินเรื่องใหญ่ๆ เกี่ยวกับสำนักดาราสัจธรรมทั้งหมด สมาคมผู้อาวุโสสำนักมีทั้งหมดเจ็ดสิบสองคน ทุกคนล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ในเวลาปกติพวกเขาจะไม่ออกไปข้างนอก ส่วนใหญ่จะปิดด่านนั่งฌาน ทุกร้อยปีจะมีสามท่านตื่นขึ้นมาตัดสินเรื่องของสำนักดาราสัจธรรมในสิบปี

ต่ำกว่าสมาคมผู้อาวุโสสำนักคือองค์ชายสิบคนรวมถึงเจ้าด้วย ปกติตำแหน่งนี้จะเลื่อนลอย มีเพียงตอนนี้ที่จะปรากฏอย่างแท้จริงเท่านั้น ผู้สืบทอดสิบคนนี้จะควบคุมดูแลคนละหนึ่งตำหนัก ตอนแรกตำหนักจะว่างเปล่า ต้องเพิ่มไปด้วยตัวเอง

ต่ำกว่าผู้สืบทอดสิบคนคือสามร้อยสามสิบสามเทพ หกร้อยหกสิบหกเซียน รวมถึงปราชญ์เก้าร้อยเก้าสิบเก้าคน คนเหล่านี้มีฐานะสูงส่ง ในสำนักดาราสัจธรรม พูดได้ว่าเป็นคนตัดสินโชคชะตา ปกติพวกเขาจะหลับใหล ไม่ออกมาง่ายๆ หากออกมาก็จะทำลายทุกอย่าง

สิ่งเหล่านี้คือพลังของสำนักดาราสัจธรรม หากสำนักไม่เจออันตรายถึงขั้นต้อง พังพินาศก็จะไม่ออกมา

นอกจากนี้แล้วก็จะเป็นสี่ห้องโถงแห่งสำนักดาราสัจธรรม หนึ่งห้องโถงผู้อาวุโส สองห้องโถงสงคราม สามห้องโถงรักษาการณ์โลก และสี่…..ห้องโถงตำหนักที่มีเพียงสิบผู้สืบทอดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้ หลายปีมานี้มันตั้งขึ้นลอยๆ แม้แต่สมาคมผู้อาวุโสสำนักยังไม่มีอำนาจก้าวก่าย!” เรือรบเดินหน้าไป สวี่ฮุ่ยเอ่ยเสียงเบาเล่าเรื่องโครงสร้างเกี่ยวกับสำนักดาราสัจธรรมอยู่ข้างซูหมิง เรื่องเหล่านี้ก็มีอยู่เล็กน้อยในความทรงจำเต้าคง ตอนนี้จึงซ้อนทับกับคำพูดของสวี่ฮุ่ย ทำให้เขาเข้าใจสำนักดาราสัจธรรมมากกว่าเดิม

สวี่ฮุ่ยยังคงกล่าวต่อไป เล่าทุกอย่างของสำนักดาราสัจธรรมที่นางรู้ ส่วนเรือรบหลายร้อยลำเดินหน้าไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็เข้าใกล้ดาวกลุ่มนั้นกลางฟ้า

สายรุ้งจำนวนมากบินขึ้นจากดาวเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ดูแน่นขนัดราวๆ หลายหมื่นคน ตอนที่ผู้ฝึกฌานจากดาวเหล่านั้นบินขึ้น ทุกคนต่างคารวะมาทางเรือรบของ ซูหมิงพร้อมกัน

และยังมีอีกสิบกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้ฝึกฌานเหล่านั้น ต่างคารวะด้วยสีหน้าเคารพเช่นกัน

“ยินดีต้อนรับท่านกลับมา!” เมื่อสิบกว่าคนเอ่ยขึ้น หลายหมื่นคนข้างหลังที่คารวะอยู่ต่างเอ่ยคำพูดเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ยินดีต้อนรับท่านกลับมา!”

เสียงพวกเขาดังกึกก้องไปรอบๆ ต่อให้เป็นในผืนฟ้าก็ยังดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า พวกเขามีสีหน้าฮึกเหิมและเคารพ ประหนึ่งว่าขอเพียงคนที่พวกเขาเรียกว่าท่านเอ่ยมาประโยคหนึ่ง พวกเขาทั้งเผ่าพันธุ์จะปฏิบัติตามทุกอย่าง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version