ตอนที่ 1095 ความแกร่งของพละกำลัง
ซูหมิงหรี่ตาลง ร่างกายนี้มีใหญ่แสนจั้ง เรียกตัวเองว่าเทพ มาจากต่างแดน เต้าไห่หนึ่งในสี่บรรพชนสามรกร้างขนานนามมันว่าเป็นเทพโบราณ เพียงแค่ร่างกายก็มองออกว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนี้มีพละกำลังไม่อาจจินตนาการ
แม้เป็นเพียงกำลังก็มากพอจะสั่นสะเทือนฟ้าดิน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงความน่าเกรงขามจากตัวเขา พลังที่ก่อขึ้นมาให้ความรู้สึกขั้นกุม แต่หากสังเกตดีๆ จะมีความต่างออกไป เหมือนว่าไม่ใช่
กระทั่งซูหมิงยังรู้สึกว่าเทพโบราณตัวใหญ่นี้ ถึงจะไม่อาจเทียบได้กับเอ้อชางร่างสมบูรณ์ แต่ความใหญ่ของร่างกายก็มากพอจะสั่นสะเทือนจิตใจ
หนึ่งหมัดชกเข้ามาราวกับหินตก เสียงครึกโครมดังสนั่นเหนือกว่าเสียงฟ้าผ่า ส่งผลให้ฟ้าแตกออก ฟ้ากระจ่างดาวพังพินาศลง ราวกับว่าในหมัดมีพลังที่ทำลายล้างได้ทุกอย่างและยากจะต่อต้าน
นัยน์ตาซูหมิงฉายแววมุ่งมั่นใจการต่อสู้เด่นชัด ความแกร่งของร่างกายเขา บรรลุถึงระดับน่ากลัวแล้วเช่นกัน ถึงขั้นขอเพียงชิงร่างจริงกลับมาจากพันธมิตรเซียนได้ ขอเพียงก้าวสู่ขั้นกุมแล้วอาศัยวิชาสามภูผาสะท้อนจันทราก็จะก้าวสู่ขั้นเกิดได้ในพริบตา กลายเป็นยอดฝีมือขั้นเกิด
ประกอบกับร่างกายเขาไม่เพียงแต่แฝงไว้ด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต แต่ตัวเขายังเป็นเอ้อชางสมบูรณ์แบบ ดังนั้นแล้วภายใต้การหลอมรวมสามร่างแยก แม้ว่าขั้นกุมจะโจมตีสุดกำลังก็ยังทำอะไรร่างกายเขาไม่ได้แม้แต่น้อย หากเผชิญหน้ากับขั้นชะตา ถึงซูหมิงยังควบคุมกฎชะตาไม่ได้ แต่เขามีวิชาสามตัดสังหาร มีเคล็ดวิชาสังหารเทพ พลังในการตัดชะตาสองชนิดนี้ทำให้เขาไม่ต้องกลัวยอดฝีมือขั้นชะตา ถึงจะรับมือยาก แต่ก็สูสีกัน
มีเพียงขั้นเกิดเท่านั้นถึงจะสร้างอำนาจคุกคามต่อเขา แต่หากอัญเชิญเตาหลอมลำดับห้า ขั้นเกิดก็ไม่เท่าไร!
สิ่งเหล่านี้คือไพ่ลับของซูหมิง เป็นสาเหตุที่เขากลับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วกล้ายึดครองสำนักดาราสัจธรรม ตอนนี้เผชิญหน้ากับหมัดเทพโบราณ ขณะเดียวกับที่ดวงตาเขาฉายแววมุ่งมั่นในการต่อสู้ เขายกมือขวาขึ้นกำหมัดพร้อมพุ่งออกไปเป็นสายรุ้งยาวเข้าไปโจมตีเทพโบราณ
เขาอยากรู้ว่าเทพโบราณที่ตรงระหว่างคิ้วมีดาวเจ็ดดวงมีกำลังหมัดเท่าไร!
ทุกอย่างที่นี่เป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้น ดังนั้นเขาก็อยากใช้โอกาสนี้ทดสอบ หากเป็นโลกข้างนอก หากแพ้ก็คงตายตกจริงๆ แต่ที่นี่ เขา…แพ้ได้!
การปะทะกันของแสงจันทร์และแสงหิ่งห้อย การปะทะกันของภูเขาสูงและ ก้อนกรวด การชนกันของมหาสมุทรและน้ำรินไหล ตอนนี้เอง ในดวงตาผู้ฝึกฌานที่เดิมทีตายไปแล้วบนสนามรบรอบๆ รวมถึงผู้ฝึกฌานสิบล้านคนในสำนักดาราสัจธรรมข้างนอกสะท้อนเป็นภาพน่าตกตะลึง!
ภายในสำนักดาราสัจธรรม ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนโลกข้างบนหายใจกระชั้น โดยรอบเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องในภาพที่ปรากฏขึ้นกลางน้ำวนยักษ์
ส่วนภาพขององค์ชายคนอื่นๆ ไม่มีใครมองเลย ต่อให้เป็นคนที่สนิทของพวกเขาก็ยังอดมองไปทางซูหมิงมิได้
เป้ยปังก็ดี ชายชราหน้าดำข้างหลังก็ดี และยังมีผู้อาวุโสสำนักอีกสองคน ตอนนี้สายตามองไปกลางน้ำวนของซูหมิง มองสงครามนั้น เห็นคนชุดคลุมดำถูกซูหมิงสังหารไปก่อนหน้านี้ และก็เห็นว่าซูหมิงในตอนนี้กำลังเข้าใกล้หมัดคนยักษ์ไปไม่หยุดหย่อน
ต่อให้เป็นชายชราหน้าดำตอนนี้ยังมีสีหน้าจริงจัง ความแค้นในใจถูกกดเอาไว้ แม้จะรู้สึกไม่ดีกับซูหมิง ซ้ำยังมีจิตสังหาร แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสสำนัก ดาราสัจธรรม และศัตรูของซูหมิงตอนนี้คือคนของพันธมิตรเซียนซึ่งตอนนี้เป็นเพียงภาพมายาก็ตาม กระทั่งด้วยฐานะของเขา เขาจึงรู้เรื่องที่ผู้ฝึกฌานคนอื่นไม่รู้อยู่บ้าง
เขารู้ว่าคนยักษ์นี้มีนามว่าเทพโบราณ เขายังรู้อีกว่าเทพโบราณไม่ได้มาจากโลกดาราสัจธรรม แต่มาจากต่างแดน มาจากที่ที่ห่างไกลจากที่นี่ยิ่ง พวกเขาคือ…ผู้บุกรุก!
แต่ซูหมิงกำลังสู้กับผู้บุกรุก ภาพนี้ทำให้แม้แต่เขาที่แค้นซูหมิงเข้ากระดูกยังต้องระงับเอาไว้ เพราะว่าพวกเขาคือคนสำนักดาราสัจธรรม เพราะว่าพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตแห่งโลกดาราสัจธรรม
เขายังรู้อีกว่าเทพโบราณที่ระหว่างคิ้วมีดาวเจ็ดดวงตอนนั้นถูกพวกเขาผู้อาวุโสสำนักสิบสามคนลงมือสังหารในสนามรบอย่างลับๆ ในสิบสามคนมีสองคนสิ้นชีพ มีเจ็ดคนบาดเจ็บสาหัสยังหลับใหลอยู่ ต้องจ่ายไปในราคาแบบนี้เพื่อสังหาร เทพโบราณตนนั้น
แต่คนชุดคลุมดำยังจ่ายไปในราคาค่อนข้างน้อย เป็นห้าแม่ทัพแห่งห้องโถงสงครามใช้สามชีวิตเป็นราคาเพื่อสังหารอีกฝ่าย
ท่ามกลางสายตาไม่กะพริบของผู้ฝึกฌานทั้งสำนักดาราสัจธรรม ภายในภาพน้ำวนที่ซูหมิงอยู่ สายรุ้งยาวจากร่างเงาเขาเข้าปะทะกับหมัดของเทพโบราณ
เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน ดังกึกก้องทั้งฟ้ากระจ่างดาว ลอดผ่านน้ำวนไปสั่นสะเทือนจิตใจผู้ฝึกฌานสิบล้านคนที่มองอยู่ตอนนี้
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ซูหมิงเกิดความรู้สึกว่าทั้งตัวปะทะเข้ากับยอดเขาลูกหนึ่ง หมัดเขาสั่นไหวและแหลกละเอียด รวมถึงแขนด้วย ภายใต้แรงปะทะมหาศาล ไม่ใช่เพียงแค่แขนแหลกละเอียด แต่ร่างกายเขายังแหลกสลายไปทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันเทพโบราณที่ระหว่างคิ้วมีดาวเจ็ดดวงส่งเสียงอุทาน หมัดใหญ่ สั่นไหวและถูกดีดกลับ รอยแตกปรากฏขึ้นบนหมัดพร้อมเสียงดังกึกๆ มันลุกลามไปอย่างรวดเร็วจนกระจายไปยังแขนแล้ว เทพโบราณร่างโซเซถอยไปสิบกว่าก้าว ปากกระอักเลือด ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“เป็นพละกำลังที่แกร่งมาก แต่ก็ยังเป็นพลังป่าเถื่อนอยู่ดี….หืม?” เทพโบราณที่ตรงระหว่างคิ้วมีดาวเจ็ดดวงเพิ่งเอ่ยได้ครึ่งหนึ่งก็ร่างสั่นไหวแล้วกระอักเลือดอีกครั้ง โดยเฉพาะแขนขวา เดิมทีหยุดลุกลามไปแล้ว แต่ตอนนี้เกิดเสียงระเบิด ราวกับมีพลังชนิดหนึ่งระเบิดภายใน แขนขวาใหญ่จึงระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
“ต้นกำเนิดแห่งการสั่นสะเทือน…ใช้ร่างกายแห่งความป่าเถื่อนตระหนักรู้ต้นกำเนิดแบบนี้ได้ น่าเสียดาย…เจ้าเกิดผิดที่ หากเป็นที่บ้านเกิดข้า เจ้าจะเป็นดวงตะวันสว่างจ้า และก็น่าเสียดายมากที่เจ้าตระหนักรู้ต้นกำเนิดแห่งการสั่นสะเทือนเพียง ผิวเผิน ทำได้เพียงสั่นสะเทือน หากเจ้าตระหนักรู้ถึงพลังแห่งการสั่นสะเทือนขั้นเก้า หมัดนี้ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้า” เทพโบราณที่เสียแขนขวาไปข้างหนึ่งเอ่ยด้วยความ ปลงอนิจจัง แต่นัยน์ตากลับเย็นชา เขาขยับตัวเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ก่อนยกมือซ้ายขึ้นคว้าเศษเนื้อร่างซูหมิง เห็นได้ชัดว่าเขาจะทำตามที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือกินซูหมิงเพื่อลองว่ามีรสชาติอย่างไร
ซูหมิงถอนหายใจ เขาในตอนนี้อยู่ในสภาวะมายา พอเสียร่างกายไป วิญญาณที่ลงมาสถิตก็ออกจากเศษร่างนั้น ตอนนี้ลอยอยู่ในฟ้า มองเทพโบราณเจ็ดดาวที่เสียแขนขวา มองอีกฝ่ายพุ่งไปยังกองเศษเนื้อตน นอกจากเขาจะถอนหายใจแล้วก็ยังมีความตกใจ
เขาได้สัมผัสถึงความแกร่งของเทพโบราณที่ระหว่างคิ้วมีดาวเจ็ดดวงอย่างลึกซึ้งแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้…แต่เขาเชื่อว่าหากเป็นร่างกายตนจริงๆ เขาจะไม่ตายในหนึ่งหมัด แต่ยังมีแรงยืนอยู่!
ในขณะเดียวกันเขายังเชื่อว่าหากได้ร่างจริงกลับมา เช่นนั้นหมัดนี้ไม่ได้ทำลายเพียงแขนข้างเดียวของเทพโบราณ
ทว่าทุกอย่างจบแล้ว เขาเอาชีวิตรอดจากวิชาช้อนจันทรากลางบ่อ สังหาร คนชุดคลุมดำ สี่เป้าหมายในการทดสอบครั้งนี้ หากสำเร็จอย่างหนึ่งก็ถือว่าผ่าน แต่ซูหมิงสำเร็จถึงสอง
ขณะลอบถอนหายใจ เขาก็รอออกจากในสนามรบมายา เพียงเสี้ยวพริบตา ทุกอย่างตรงหน้าเขาหยุดนิ่งดังก่อนหน้านี้อีกครั้งราวกับถูกหยุดเอาไว้ พร้อมกันนั้นมีเสียงแก่ชราคล้ายกับลังเลดังก้องไปอย่างเนิบๆ
“วิญญาณเจ้า…แปลกมาก…”
ดวงตาซูหมิงหรี่ลงเล็กน้อยจนตรวจไม่พบ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“อภินิหารและพลังที่เจ้าใช้ทำลายแขนขวาเทพโบราณยังขาดไปอีกมาก พละกำลังเจ้ามีเจ็ดส่วนกระจายออกจากในหมัดนั้น ไม่ได้รวมด้วยกัน
ซึ่งความจริง ความต่างระหว่างเจ้ากับเทพโบราณไม่มาก…เขาบดขยี้ร่างเจ้าในหมัดเดียวไม่ได้ ต่อให้ร่างกายนี้เป็นเพียงวิญญาณเจ้าลงมาสถิตก็ตาม” ตอนที่เสียง แก่ชราดังก้อง ซูหมิงยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
“ขณะเดียวกัน เคล็ดวิชาสังหารเทพของเจ้าก็ไม่ถูกต้อง การตัด การปะทะ แรงสั่นสะเทือน เจ้าเข้าใจเพียงผิวเผิน ยังขาดอีกไม่น้อย…
หากเจ้านำพลังทั้งหมดรวมไว้ไม่ให้มันออกไปได้แม้แต่น้อย เจ้าจะสูสีกับเทพโบราณ หากเจ้าตระหนักรู้แรงสั่นสะเทือนมากกว่านี้อีก เจ้าจะสังหารเทพโบราณได้
วิญญาณเจ้า…แปลกมาก…ข้างในมีกลิ่นอายพลังที่ข้าคุ้นเคย ข้านึกไม่ออกว่าเป็นของใคร นี่คือความทรงจำที่นานแสนนานมาแล้ว” เสียงแก่ชราแฝงไว้ด้วยความ ปลงอนิจจัง เสียงดังก้องทีละน้อยก่อนค่อยๆ เข้าสู่ความเงียบ
ผ่านไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงแก่ชราดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้า….อยากลองอีกครั้งหรือไม่?”
นัยน์ตาซูหมิงเป็นสมาธิ เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วดวงตาขยับประกายวาว
“ข้าได้หรือ?”
“หากเจ้าต้องการ”
“ดี!” สิ้นเสียงซูหมิง ทุกอย่างรอบตัวพลันย้อนกลับจากสภาวะหยุดนิ่งประหนึ่งกาลเวลาย้อนคืน พริบตาเดียวเมื่อทุกอย่างกลับมาดังเดิม ซูหมิงพบว่าตนยังอยู่บนสนามรบ หมัดยักษ์ของเทพโบราณเจ็ดดาวกลางฟ้าพุ่งเข้ามาราวหินตก
ทุกอย่างกลับมาตอนก่อนที่เขาจะลงมือ
นัยน์ตาซูหมิงแวววาวเด่นชัด ข้างหลังปรากฏดวงจันทร์ภัยพิบัติขึ้น ก่อนยกมือขวา กำหมัดแล้วพุ่งทะยานเป็นสายรุ้งยาวไปหาหมัดของเทพโบราณ
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ตอนที่เขาพุ่งไป ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นเสียงแก่ชรา
“รวมความรู้สึกเจ้าไว้ในจิตใจ รวมจิตใจไว้ในแขน นำความเสียดายต่อร่างกาย ความรู้สึก จิตใจและร่างกายเจ้าทั้งหมดให้เป็นหมัดของเจ้า
เพราะความรู้สึกถึงที่สุด ดังนั้นจึงรวมอยู่ที่จิต เพราะรวมความรู้สึกและจิตได้ ฉะนั้นจึงลืมกายและวิญญาณได้…”