ตอนที่ 1097 ดวงตานั้น 1
“บางทีอาจเป็นใครบางคนสร้างขึ้น คนที่สร้างเผ่าเทพโบราณ….คือความทรงจำในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ข้าต้องคิดอย่างถี่ถ้วนก่อน….”เสียงแก่ชราพึมพำ ท่ามกลางเสียงพึมพำ ทุกอย่างในฟ้ากระจ่างดาวหยุดนิ่งลง เทพโบราณที่ดาวแตกไปสี่ดวงไกลๆ ตอนนี้ยังคงอยู่ในท่าทางอ้าปากกว้าง ร่างแน่นิ่งกลางฟ้า
ผู้ฝึกฌานรอบๆ ส่วนใหญ่ยังคงร่างกำลังระเบิดเอาไว้ ในตัวพวกเขาไม่มีพลังชีวิตใดๆ อภินิหารของเทพโบราณไม่ได้โจมตีเพียงศิษย์สำนักดาราสัจธรรม แต่ยังลามไปถึง ฝ่ายพันธมิตรเซียนด้วย
นี่คืออภินิหารที่ไม่แบ่งแยกศัตรู หากใช้ออกไป รอบตัวเทพโบราณจะกลายเป็นเถ้าธุลีทั้งหมดและแหลกสลายไปพร้อมกัน
เสียงแก่ชราถอนหายใจเบา ไม่นานฟ้าหยุดนิ่งก็เลือนรางแล้วกลายเป็นน้ำวนยักษ์ แห่งหนึ่ง ขณะน้ำวนหมุนโคจรไม่เพียงแค่โลกเลือนราง แต่ยังมีแรงดูดมหาศาล ปกคลุมวิญญาณซูหมิงในพริบตา จากนั้นดึงเขาออกจากร่างกายให้หลอมรวมเข้าไปในน้ำวน
ซูหมิงตาลาย ตอนที่ได้สติกลับมา เขากลับมายังทะเลเต๋า หมอกรอบๆ ขมุกขมัว ตรงหน้าเขาก็มีน้ำวนแห่งหนึ่ง น้ำวนเชื่อมกับโลกภายนอก ยามที่มองไปจะเห็น ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนจากโลกภายนอก
ซูหมิงยืนอยู่เงียบๆ เขาหันหน้าไปมองทะเลเต๋าข้างหลัง สำหรับเขาแล้วการทดสอบครั้งนี้ไม่ธรรมดา เขาได้เข้าใจวิธีทำให้พลังไม่กระจายออกข้างนอก อีกทั้งยังได้สัมผัสถึงการสะท้อนกลับและการอาศัยแรง ความทรงจำทุกอย่างฝังลึกลงในสมอง ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
บรรพชนแห่งทะเลเต๋าแก่ชราคนนั้นชี้แนะให้กับเขา นี่เป็นเหมือนกับบุญคุณในการสั่งสอน ขณะซูหมิงเงียบอยู่นี้ก็ประสานมือคารวะไปทางทะเลเต๋า
หลังคารวะเสร็จก็หมุนตัวพร้อมกับดวงตาขยับแวววาว ก่อนเดินหน้าเข้าไปในน้ำวน ตอนที่ปรากฏอีกครั้งก็มาอยู่แดนมวลอากาศพิธีแต่งตั้งโลกข้างบนสำนักดาราสัจธรรม เขาก้าวเดินออกมาจากน้ำวนใหญ่ที่รวมขึ้นจากนามเขาหนึ่งก้าว
ภายใต้สายตาสิบล้านคนจับจ้อง เสียงร้องและเสียงเกรียวกราวดังก้อง และยังมีแววตาที่ซับซ้อนอย่างยิ่งขององค์ชายที่เลือกการทดสอบเหมือนกับซูหมิงสี่คนด้านข้าง
ซูหมิงกวาดสายตามองทุกคนแล้วหลับตาลง ในความคิดนึกไปถึงภาพในสนามรบมายาก่อนหน้านี้ ก่อนนำความหมายแท้จริงของการใช้แรงสะท้อนกลับและพลังนั้นแสดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังซูหมิงเดินออกมาแล้ว น้ำวนใหญ่ก็หดเล็กลงจนกระทั่งกลายเป็นนามของ เต้าคงอีกครั้ง จากนั้นมันขยับแสงวิบวับและหายไปในอากาศ
จนถึงตอนนี้เสียงเกรียวกราวจากรอบๆ เพิ่งจะดังสนั่นอย่างรุนแรง ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนที่นี่เห็นทุกอย่างในสนามรบของซูหมิงกับตา รวมถึง…จักรวาลหยุดนิ่งหลายครั้งจากบรรพชนแห่งทะเลเต๋าที่ให้ซูหมิงสู้กับคนยักษ์เจ็ดดาวหลายครั้ง
แม้จะไม่ได้ยินเสียงของบรรพชนแห่งทะเลเต๋า ทว่าการวัฏจักรอย่างน่าประหลาดหลายครั้งนั้นก็มากพอจะทำให้ทุกคนที่นี่เกิดความตกตะลึงจากใจจริง
โดยเฉพาะการโจมตีสองครั้งสุดท้ายของซูหมิง นั่นคือตอนที่หมุนตัวแบบแปลกๆ เพื่อเอาหลังปะทะหมัดคนยักษ์ หลังส่งผลให้แขนขวาคนยักษ์แหลกละเอียดแล้ว หมัดซ้ายที่ตามเข้ามายังถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ด้วยวิธีที่ทุกคนไม่เข้าใจ
ถึงท้ายที่สุดร่างซูหมิงจะยังแหลกสลายไปด้วยเสียงคำรามของคนยักษ์ ทว่าความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ กลับกลายเป็นเสียงอื้ออึงดังสนั่นฟ้าในตอนนี้
เสียงอื้ออึงดังอยู่นานมาก เป้ยปังที่ยืนอยู่บนแท่นดอกบัวมองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนยกมือขวาขึ้นช้าๆ แล้วคว้าอากาศไป
ครั้นคว้าไป ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนที่นี่ต่างรู้สึกเจ็บตรงคอจึงพากันหยุดสนทนากัน เสียงจึงค่อยๆ เงียบลง
“องค์ชายห้าท่านที่เข้ารับการทดสอบ เต้าคง เต้าหลิน เต้าหวาผ่านการทดสอบ อีกสองท่านที่เหลือไม่ผ่าน จึงต้องถอดฐานะองค์ชาย” สิ้นเสียงเป้ยปัง สองในองค์ชายสี่คนข้างซูหมิงมีสีหน้าเศร้าสลด ก่อนถอยไปเงียบๆ กลายเป็นสายรุ้งยาวบินจากไป
“องค์ชายทั้งสามท่านผ่านการท้าประลองแล้ว สำเร็จการทดสอบแล้ว พวกเจ้า…..ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายแห่งสำนักดาราสัจธรรมอย่างแท้จริง ตอนนี้พวกเจ้าจงไป นอกแดนปิดด่านนั่งฌานของบรรพบุรุษ ให้บรรพบุรุษเปิดคุณสมบัติของดอกบัว อุดมสมบูรณ์ให้ด้วยตัวเอง
ตอนที่พวกเจ้าออกมาจากแดนนั่งฌานของบรรพบุรุษ คนที่มาต้อนรับองค์ชายทั้งสามท่าน นอกจากสำนักดาราสัจธรรมของเราแล้วยังมีคนจากอีกสามโลกแท้จริงด้วย” พูดถึงตรงนี้ เป้ยปังมองซูหมิง ในแววตามีความซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวกับเรื่องที่ ซูหมิงทำลายแดนรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต
และอีกไม่นานโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์จะมาถึง เกรงว่าคงจะหยุดไม่ได้แล้ว ทว่าเรื่องนี้ไม่อยู่ในการควบคุมของเป้ยปังอีก เขานำเรื่องนี้บอกกับห้องโถงผู้อาวุโสสำนัก ไปแล้ว แต่ก็ไร้การตอบกลับใดๆ จึงไม่รู้ว่าห้องโถงผู้อาวุโสสำนักตัดสินใจอย่างไร
เมื่อสิ้นเสียงเป้ยปัง ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนรอบๆ ต่างส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ มวลอากาศที่นี่จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความสุข เพียงแต่ว่า ในตัวเต้าหลินและ เต้าหวาสองคนกลับหาความสุขที่ได้รับฐานะองค์ชายจริงๆ ไม่เจอแม้แต่น้อย พวกเขาเงียบ สีหน้ามีความขมขื่นและก็ไม่ยินยอม
ซูหมิงสงบนิ่ง เขาไม่สนใจเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจจากรอบๆ แต่หลับตายังคงนึกถึงภาพต่างๆ เกี่ยวกับพลังที่ฝังอยู่ในความคิด
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้ฝึกฌานสิบล้านคน ช่วงที่สำนัก ดาราสัจธรรมปรากฏองค์ชายอย่างแท้จริงสามคนขึ้นหลังผ่านมานานไม่รู้กี่ปีนั้น พลันมีแสงเจ็ดสีพุ่งลงมาจากอากาศ แสงเจ็ดสีนี้สว่างพร่างพราว ในนั้นมีแสงสามสายแยกกันมาตกบนตัวพวกซูหมิง ของซูหมิงเป็นสีม่วง เต้าหลินเป็นสีแดง ส่วนเต้าหวาคนที่เคยมีเจตนาร้ายต่อซูหมิง ซ้ำยังสั่งให้เต้าเฟยเซียนไปสู้กับเขาเป็นสีส้ม
ขณะเดียวกัน ด้านบนมวลอากาศก็เผยร่างเงาขึ้นมาทีละน้อย
ซูหมิงเคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน กระทั่งผู้ฝึกฌานรอบๆ ส่วนใหญ่ก็เคยพบ นั่นคือชายหนุ่มที่ประกาศคำสั่งของบรรพบุรุษเต้าเฉิน เป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของ บรรพบุรุษเต้าเฉิน มีนามว่าซัง
เขามีสีหน้าเฉยเมย ช่วงที่เดินออกมาจากมวลอากาศ เขากวาดสายตามองพวกซูหมิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายทั้งสามท่านด้วย เชิญตามข้ามา ข้าจะพาพวกเจ้าไปแดนนั่งฌานบรรพบุรุษเพื่อเปิดดอกบัวอุดมสมบูรณ์ของพวกเจ้า แล้วจะบันทึกสภาพที่ดีที่สุดตามที่พวกเจ้าคิดเอาไว้ จากนี้หากพวกเจ้าบาดเจ็บสาหัส ก็จะย้อนเวลากลับไปยังสภาพที่ดีที่สุดได้”
ชายหนุ่มเอ่ยพลางยกมือขวาขึ้นโบกไปยังมวลอากาศข้างล่าง แสงเจ็ดสีพลันหมุนวนและสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิม พริบตาเดียวซูหมิงรวมถึงเต้าหลินและเต้าหวาสามคนก็หายไป เมื่อแสงสว่างหายไป พวกเขาล้วนถูกส่งไปยัง…..แดนนั่งฌานของบรรพบุรุษเต้าเฉิน
“แดนพิธีแต่งตั้ง สี่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ค้ำยันฟ้า!” เป้ยปังสูดลมหายใจเข้าลึก หลังพวก ซูหมิงถูกส่งไปแล้ว เขาพลันสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดเสียงดัง
สิ้นเสียงเขา มีเสียงดังสนั่นฟ้าแว่วมาจากในมวลอากาศ ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนต่างตื่นเต้น ตอนนี้เองมีเสียงคำรามสะเทือนนภาดังมาจากกลางทะเลเต๋าไม่มีสิ้นสุดข้างล่างสุด
ขณะเดียวกัน แสงดำสายหนึ่งขยับวูบวาบในทะเลเต๋า พอเสียงอึกทึกดังก้อง ก็เห็นว่ามีมังกรดำใหญ่ขนาดหลายหมื่นจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากในทะเลเต๋า
ในตัวมังกรดำมีการผ่านโลกมาเนิ่นนานเข้มข้นและกลิ่นอายของเวลา ช่วงที่มันบินขึ้น ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แผ่นดินเกิดเสียงอึกทึก มันพุ่งทะลวงผ่านโลกข้างล่างด้วยความเร็วสูง สั่นสะเทือนโลกตรงกลาง จนบินมาอยู่บนฟ้าโลกข้างบน
ด้านบนแผ่นดินใหญ่เก้าแห่งโลกข้างบน ตรงจุดที่ใกล้กับมวลอากาศไม่มีที่สิ้นสุด มังกรดำหลายหมื่นจั้งเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ขณะมันร้องคำรามยังมีควันดำจำนวนมากพ่นมาจากปาก ควันดำเหล่านี้รวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วแล้วกลายเป็นแผ่นดินใหญ่แห่งหนึ่ง ตรงขอบแผ่นดินใหญ่ขยับแสงสีดำวูบวาบ ก่อนขยายออกอย่างรวดเร็วทำให้แผ่นดินใหญ่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งด้านบนยังปรากฏโต๊ะยาวเป็นแถวๆ พวกมันล้อมเข้าด้วยกัน มีจำนวนโต๊ะยาวถึงสิบล้านตัว
มังกรดำใช้ร่างกายค้ำยันแผ่นดินเอาไว้ หัวมังกรใหญ่ส่ายไปรอบๆ ผู้ฝึกฌานที่มันมองต่างใจสั่นสะท้าน
จากนั้นมังกรดำหลับตาลงแน่นิ่งไป
ขณะเดียวกันมีเสียงคำรามดังแว่วมาจากในทะเลเต๋าอีกครั้ง ครั้งนี้สิ่งที่บินขึ้นมาคือนกกระจอกแดงยักษ์ ข้างๆ มันยังมีเต๋าทมิฬน่าตะลึงเช่นเดียวกันอีกตัว นกกระจอกแดงตัวนั้นเป็นสีแดงเพลิงทั่วร่างราวกับเพลิงกลุ่มใหญ่น่ากลัว ส่วน เต่าทมิฬหางเป็นลักษณะลิ้น ส่วนหัวเป็นเต่า
ระหว่างที่สัตว์สองตัวส่งเสียงคำรามพลางบินขึ้นพร้อมกันนั้น อีกด้านหนึ่งของพวกมัน ตอนนี้มีเสียงคำรามดังกังวาน ก่อนมีพยัคฆ์ขาวยักษ์ตัวหนึ่งเงยหน้าคำรามแล้วพุ่งขึ้นฟ้าไป
สัตว์ยักษ์สามตัวบินเข้าไปอยู่ข้างมังกรดำในชั่วพริบตา โดยโอบล้อมมังกรดำเป็น ใจกลาง ในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างคำรามเสียงดังสนั่น ปรากฏแผ่นดินขึ้นมาและก็เป็น พวกมันที่ใช้ร่างกายค้ำยันเอาไว้พร้อมกัน
ภาพอันสง่างามตอนนี้ทำให้ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมสิบล้านคนข้างล่างต่างพากันตกตะลึง ท่ามกลางมวลอากาศบิดเบี้ยว มีร่างเงาเดินออกมาจำนวนมาก พวกเขามีชายหญิง มีคนชราและผู้เยาว์ แต่กลิ่นอายของเวลาจากตัวพวกเขากลับ บ่งบอกอย่างแจ่มแจ้งว่าพวกเขาอยู่มานานมากๆ แล้ว
มิหนำซ้ำในตัวพวกเขายังมีขั้นพลังแข็งแกร่งกระจายออก พวกเขา….ล้วนเป็น ผู้กุมชะตาเกิดดับสูญ! โดยเฉพาะชายชราสามคนในนั้น แรงกดดันที่แผ่มายังแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ พวกเขาสามคนก็คือผู้อาวุโสสำนักขั้นดับสูญสามคนที่ตวาดใส่ซูหมิง ก่อนหน้านี้ และในสำนักดาราสัจธรรม นอกจากบรรพบุรุษเต้าเฉินแล้ว พวกเขาเป็นดวงตะวัน จันทราและดาราซึ่งเป็นคนที่แกร่งที่สุด
“คารวะผู้อาวุโสสำนักทุกท่านแห่งห้องโถงผู้อาวุโสสำนัก!” ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนใจสั่นสะท้าน ต่างพากันคารวะขึ้นฟ้า น้ำเสียงดังสนั่นราวคลื่นเสียง
เมื่อร่างเงาทั้งหมดหกสิบแปดคนปรากฏตัวแล้วก็แยกย้ายกันไปทันที ต่างไปยังแผ่นดินที่ลอยอยู่เหนือพยัคฆ์ขาว นกกระจอกแดงและเต่าทมิฬสามแผ่นดิน ชายชราดวงตะวัน จันทราและดาราขั้นดับสูญสามท่านที่แกร่งที่สุดก็แยกกันไปด้วยสีหน้า สงบนิ่ง บนแผ่นดินนกกระจอกแดงมียี่สิบสี่คน แผ่นดินเต่าทมิฬมียี่สิบสี่คน มีเพียงแผ่นดินพยัคฆ์ขาวที่มีเพียงสิบสองคน
ในเวลาเดียวกัน เป้ยปังรวมถึงชายชราหน้าดำข้างหลัง และผู้อาวุโสสำนักอีก สองคนต่างบินขึ้นพร้อมกันพุ่งไปยังแผ่นดินพยัคฆ์ขาวที่มีเพียงสิบสองคนเหมือนกลับไปยังตำแหน่งตัวเอง
“เปิดเส้นทางต้อนรับแขกของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมให้กับสามโลกแท้จริง ยินดีต้อนรับ…..สหายอีกสามโลกแท้จริงสู่สำนักดาราสัจธรรม!” เมื่อพวกเป้ยปังสี่คนกลับประจำตำแหน่งแล้ว พลันมีเสียงน่าเกรงขามดังก้องฟ้า