Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1264

ตอนที่ 1264 เฉียนเฉิน

‘บุตรแห่งซาง…’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายบางจนตรวจไม่พบ ด้วยสติปัญญาของเขา หากไม่อยากให้คนมองเงื่อนงำออก เว้นแต่จะเจอตัวประหลาดอย่างชายชราวิญญาณสวรรค์ มิเช่นนั้นแล้วคนอื่นยากจะมองเงื่อนงำจากตัวเขาออก

กระทั่งต่อให้เป็นตัวประหลาดอย่างชายชราวิญญาณสวรรค์ก็ใช่ว่าจะมองออกทุกเรื่อง ถึงอย่างไรซูหมิงก็ผ่านประสบการณ์มาพันกว่าปี ความคดเคี้ยวในชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ ผู้ฝึกฌานคนอื่นจะจินตนาการได้

คนตรงหน้าเหล่านี้อยู่ในพื้นที่จิตสัมผัสเขา เป็นหนึ่งในผู้ฝึกฌานส่วนหนึ่งที่พบในโลกแท้จริงนี้ และที่มาที่นี่ก็เพราะชายวัยกลางคนแซ่เฉียน

ทว่าเขายังไม่มั่นใจเท่าไร…เพราะทุกอย่างในมหาโลกสามรกร้างมีอยู่ที่นี่เหมือนกัน เขาจึงไม่มั่นใจว่าชายแซ่เฉียนคนนี้จะใช่สหายเก่าในอดีตหรือไม่

โดยเฉพาะพอได้ยินคำเรียกจากผู้ฝึกฌานเหล่านี้ ประกอบกับความกังวลภายใต้ สีหน้าเคารพของพวกเขา ซูหมิงจึงบรรลุเป้าหมายได้เล็กน้อย เดิมทีเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคนเหล่านี้อยู่แล้ว ตั้งใจจะใช้ดวงตาคนเหล่านี้มองหาตัวเองอีกคน ในโลกนี้

“สำนักบูรพาหิมันต์…” ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ตอนที่เอ่ยเสียงเบา ยังเหมือนว่าไม่ได้มีภาพจำเกี่ยวกับสำนักนี้มาก

“สำนักของพวกเราไม่ใหญ่ ท่านบุตรแห่งซางไม่จำเป็นต้องสนใจมากนัก สำนักเราเป็นหนึ่งในสามเซียนพระราชวังหยก เป็นหนึ่งในสี่สำนักใต้สังกัดหลี่เทียนหวัง เจ้าสำนักทุกสมัยจะได้รับสืบทอดแท่นบูชาหลีไห่จากสี่แม่ทัพหลี่เทียนหวัง” ขณะที่ผู้ฝึกฌานเจ็ดคนคารวะด้วยความเคารพ หนึ่งในนั้นพลันกล่าวขึ้น

“คนนี้มีประโยชน์กับข้า พวกเจ้าไปเถอะ” ซูหมิงไม่ถามอย่างละเอียด แต่เอ่ยออกไปเรียบๆ

เจ็ดคนนั้นลังเลชั่วครู่ หลังมองหน้ากันเองแล้วก็คารวะซูหมิงอีกครั้ง แล้วหมุนตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวบินขึ้นฟ้าไป ไม่นานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เวลานี้ชายวัยกลางคนแซ่เฉียนขาสั่น เขาอยากตบปากตัวเองใจจะขาด แอบคิดในใจว่าตนไม่ควรสาบานด้วยบุตรแห่งซางอย่างยิ่ง แต่จนถึงตอนนี้ก็สังเกตเห็นแล้วเรื่องคำสาบานของตนเป็นจริงมันประหลาดยิ่งนัก ประหลาดจนเขาเหม่อมองซูหมิง ในใจสั่นไหวยิ่งกว่าเดิม

“เอ่อ…ไม่ทราบว่าท่านบุตรแห่งซางหาข้าน้อยมีเรื่องอะไรรึ?” ชายวัยกลางคน แซ่เฉียนรู้สึกปากแห้งเล็กน้อย และยังทำสีหน้าประจบสอพลอโดยไม่รู้ตัว

“เฉียนเฉิน!” ซูหมิงหันไปมองชายวัยกลางคนแซ่เฉียน ผ่านไปชั่วครู่ถึงกล่าวขึ้น

“ขอรับ!” ชายคนนี้ก็คือ เฉียนเฉิน หลังจากเขาผูกมิตรกับซูหมิงบนแผ่นดินหมานแล้วก็ไม่ได้ติดตามอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งซูหมิงถูกบีบให้ไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิตก็ขาดการติดต่อกันไป!

ต่อมาซูหมิงเคยถามเรื่องเกี่ยวกับเฉียนเฉินกับศิษย์พี่รอง ได้ความว่าหลังซูหมิงไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิตไม่นานอีกฝ่ายก็จากไปเอง จนถึงตอนนี้ซูหมิงยังจำตอนที่ ศิษย์สายตรงสำนักดาราสัจธรรมมาเยือนในคราวนั้นได้ ตอนนั้นเฉียนเฉินเห็นคน ยอดเขาลำดับเก้าตายตกกับตา สีหน้าเขาเศร้าและโกรธแค้น และยังมีการตัดสินใจแน่วแน่ที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในตอนนั้น

ภาพเหล่านี้ลอยขึ้นมาในใจซูหมิง เขามองชายตรงหน้า แยกออกไม่ออกเล็กน้อยว่านี่….คือเฉียนเฉินของสามรกร้างหรือเฉียนเฉินของที่นี่

“เจ้า…ยังจำข้าได้หรือไม่?” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพลันถามขึ้น

กล่าวจบ เฉียนเฉินตัวสั่นสะท้าน ตั้งแต่ที่ซูหมิงปรากฏตัว ยังมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้ามากนัก อย่างมากสุดก็คล้ายกับว่าเสียใจที่สาบานลงไป แต่ความจริงในใจเฉียนเฉินเกิดความขมขื่นที่คนอื่นยากจะตรวจพบในทันทีที่เห็น ซูหมิงแล้ว

ความขมขื่นมาจากหน้าตาซูหมิง มาจากความทรงจำในอดีตของเขา แต่เขาไม่กล้าเชื่อ ได้แต่ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เหม่อมองซูหมิง

หน้าตาซูหมิงต่างกับตอนแผ่นดินหมานเล็กน้อย แต่หากมองนานเข้า ก็ยังหาร่องรอยในความต่างเจอเล็กน้อย เขามองเฉียนเฉินอยู่นานก่อนถอนหายใจเบา

“ยังจำยอดเขาลำดับเก้าได้หรือไม่”

สิ้นเสียง เฉียนเฉินตัวสั่น มีสีหน้าเหลือเชื่อ เขาจะไปลืมยอดเขาลำดับเก้า ได้อย่างไร นั่นคือที่ที่เขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต เขาในตอนนั้นออกจากที่นี่ไปโดย ไร้จิตสำนึก เข้าไปในน้ำวนแสงสว่างหยาง ที่นั่น…เขาได้รู้จักกับคนจำนวนหนึ่งใน โลกหมาน

ทุกอย่างในยอดเขาลำดับเก้าจนมาถึงความอนาถาในช่วงสุดท้ายประทับตราลึกลงในสมอง เขาในตอนนั้นไม่รู้ความลับเกี่ยวกับมหาโลกซางเซียงของตน จนกระทั่ง ซูหมิงไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เขาจึงเลือกจากไปเงียบๆ หลังกลับมายังโลกของเขาแล้ว ตอนที่ท่องอยู่ในมหาโลกซางเซียง เขาบังเอิญ… เห็นเรื่องราวยิ่งใหญ่ของ มหาโลกซางเซียงจากที่ไกลๆ เรื่องนั้น…คือโลกแท้จริงพรรคเซียนปรากฏบุตรแห่งซางคนที่สาม เขาไม่มีวันลืมความตื่นเต้นหลังจากที่ตนได้พบบุตรแห่งซางคนที่สามใน ตอนนั้น

และก็ไม่ลืมตอนที่เขาลองเข้าไปใกล้ชิดกับบุตรแห่งซางคนที่สามผู้นั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชา เขาอึ้งไป จนเข้าใจแล้วจึงหลีกทางไปด้วยความเศร้าหมอง

“ท่านบุตรแห่งซางพูดอะไร…ข้าน้อยไม่เข้าใจ…” เฉียนเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนทำหน้าประจบของผู้น้อยอีกครั้ง ยิ้มกล่าวด้วยความขมขื่นในใจ

เขาไม่กล้ายอมรับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มสังเกตเห็นถึงความลับเกี่ยวกับมหาโลกซางเซียงว่าคนที่นี่…ก็มีอยู่ข้างนอกเหมือนกัน

แต่กลับไม่ใช่คนเดียวกัน

ซูหมิงตรงหน้าเหมือนกับบุตรแห่งซางทุกประการ เฉียนเฉินจึงยากจะแยกออกว่าคนนี้คือ ซูหมิงหรือบุตรแห่งซาง

ซูหมิงเงียบ เขาจำเฉียนเฉินได้ จากปฏิกิริยาโต้ตอบต่อเนื่องของอีกฝ่าย ซูหมิงจึงมองออกเยอะมาก แต่เขาไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายยอมรับ แต่มองเฉียนเฉินอย่างลึกซึ้งเงียบๆ

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมาจากที่นี่…รักษาตัวด้วย” เฉียนเฉินคือสหายของซูหมิง แม้ความสัมพันธ์จะไม่เท่ากับพวกศิษย์พี่ใหญ่ แต่อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสหาย

ซูหมิงส่ายศีรษะพลางหมุนตัวกลับเดินอากาศไป ในเมื่อเฉียนเฉินยังลังเล มีความลำบากใจในการยอมรู้จักกัน ไม่ว่าความลำบากใจนี้คืออะไร ซูหมิงจะไม่บังคับ มิตรภาพ…บางครั้งก็เหมือนกับพืชน้ำมาบรรจบกัน ตอนที่พบกันอีกครั้ง… อาจกลายเป็นจอกแหนก็ได้

เห็นเงาแผ่นหลังซูหมิงลอยขึ้นฟ้าไปช้าๆ เฉียนเฉินจึงมีสีหน้าต่อสู้ดิ้นรนมากขึ้น ก่อนตะโกนเสียงดังออกไป

“คนข้างกายเจ้าที่ข้ากลัวมากที่สุดคือใคร?”

“อวี่เซวียน…” ซูหมิงหยุดชะงักกลางอากาศ เขาหันหน้ากลับมองมาเฉียนเฉินแล้วตอบกลับช้าๆ

“เหตุใดถึงตอบแบบนี้…” เฉียนเฉินพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไป ตรงหางตามีน้ำตา

“มังกรยมโลกที่แปลงกายเป็นสุนัขรังแกเจ้า อวี่เซวียนรังแกมังกรยมโลก ดังนั้นเจ้าในตอนแรกถึงคิดว่าอวี่เซวียนแกร่งที่สุดและก็น่ากลัวที่สุด” ซูหมิงมองเฉียนเฉินด้วยสีหน้าหวนคะนึงคิด ช่วงเวลานั้น…งดงามมาก

“เจ้าคือ…”

“ข้าไม่ใช่บุตรแห่งซาง ข้าคือซูหมิงจากแผ่นดินหมาน!” สิ้นเสียงซูหมิง เฉียนเฉินน้ำตาไหลมากกว่าเดิม เขาเหม่อมองซูหมิง สีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทีละน้อย

“ซูหมิง…เป็นเจ้า เป็นเจ้าจริงๆ เจ้าไม่ใช่บุตรแห่งซาง เจ้าคือซูหมิง!”

…………….

ณ ดาวแท้จริงที่แตกออกเป็นสองส่วน สีผืนฟ้าไม่ใช่สีคราม แต่อึมครึม เห็นได้ว่าเหมือนมีพายุหมุนวนอยู่ตรงปลายขอบฟ้า แผ่นดินแตกออก ยอดเขาถล่มลง พื้นดินกว้างโล่งเต็มไปด้วยรอยแยก

ระหว่างรอยแยกบนแผ่นดินมีพื้นที่โล่งเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตรงนั้นมีโต๊ะยาวตัวหนึ่ง ด้านบนมีไหสุราสองไห ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ข้างๆ เป็นเฉียนเฉิน

ซูหมิงได้ฟังเรื่องราวที่เฉียนเฉินประสบมา ตั้งแต่บังเอิญเข้าไปในน้ำวนแสงสว่างหยาง เข้าไปในเผ่าหมาน จากนั้นจึงเลือกกลับมามหาโลกซางเซียงเพราะซูหมิงไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เขาเจอคนมากมายที่นี่ มีซูหมิงอีกคน และก็มีอวี่เซวียนอีกคน…

“ที่นี่คือมหาโลกซางเซียง ในตำนานของเผ่าหมานบอกว่ามีผีเสื้อตัวหนึ่งนามว่าซางเซียง ตำนานนี้เป็นจริง ในโลกของข้าซางเซียงอยู่สูงสุด…

ที่นี่มีสี่โลกแท้จริง…

ที่นี่มีคำเรียกบุตรแห่งซาง เหมือนกับบุตรของซางเซียง เป็นคล้ายร่างจุติของ ซางเซียง ความจริงแล้วเป็นเพราะสาเหตุพิเศษบางอย่างเลยทำให้พวกเขาติดต่อกับดวงจิตซางเซียงได้ และยังใช้พลังของซางเซียงได้”

“ข้ายังเคยพบ…ไป๋ซู่…” เฉียนเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองซูหมิงแล้วพูดขึ้นอย่างลังเล

“นางไม่ใช่ผู้ฝึกฌาน แต่เป็นคนธรรมดาที่ข้าพบบนดาวดวงหนึ่งในโลกแท้จริงดาราโบราณเมื่อหลายปีก่อน ตระกูลที่นางอยู่ก็เป็นตระกูลใหญ่ในโลกคนธรรมดา

ข้าไม่พบศิษย์พี่รองกับหู่จื่อ…แต่ข้าจำอวี่เซวียนได้แม่น ตอนนี้นางอยู่ในโลกแท้จริงอาณาจักรพิชัย เป็น…” เฉียนเฉินเงียบไปอีกครู่หนึ่ง เขาลังเลอีกเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า

“เป็นคู่ชีวิตของบุตรแห่งซางที่สาม”

ซูหมิงเงียบ เขาคิดออกนานแล้ว บางทีคนจากสามรกร้างอาจมีตัวเองอีกคนในมหาโลกซางเซียง ทว่าจุดที่แผ่นดินหมานอยู่คือกลางน้ำวน ดังนั้นคนที่นั่น…จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะมีตัวเองอีกคนที่นี่

มีเพียงคนที่มีคุณสมบัติบางอย่างเท่านั้นถึงจะเป็นแบบนี้ ซูหมิงก็ด้วย ไป๋ซู่ก็เช่นกัน

ไป๋ซู่เข้าใจได้ เดิมทีนางเป็นผู้ฝึกฌานแห่งสามรกร้าง แต่ซูหมิง…ก็เข้าใจง่ายเหมือนกัน เพราะเดิมทีเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในน้ำวนมรณะหยิน

“ที่นี่คือมหาโลกซางเซียง มีสี่โลกแท้จริง แบ่งเป็นพรรคเซียน หยางมายา ดาราโบราณและอาณาจักรพิชัย…ในมหาโลกซางเซียงนี้มีผู้ฝึกฌานไม่น้อย กระจายกันอยู่ในสี่โลกแท้จริง นอกจากโลกแท้จริงพรรคเซียนที่ถูกแยกออกมา เมื่อหลายปีก่อนและไม่ยอมให้ที่นี่เป็นขุมอำนาจของฝ่ายใดแล้ว อีกสามโลกแท้จริงล้วนมีบุตรแห่งซางสามคนอยู่ อีกทั้งในสามโลกแท้จริงนั้นต่างมีสำนักแกร่งกล้า อย่างเช่นพระราชวังหยกของโลกแท้จริงดาราโบราณ ก็มีอวี้ตี้ หลี่เทียนหวัง เอ้อทงเสินรวมถึงเฟิงหั่วถงจื่อ ในนั้นอวี้ตี้เป็นเจ้าปกครอง อีกสามคนต่างมีฐานะ ของตน พวกเขาถูกเรียกรวมกันว่า…พระราชวังหยก”

“แล้วก็อย่างเช่นในโลกแท้จริงหยางมายาก็มีผู้สูงส่งแห่งสี่แคว้น ผู้สูงส่งโต้วเป็นเจ้าปกครอง ผู้สูงส่งอวิ๋น เต้าและสวีสามคนเป็นรอง รวมกันเป็นหนึ่งขุมอำนาจ และยังมีของโลกแท้จริงอาณาจักรพิชัย ต่ำกว่าบุตรแห่งซางมีสิบยอดผู้ไว้อาลัย ควบคุมสมบัติล้ำค่าคุมวิญญาณสิบแปดชิ้น แข็งแกร่งอย่างยิ่ง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version