Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1168

ตอนที่ 1168 ตั๊กแตนแสนตัว

น้ำหวานดอกผนึกจิตแฝงอยู่ในตัวผึ้งพิษ มันคือสมบัติล้ำค่าที่ซูหมิงได้มาจาก แดนมรณะหยิน อยู่กับเขามามากกว่าครึ่งชีวิต ถึงจะอยู่ในโลกแห่งแสงสว่างไม่มีสิ้นสุดนอกจักรวาล สิ่งนี้ก็ยังอยู่ในถุงเก็บวัตถุ และก็ถูกเขาหลอมรวมเข้าสู่วิญญาณเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่เสียหายแม้แต่น้อย

นี่คือการเตรียมความพร้อมโดยจิตใต้สำนึกในตอนแรก ซึ่งสุดท้ายก็เก็บถุงเก็บวัตถุเอาไว้ได้ครบถ้วน ไม่ได้ถูกทำลายไป

ยามนี้หลังนำผึ้งพิษที่มีน้ำหวานดอกผนึกจิตออกมาแล้ว เส้นถี่สีเทาที่วนเวียนรอบตัวซูหมิงพลันหยุดชะงัก แน่นิ่งไม่ขยับไหว ราวกับว่าสัญชาตญาณในตัวพวกมันให้พวกมันต้องสนใจน้ำหวานดอกผนึกจิต

เพียงไม่กี่ลมหายใจ เส้นถี่สีเทาพลันส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้า พริบตาเดียวก็พุ่งไปยังของเหลวพิษตรงหน้าซูหมิง วูบเดียวก็เข้าไปรวมกัน กลายเป็นลูกกลมเล็กสีเทาลูกหนึ่งอีกครั้งตรงหน้าเขา ส่วนของเหลวพิษอยู่ข้างใน

ดวงตาซูหมิงวาววับ สายตาเพ่งมองลูกกลมเล็ก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เห็นว่าลูกกลมเล็กสีเทาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากสีเทากลายเป็นสีแดงฉาน แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นสีเทาอีกครั้ง เพียงแต่ด้านบนมีลายจุดสีแดงกระจายกันเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าในลูกกลมเล็กมีวัตถุนับไม่ถ้วนกำลังขยับยึกยือ บ้างก็เว้าบ้างก็นูนขึ้น ดูประหลาดอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันในจิตสัมผัสซูหมิง เขายังสังเกตเห็นว่าของเหลวที่มีน้ำหวานดอกผนึกจิตหยดนั้นกำลังถูกละลายไม่หยุดด้วยความเร็วยากจะบรรยาย

น้ำหวานดอกผนึกจิตที่แฝงอยู่ในของเหลวพิษหยดนี้ แม้จะไม่มาก แต่หากซูหมิง สูบหยดนี้ เขาต้องใช้เวลานานมากกว่าจะหลอมรวมมันในร่างกายได้เสร็จ กระทั่งในอดีต เขาต้องสูบเพียงเสี้ยวเดียวถึงจะละลายมันได้ในเวลาสั้นๆ

ทว่ายามนี้ สำหรับเส้นถี่สีเทาเหล่านี้แล้ว พวกมันสูบด้วยความเร็วจนเขามีสีหน้าตกใจ

เพียงสิบกว่าลมหายใจก็เกิดเสียงดังปัง ลูกกลมสีเทาไม่ขยับยึกยืออีกแต่กลับมาปกติ ท่ามกลางเสียงอื้ออึงดังก้อง ลูกกลมเล็กแตกออก เส้นถี่สีเทานับไม่ถ้วนบินออกมาพร้อมกัน ของเหลวที่มีน้ำหวานดอกผนึกจิตหายไปทั้งหมดแล้ว

เป็นตอนนี้เอง ซูหมิงได้รู้จักเส้นถี่สีเทาเหล่านี้ใหม่หมด เพราะเขาสังเกตเห็นว่าสิ่งที่เส้นถี่สีเทากินไปไม่ใช่เพียงน้ำหวานดอกผนึกจิต แต่ยังมี…ของเหลวพิษ!

ของเหลวพิษนั้นค่อนข้างน่ากลัว ทว่าสำหรับเส้นถี่สีเทาเหล่านี้แล้วก็ยังเป็นสิ่งที่กินได้

จนเมื่อเส้นถี่เหล่านี้กลับมาวนรอบตัวซูหมิงอีกครั้ง พวกมันต่างส่งเสียงร้องแหลม ขณะหมุนวนเป็นพายุยังเกิดเสียงกึกกึกดังไม่หยุด ภายใต้เสียงนี้ ซูหมิงหรี่ตาลง เขาเห็นชัดว่าหนึ่งในเส้นถี่เหล่านั้นเกิดรอยร้าวขึ้นพร้อมเสียงกึกๆ เมื่อรอยร้าวมาก ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายมีแสงตัดสลับระหว่างสีเทากับแดงพุ่งออกมาประหนึ่งฟักออกจากไข่ ส่วนความเร็วของมันก็เหนือกว่าความเร็วตอนวนเป็นพายุหมุนก่อนหน้านี้

ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว สีหน้าจริงจัง ก่อนยกมือขวาขึ้นฟ้า จิตขยายออกไปรอบๆ ทันใดนั้นแสงสีเทาอมแดงนั้นพลันเปลี่ยนทิศทางจากในพายุหมุนพุ่งมาหาเขา พริบตาเดียวก็มาอยู่ในมือขวา กลายเป็น…ตั๊กแตนสีเทา แต่กลับมีจุดแดงเล็กน้อยตัวหนึ่ง!

ปีกมันดูเหมือนบางเบา แต่ตอนที่ซูหมิงมองไปกลับรู้สึกถึงไอหนาวแผ่กระจายมา การกระพือปีกเทียบกับมีดคมทำลายอากาศได้เลยทีเดียว

ภายในดวงตาคู่ของมันเป็นดำมืด ต่อให้มันกำลังมองซูหมิง ซูหมิงก็ยังยากจะมองออกจากภายนอก มีเพียงใช้จิตสัมผัสสังเกตเท่านั้น

ตอนนี้เอง เกิดเสียงกึกๆ ดังต่อเนื่องกันจำนวนมาก พอซูหมิงเงยหน้ามองก็เห็นว่าเส้นถี่นับไม่ถ้วนรอบตัวเกิดรอยร้าวทั้งหมด ต่อมามีตั๊กแตนแบบเดียวกับในมือเขาฟักออกมาทั้งหมด ตอนนี้ไม่ใช่เส้นถี่ที่วนเวียนรอบตัวเขาเป็นพายุหมุนอีก แต่เปลี่ยนเป็นพายุตั๊กแตน!

ซูหมิงหรี่ม่านตาลงพลางค่อยๆ สงบนิ่งลง เขายกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า พลันมีหินผลึกก้อนหนึ่งบินออกมา ต่อจากนั้นมันก็พุ่งไปหาตั๊กแตนกลุ่มนั้นทันที วูบเดียว หินผลึกนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ดีที่กระเรียนขนร่วงกำลังหลับอยู่ในถุงเก็บวัตถุ ถ้าไม่อย่างนั้น หากมันตื่นอยู่และเห็นภาพนี้ จะต้องพุ่งเข้าไปสู้สุดชีวิตกับตั๊กแตนเหล่านี้แน่ๆ

“ตั๊กแตนไปที่ใด จะไม่มีพืชโตอย่างนั้นหรือ…” ซูหมิงพูดเบาๆ แต่เมื่อสิ้นเสียง ขณะตั๊กแตนกลุ่มนั้นหมุนวนเป็นพายุต่างพากันพ่นกากของเสียออกมาเล็กน้อย ตั๊กแตนเกือบแสนตัวทุกตัวพ่นออกมาน้อยมาก ส่วนซูหมิงหน้าเปลี่ยนอารมณ์ เขายกมือขวาคว้าอากาศเก็บกากของเสียเหล่านี้ไป จนเมื่อรวมด้วยกันแล้วก็มีขนาดเท่ากับหินผลึกก้อนนั้น

แต่ภายในไม่มีพลังวิญญาณแม้แต่น้อย

‘ไม่มีสิ่งใดที่กินไม่ได้’ ซูหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนยกมือขวาพร้อมกรีดเป็นรอยแผลเส้นหนึ่ง บีบให้โลหิตออกมาหยดหนึ่ง โลหิตเพิ่งลอยออกไป ซูหมิงก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน

ช่วงที่ตั๊กแตนเหล่านั้นเห็นโลหิตต่างตัวสั่นพร้อมกัน เหมือนกำลังดิ้นรนไม่หยุด ใจหนึ่งอยากจะกินโลหิตนั้น แต่มีดวงจิตซูหมิงควบคุมอยู่ พวกมันจึงต่อต้านไม่ได้ ทำได้เพียงแสดงความกระหายไม่หยุดให้ซูหมิงเห็น

นี่คือปฏิกิริยาโต้ตอบของดวงจิตตั๊กแตนเกือบแสนตัว ระดับความรุนแรงของดวงจิตนี้ทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกว่าหากตนไม่สั่งคำสั่งไปในเร็วๆ นี้ จะมีโอกาสสูงมากที่พวกมันจะแว้งกัด

และก็เป็นช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยที่เขาหน้าเปลี่ยนสี ในตั๊กแตนแสนตัวนั้นมีอยู่เจ็ดแปดตัวที่พุ่งไปยังโลหิตเขา พวกมันแย่งชิงการควบคุมจากซูหมิง ไม่สนใจคำสั่งเขาแม้แต่น้อย แต่จะเข้าไปกินเอง

ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชา ยกมือขวาดีดต่อเนื่องไปหลายที เกิดเสียงดังปุงปัง ตั๊กแตนหลายตัวเหล่านั้นต่างร้องโหยหวน ร่างระเบิดหายไป

แต่มีตัวหนึ่งที่ไม่ตายจากการดีดนิ้วของเขา หลังต้านเอาไว้ได้แล้ว ร่างถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง ทว่าก็ยังพุ่งเข้าไปใกล้โลหิตนั้นแล้วกินเข้าไป

เมื่อกินเข้าไปแล้ว มันเงยหน้าส่งเสียงร้อง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่ากว่า ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าตั๊กแตนตัวอื่นไม่น้อย ซูหมิงเห็นภาพนี้ในใจก็เกิดความตกตะลึง

‘ผู้ฝึกฌานปีศาจเงามืดรุ่งอรุณ ตอนนี้ข้าเห็นเพียงร่างตัวอ่อนของผู้ฝึกฌานปีศาจนั้น มันเป็นเหมือนร่างแยก แต่มีศักยภาพที่แกร่งกล้า หากให้เวลามันมากพอ มันจะเติบโตจนมีพลังน่าสะพรึง

กระทั่งผู้ฝึกฌานปีศาจตนนั้นยังยากจะควบคุม…’ ดวงตาซูหมิงวาววับ เขายก สองมือขึ้นประสานมุทราปล่อยตราประทับจำนวนหนึ่งลอยออกไป ซ้ำยังพ่นกลิ่นอายพลังประจำตัวหนึ่งคำให้ปกคลุมตั๊กแตนที่ตัวใหญ่กว่าตัวอื่นเล็กน้อย ก่อนประทับตราลงไปอย่างสุดกำลังและเริ่มให้อาหารอีกครั้ง

ส่วนตั๊กแตนตัวอื่น ซูหมิงใช้จิตสัมผัสควบคุมให้พวกมันรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นลูกกลมเล็กลูกหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้า ลูกกลมนี้ดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่ภายในกลับมีตั๊กแตนเกือบแสนตัว ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นเช่นนี้จริงๆ

‘นี่คือผู้ฝึกฌานปีศาจที่ควบคุมพลังแห่งอวกาศได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นตัวอ่อนมันจึงทำได้ถึงขนาดนี้’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว ผ่านไปครู่หนึ่งหลังให้อาหารตั๊กแตนตัวที่ใหญ่กว่าตัวอื่นหนึ่งเท่ากว่าแล้วก็ส่งเข้าไปลูกกลมเล็ก แล้วนำอีกตัวออกมาให้อาหารต่อ

เขาไม่คิดว่าการให้อาหารตั๊กแตนเกือบแสนตัวใหม่ทั้งหมดจะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไร

ในเวลาเดียวกันในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมและอีกสามโลกแท้จริง ผู้ฝึกฌานรวมถึงสัตว์ร้ายที่ระหว่างคิ้วมีรูล้วนตัวสั่นสะท้านพร้อมกัน

แม้รูตรงระหว่างคิ้วพวกเขาจะกำลังผสานรวมอย่างช้าๆ แต่ในจิตสัมผัสพวกเขาตอนนี้กลับมีเสียงหัวเราะเยาะและความมืดทะมึนเกิดขึ้น

“ไม่อยากเชื่อว่าจะเปิดผนึกแรกออก จากไข่กลายเป็นตัวอ่อน แต่ทำได้ถึงขนาดนี้ ดูท่าเขาคงจ่ายไปไม่น้อย เลี้ยงดูมันไปเถอะ เจ้ายิ่งเลี้ยงตัวอ่อนของข้าดีเท่าไร ภายภาคหน้ายิ่งมีส่วนช่วยข้ามากเท่านั้น

ผู้ฝึกฌานโลกข้างล่างอันโง่เขลา สักวันหนึ่งข้าจะให้เจ้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำโง่เพียงใด วันนั้นอีกไม่ไกลแล้ว รอข้าฟื้นร่างกายทั้งหมดก่อน ข้าจะใช้การเซ่นไหว้โลหิตฟื้นฟูไปจนถึงจุดที่มั่นคงอีกครั้ง จากนั้นข้าจะหลอมรวมร่างกายทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว เท่านี้ฝ่ายเงามืดของข้าก็ลงมายังมหาโลกสามรกร้างได้!”

เมื่อเสียงในจิตใจดังก้อง ผู้ฝึกฌานรวมถึงสัตว์ร้ายหลายร้อยหลับตาลงพร้อมกัน

เวลาผ่านไปช้าๆ โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งซูหมิงให้อาหารตั๊กแตนไปมากกว่าครึ่ง ร่างแยกกลืนนภาของเขากำลังเปิดพื้นที่แห่งหนึ่งทางตะวันออก ที่นั่นมีผู้ฝึกฌานเกือบแสนคนกำลังกวาดล้างฟ้ากระจ่างดาว มีระลอกคลื่นสีขาวอยู่ แม้แต่พายุหมุนยังขวางพวกเขาไม่ได้ จุดที่ผ่านจะมีอยู่สองอย่างคือหนึ่งยอมมอบวิญญาณอย่างเชื่อฟัง หรือ…ผู้นำถูกสังหาร ส่วนคนที่เหลือต้องปฏิบัติตาม

เดิมทีโลกแท้จริงก็มีเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนนี้อยู่ในช่วงพายุหมุน ภายใต้มหันตภัย คำว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กจึงมีกลิ่นคาวเลือดมากกว่าเดิม ทั้งยังกลายเป็นกฏเพียงหนึ่งเดียวของโลกนี้!

แต่ว่าเทียบกับร่างแยกเอ้อชางของซูหมิงแล้ว ร่างแยกกลืนนภาดำเนินการไปอย่างนุ่มนวลจนถึงขีดสุด ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าร่างแยกเอ้อชางที่นำนิสัยทำลายล้างของซูหมิงมุ่งหน้าไปทางตะวันตกก่อลูกคลื่นโลหิตยักษ์ขึ้น

ไม่มีความเมตตา ไม่มีเหตุผล มีแค่ปฏิบัติตาม จุดที่ผ่านจะเกิดการสังหารมากมาย โลกแท้จริงดาราสัจธรรมภายใต้มหันตภัยครั้งนี้ก็มีแต่ต้องใช้กลอุบายอย่างเด็ดขาดแบบนี้เท่านั้นถึงจะรวมทุกอย่างเป็นหนึ่งได้ในเวลาสั้นๆ

ขณะเดียวกัน ร่างแยกกลืนนภายังคงไปไม่ทั่วทางตะวันออก แต่ร่างแยกเอ้อชาง กลับมาถึงกำแพงฟ้าที่เชื่อมกับโลกแท้จริงที่สี่ตรงชายแดนตะวันตกแล้ว!

นี่เหมือนกับก้อนหิมะกลิ้ง ตอนเพิ่งเริ่มจะยากที่สุด แต่หากรวมเป็นกำลังได้แล้วจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ กองกำลังใหญ่หลายหมื่นคนผ่านไป มากพอจะทำลายล้างทุกสิ่ง ถึงจะมีคนเดียวที่แกร่งอย่างยิ่ง แต่ภายใต้มหันตภัยครั้งนี้ ก็ยังต้องยอมให้กับกองกำลังใหญ่หลายหมื่นคน

หากกล้าต่อต้าน จะไม่ได้สังหารเพียงคนเดียว แต่เป็นทั้งสายเลือด!

วันนี้ ขณะที่ซูหมิงยังให้อาหารตั๊กแตนแสนตัว มือขวาเขาพลันสั่นไหว ถึงจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วก็ตาม อีกทั้งยังเงยหน้าขึ้น แต่สายตาที่มองฟ้ากลับมีความตื่นเต้นและปลงอนิจจัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version