Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1080

ตอนที่ 1080 แดนเลื่องลือ 6

การกระทำของซูหมิงทำให้โดยรอบเงียบลงโดยพลัน ทุกสายตาจับจ้องตัวเขา เมื่อซูหมิงเข้าไปอยู่กลางแท่นราบ เขาก็ไม่ได้สนใจภาพที่ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนจับจ้องเขาแม้แต่น้อย

สิ่งที่เขาต้องการคือให้ทุกคนตื่นตกใจกับตัวเขา ต้องการสร้างเรื่องใหญ่เพื่อให้ทุกคนหวาดหวั่น เขาในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต จากอ่อนแอจนผงาดขึ้น จนเมื่อกลับ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม เขาตั้งใจว่าจะไม่ให้ตนเป็นที่ดูถูกอย่างตอนนั้นอีก

หนึ่งเค่อก่อนหน้านี้ เขาสังเกตแดนเลื่องลือด่านสี่ตลอด ภายใต้การสังเกตอย่างละเอียด เขามองเงื่อนงำออกรางๆ ตอนนี้เดินหน้าไป ทันทีที่เหยียบบนแท่นราบ ก็รู้สึกว่าความหนาวบนแท่นราบต่างกับข้างนอกโดยสิ้นเชิง

ความหนาวแบบนี้ไม่ได้กระจายมาจากในอากาศ และก็ไม่ได้ขยายจากแท่นราบใต้เท้า แต่เกิดขึ้นจากกฎของที่นี่ ประหนึ่งว่ากฎกำหนดว่าที่นี่จะต้องหนาว ดังนั้นที่นี่เลยหนาว

“ผู้ทดสอบ คือผู้ใด!” เสียงเย็นชาดังมาจากในลำแสงยักษ์บนแท่นราบ เมื่อสิ้นเสียง บนแท่นราบที่สัตว์มังกรวนเวียนเกิดระลอกคลื่นกึ่งโปร่งใสขึ้น เห็นรางๆ ว่าในนั้นมีร่างสวมเสื้อคลุมดำร่างหนึ่ง อีกทั้งข้างหลังยังมีค้างคาวสีดำ

เขากำลังหลับตาราวกับถูกผนึกในลำแสง เป็นเขาเองที่สร้างการเปลี่ยนแปลงกฎที่นี่ กลายเป็นต้นกำเนิดความหนาวทั้งหมดของที่นี่

“เต้าคง” ซูหมิงตอบราบเรียบ

“แท่นแก่นยมโลกมีอยู่สองเส้นทาง หนึ่งผู้ล้มเหลวไม่ตาย เส้นทางนี้ผ่านเก้าขั้นก็ถือว่าผ่านด่าน เส้นทางที่สองผู้ล้มเหลวตาย เส้นทางนี้ผ่านเก้าขั้นก็ถือว่าผ่านด่านเช่นกัน

บอกข้า เจ้าเลือกอย่างไร” เสียงเย็นชาดังก้อง แต่คนนอกกลับไม่ได้ยิน

“ต่างกันอย่างไร” ซูหมิงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นเนิบๆ

“ต่างกันที่เจ้าอยากตายหรืออยากรอด” เสียงเย็นชาแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามสูงส่ง เมื่อเอ่ยออกไป แรงกดดันก็กระจายตามไป

ถึงคำพูดจะเย็นชา ทว่าความโอหังในน้ำเสียงกลับเด่นชัดยิ่ง ซูหมิงได้ยินดังนั้น ดวงตาขยับประกายวาวพลางยิ้ม

“ข้าเลือกทางที่สอง” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

สิ้นคำพูดเขา ร่างเงาที่เหมือนถูกผนึกในลำแสงพลันลืมตาขึ้น ทันทีที่ดวงตาเป็นประกายวาว สัตว์มังกรทั้งหมดที่วนเวียนอยู่รอบๆ ต่างคำรามพร้อมกันแล้วบินลงมาจากลำแสงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ไปโผล่อยู่นอกลำแสง ระหว่างที่พวกมันเกิดแสงหม่นขยับวูบวาบ เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวก็หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นร่างเงาหนึ่ง

ร่างเงานี้มีขนสีดำทั้งตัว ข้างหลังมีปีกเหมือนค้างคาว ดวงตาสองข้างเผยประกายสีแดง ลักษณะเหมือนกับร่างที่ถูกผนึกในลำแสงทุกประการ

“ยืนหยัดสามลมหายใจผ่านหนึ่งขั้น สามสิบลมหายใจขึ้นไปถือว่าเจ้าผ่านด่าน หลังจากล้างอันดับเมื่อหมื่นปีก่อน หมื่นปีมานี้มีคนเดียวที่ผ่านด่าน และสิ่งที่เขาเลือกคือเส้นทางแรก” ดวงตามนุษย์ค้างคาวสีดำขยับประกายสีแดง น้ำเสียงมีความ หนาวเยือก ทันทีที่เอ่ยออกไปเขาก็พุ่งไปข้างหน้า พร้อมกันนั้นตัวเขายังเปล่งแสงสีดำสว่างจ้าแสบตา

แสงดำนี้คล้ายกับว่าสามารถกินต้นกำเนิดแสงทุกอย่างรอบๆ ช่วงที่มันโผล่มา ซูหมิงรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทง กระทั่งภายใต้แสงสว่างนี้ยังยากจะ ลืมตาขึ้น

มิหนำซ้ำยังมีไอหนาวกระจายมาจากกลางแสง มันไหลไปตามรูขุมขนทั้วร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง มุดเข้าไปในร่างกายราวกับว่าอยากจะแช่แข็งร่างเขา

เกิดเสียงโครมดังขึ้น ซูหมิงกระเด็นถอยไป ร่างโซเซถอยไปติดกันหลายก้าว ตอนที่เงยหน้าขึ้นยังเกิดเสียงดังเสียดสี สิ่งที่เห็นเป็นแสงดำอีกครั้ง ความรู้สึกเจ็บปวดลามเลียไปทั่วร่าง ในร่างกายรวมเป็นน้ำแข็ง ถึงขนาดที่ร่างกายยังเกิดความรู้สึก หนักขึ้นไม่รู้กี่เท่า

เกิดเสียงดังโครมอีกครั้ง ซูหมิงถอยไปอีกครั้งจนไปอยู่ตรงขอบแท่นราบ จังหวะที่เขากระอักเลือดสีดำออกมา เสียงเย็นชาจากมนุษย์ปีกสีดำเพิ่งจะดังแว่วมา

“สามลมหายใจ เจ้าผ่านด่านแรกแล้ว” ขณะเอ่ยอยู่นี้ ระหว่างที่ซูหมิงเงยหน้าขึ้น แสงดำเกิดเสียงดังเสียดสีอีกครั้ง มันระเบิดมาจากตัวมนุษย์ปีกสีดำ

แสงดำนี้ประหนึ่งปกคลุมฟ้าดิน ทำให้สิ่งที่ซูหมิงมองเห็นรอบๆ ถูกแสงดำเข้ามาแทนที่ เขายากจะขยับกาย ความรู้สึกทั่วร่างคือเหมือนมีเข็มนับหมื่นทะลวงร่าง กระทั่งหายใจยังเจ็บปวด ลมหายใจที่ปล่อยออกมามีเสียงกึกๆ ราวกับจะแข็งตัว

คนข้างนอกเห็นภาพนี้แล้วก็ต่างมีสีหน้าเสียดาย ซ้ำยังมีความสุขที่เห็นคนอื่นทุกข์ ระหว่างที่เสียงสนทนาดังก้อง เป้ยปังส่ายศีรษะ ผู้อาวุโสสำนักสามท่านข้างหลังไม่พูดอะไร ทว่าชายชราหน้าดำกลับยิ้มเยาะที่อีกสองคนรู้สึกเสียดาย

และยังมีจิตสัมผัสสิบกว่าสายที่มายังที่นี่ ตอนนี้ต่างเตรียมจะสลายไปแล้ว

“อย่างมากสุดก็ขั้นสี่ เขาต้องล้มเหลวแน่!”

“ไม่ผิด ดูจากท่าทางแล้วขั้นสี่คงเป็นขีดจำกัด แสงแก่นยมโลกถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในแสงแท้จริงห้าสี ถึงจะยังไม่สมบูรณ์ แต่คนธรรมดาก็ไม่มีทางรับไหว”

“ยังคิดอยู่เลยว่าอาจจะมีเต้าเสวียนเพิ่มมาอีกคน ไม่นึกเลยว่าดูมีพลังไม่ธรรมดา แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับเป็นแบบนี้”

“ฮ่าๆ สำนักดาราสัจธรรมขนานนามเต้าเสวียนว่าเป็นคนที่แกร่งที่สุดในทุกรุ่นตลอดหมื่นปีมานี้ หากไม่ใช่เพราะเขายกเลิกคุณสมบัติองค์ชายเองเพื่อมุ่งแต่ฝึกฝน ในตำแหน่งองค์ชายจะต้องมีเขาอย่างแน่นอน”

ขณะที่จิตสัมผัสสิบกว่าสายกำลังสนทนากัน ชั่วขณะที่จะแยกย้ายกันนั้น พวกเขากลับหยุดการสนทนาลงในทันที เค้าลางจะแยกย้ายกันก็เปลี่ยนไป จิตสัมผัสทั้งหมดไปรวมอยู่บนแท่นราบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขา ตอนนี้เสียงสนทนาจากสิบล้านคนรอบๆ เงียบลง ทุกสายตาจับจ้องแท่นราบ กระทั่งพวกเป้ยปังสี่คนยังมองไป

บนแท่นราบ ช่วงที่โลกที่ซูหมิงเห็นจะกลายเป็นสีดำ เขายิ้มเยาะมุมปาก ถึงจะขยับตัวไม่ได้ ซ้ำในร่างยังหนาวเหน็บเหมือนถูกผนึกขั้นพลัง ทว่าเขายังพูดได้

“ได้แค่นี้เองรึ เคล็ดวิชาหินตก!” สิ้นเสียงซูหมิงก็เกิดเสียงดังสนั่นฟ้า บนอากาศเหนือหัวเขาปรากฏหินผุพังยักษ์ขึ้นทีละก้อน พวกมันโผล่มาจากอากาศและตกลงมาอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาเอ่ยออกไปมันก็เข้าใกล้แท่นราบแล้ว

เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า นั่นคือเสียงหินผุพังยักษ์หลายสิบก้อนร่วงลงมา แผ่นดินสั่นสะเทือน ขนาดแผ่นดินที่สี่ยังสั่นไหว

หลังเกิดเสียงดังสนั่นจากหินตก แสงสีดำตรงหน้าซูหมิงเกิดการบิดเบี้ยว และยังมีคำพูดน้ำเสียงประหลาดใจดังมาจากในความมืดสีดำตรงหน้า

“เคล็ดวิชาหินตก ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะเรียนวิชานี้!”

หลังหินตกและเสียงดังสนั่นผ่านไป ซูหมิงเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก สายตามองคนปีกสีดำอย่างเย็นชา สีหน้าดูชั่วร้ายขึ้นมาทีละน้อย เส้นผมยังเป็นสีแดงฉาน

เขาเลียริมฝีปาก ลูกตาสองข้างเกิดเส้นเลือดฝอยตัดสลับกันจนเป็นสีแดง

“ข้าเลือกเส้นทางที่สาม” เสียงซูหมิงเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง ทันทีที่กล่าวออกไป เขาเดินหน้าหนึ่งก้าวแล้วยกมือขวาตบระหว่างคิ้วตัวเองทีหนึ่ง ฉับพลันนั้นร่างเขาหายไปในสายตาคนปีกสีดำ กลายเป็นดาวยักษ์ดวงหนึ่ง มันขยับไหวเปลี่ยนเป็น หัวใจสีโลหิต

พอหัวใจเต้นตุบๆ คนมีปีกสีดำหน้าเปลี่ยนสี มีแสงดำลอยขึ้นทั่วร่างและกระจายออกเป็นวงกว้างเพื่อต่อต้านสติที่จะพังทลายลงเพราะเสียงเต้นหัวใจนั้น

“เคล็ดวิชาดาวมายา!” เสียงทุ้มต่ำดังกังวานมาจากในรอยแยกเส้นหนึ่งที่แยกออกตรงหัวใจสีโลหิต พริบตาเดียวคนมีปีกสีดำเกิดความรู้สึกวิญญาณจะถูกกิน เขายืนหยัดไปได้หลายลมหายใจร่างก็ระเบิดออกดังโครม เส้นสีดำที่รวมจากวิญญาณถูกหัวใจสีโลหิตสูบเข้าไป จากนั้นหัวใจขยับแสงสีแดงวูบวาบก่อนกลับมาเป็นซูหมิง อีกครั้ง

ตอนนี้เส้นผมซูหมิงเป็นสีแดงทั้งหมด ในดวงตาเผยประกายสีแดงฉาน ดูแล้ว ชั่วร้ายและประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำยังมีความบ้าคลั่ง

ซูหมิงหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมเดินหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล ตัวเขาพุ่งเข้าไปยังลำแสง เวลานี้ร่างจริงคนมีปีกสีดำในลำแสงดวงตาฉายแววประหลาดใจ มุมปากยังคงยิ้มเยาะ

ทว่าตอนนี้เอง ซูหมิงยกมือขวาคว้าอากาศทีหนึ่ง ทวนมุ่งสู่ชีวิตโผล่ขึ้นมาในมือโดยพลัน เมื่อคว้าเอาไว้แล้วก็กระโดดลอยขึ้น ทวนมุ่งสู่ชีวิตเปล่งแสงทองหมื่นจั้งพร้อมกับแทงเข้าไปที่ลำแสง เกิดเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว ตรงปลายทวนมุ่งสู่ชีวิตปะทะกับลำแสง ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งการตัดชะตากระจายออก ช่วงที่ระลอกคลื่นที่ก่อขึ้นจากพลังนี้ปะทะลำแสง มันกลับทะลวงเข้าไปในลำแสงเล็กน้อย จากนั้นพลังที่มีอยู่ในชะตาซึ่งแฝงอยู่ในเคล็ดวิชาสังหารเทพของเขาก็มองข้ามลำแสงไป แล้วโจมตีระลอกที่สองใส่คนมีปีกสีดำข้างใน

ท่ามกลางเสียงดังครึกโครมอีกครั้ง อภินิหารระลอกที่สามจากเคล็ดวิชาสังหารเทพซึ่งคือแรงสั่นสะเทือนก็ตามมา มันทำให้ลำแสงเกิดเสียงดังอื้ออึง เกิดการสั่นสะเทือนนับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งคนมีปีกสีดำข้างในยังหน้าเปลี่ยนสี

“เคล็ดวิชาหินตก เคล็ดวิชาดาวมายา เคล็ดวิชาสังหารเทพ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะเรียนทั้งหมดแล้ว!”

“และยังมี…..เคลื่อนย้ายภูผา!” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายสีแดง เขายกมือซ้ายทำสัญลักษณ์มือชี้ไกลออกไป ทันใดนั้นแผ่นดินที่สี่สั่นสะเทือน แรงสะเทือนครั้งนี้มากกว่าก่อนหน้านี้ทั้งหมด คนสิบล้านคนโลกภายนอกต่างเบิกตาค้างอ้าปากกว้าง ภูเขาของที่นี่ลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปยกลอยขึ้นจากพื้นภายใต้การสั่นสะเทือน

หากเพียงลูกเดียวก็ไม่เท่าไร เพราะท่ามกลางเสียงสูดลมหายใจดังก้อง ภูเขาจำนวนมากบนแผ่นดินที่สี่ต่างลอยขึ้นฟ้าไปทีละลูก ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่น บนฟ้าแผ่นดินที่สี่มีภูเขาเกือบพันลูก!

ภูเขาสูงทุกลูกอยู่บนฟ้า แผ่นดินปรากฏเงาสะท้อนลงมาเหลือคณานับ ภาพนี้มากพอจะสร้างความตื่นตกใจกับคนสิบล้านคน ทำให้จิตสัมผัสสิบกว่าสายหวาดกลัว ต่อให้เป็นเป้ยปังยังหรี่ตาแคบลง ขนาดเขายังรู้สึกถึงพลังน่ากลัวจากภูเขาพันลูกนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version