Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1265

ตอนที่ 1265 ยังมีอีกหรือไม่?

‘บุตรแห่งซางสามคน…หนึ่งในนั้นคือ ข้าอีกคนในโลกนี้ นี่อธิบายได้ว่าเหตุใดข้าถึงข้ามผ่านน้ำวนมาได้ แต่ชายชราวิญญาณสวรรค์ข้ามมาไม่ได้ เพราะว่าตัวข้าอีกคนที่นี่ติดต่อกับดวงจิตซางเซียงได้ เป็นบุตรแห่งซางที่สูงศักดิ์ที่สุดนอกจากดวงจิตซางเซียง’ ซูหมิงหลับตาลงเล็กน้อย ปกปิดความคิด

‘ส่วนบุตรแห่งซางอีกสองคน…เป็นใคร?’ ภายในดวงตาซูหมิงที่ปิดลงขยับประกายวาว จากนั้นก็นึกไปถึงอีกคำถามหนึ่ง

‘หากตัวข้าอีกคนที่นี่ติดต่อกับซางเซียงได้ เช่นนั้นข้า…จะทำได้หรือไม่? และยังมี ตี้เทียน เขาซ่อนอยู่ในน้ำวนมรณะหยินจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาโลกซางเซียงหรือไม่

แล้วก็ซูเซวียนอี คนนี้มีความสามารถโดดเด่นและมองการณ์ไกล แผนการยิ่งใหญ่ ถึงพลังข้าในตอนนี้น่าจะเหนือกว่าเขา แต่กลับคลำหาร่องรอยแผนการเขาไม่พบ มักจะรู้สึกว่าในนั้นขาดร่องรอยสำคัญยิ่งไปเล็กน้อย…

ตอนนี้มาดูแล้ว เขา…จะรู้ถึงการคงอยู่ของมหาโลกซางเซียงเหมือนกันหรือไม่!’ ซูหมิงนึกถึงตรงนี้ก็ใคร่ครวญอย่างหนัก ขณะตกอยู่ในห้วงความคิดก็ไม่ได้มอง ขุมอำนาจของสามโลกแท้จริงอยู่ในสายตา สิ่งที่เขาสนใจที่สุดคืออภินิหารของดวงจิตซางเซียงที่บุตรแห่งซางสามคนใช้ได้

“หาก…ข้าพาเจ้าไป…” ระหว่างที่ซูหมิงกำลังตรึกตรอง เฉียนเฉินเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ซูหมิงจึงหยุดความคิดแล้วเงยหน้ามองเฉียนเฉิน

“ข้าจะพูดว่าหากเจ้าจะไปหาไป๋ซู่ ข้า…พาเจ้าไปยังดาวที่นางอยู่ได้ แต่ผ่านไป พันกว่าปีแล้ว นางเป็นคนธรรมดาก็น่าจะสิ้นชีพไปนานแล้ว” เฉียนเฉินไม่รู้เรื่องราวที่ซูหมิงประสบ ความทรงจำเขายังหยุดอยู่ที่ตอนนั้น ดังนั้นเลยเอ่ยคำพูดนี้

ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก หลังคลำถุงเก็บวัตถุแล้วจึงพยักหน้า

เฉียนเฉินมีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเข้าใจผิดความสัมพันธ์ระหว่าง ซูหมิงกับไป๋ซู่จึงถอนหายใจ ครู่ต่อมาสอง

คนกลายเป็นสายรุ้งยาวสองสายบินขึ้นจากดาว วูบเดียวก็บินไกลออกไป

โลกแท้จริงดาราโบราณเต็มไปด้วยหมอกกลุ่มดาวคล้ายเมฆส่องแสง มองไกลๆ ดูงดงามอย่างยิ่ง ซ้ำยังมีความรู้สึกเหมือนแสงวาววับจับตาอัดแน่นอยู่ในใจผู้มอง ทุกคน สายรุ้งยาวลากผ่านไป ซูหมิงพาเฉียนเฉินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพลังของเฉียนเฉิน การใช้พลังตัวเองต้องใช้เวลานานมากถึงจะเข้ามาที่โลกแท้จริงดาราโบราณ แต่ซูหมิงแค่ม้วนพามาก็เหนือกว่าความเร็วในการเคลื่อนย้ายแล้ว

เพียงหนึ่งชั่วยาม ซูหมิงกับเฉียนเฉินออกจากโลกแท้จริงพรรคเซียน เข้ามาในฟ้าของโลกดาราโบราณ

ฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ เงียบสงัด มองไม่เห็นผู้ฝึกฌานมากนัก อีกทั้งต่อให้มี ผู้ฝึกฌาน พวกเขาก็ไม่เห็นร่างเงาซูหมิง ภายใต้การชี้นำของเฉียนเฉิน ผ่านไปอีก สองก้านธูป ตรงหน้าซูหมิงปรากฏดาวแท้จริงสีฟ้าดวงหนึ่งในโลกแท้จริงดาราโบราณ

ดาวแท้จริงนั้นสวยงามมาก ที่มันเป็นสีฟ้าก็เพราะว่าพื้นที่น้ำทะเลกลางดาว กินพื้นที่ไปมากกว่าครึ่ง ด้านบนมีแผ่นดินใหญ่สองแห่ง ซูหมิงเดินหน้าไปตามการชี้นำของเฉียนเฉิน ระหว่างที่ผืนฟ้าแปรเปลี่ยน เขาบินไปยังแผ่นดินทางขวาซึ่งเป็นยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง

สายลมภูเขาพัดผ่านพร้อมกับความหนาว ที่นี่เป็นหิมะขาวโพลน มองทอดไกล ฟ้าดินมีหิมะโปรยปราย เหมือนจะไม่มีขอบเขต

“เป็นแผ่นดินนี้แหละ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นไปทางนั้น เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นโลกมนุษย์ที่นี่” เฉียนเฉินขบคิดเล็กน้อยก่อนยกมือขวาชี้ไกลออกไป

ซูหมิงมองไปด้วยสีหน้าปกติ ผ่านไปพักหนึ่งจึงส่ายศีรษะ

“เวลาพันปี แคว้นคงจะเปลี่ยนไปแล้ว ที่นั่นไม่มี…” ซูหมิงหลับตาลง จิตสัมผัสกระจายออก ผ่านไปพักใหญ่ตอนที่ลืมตาขึ้น เขามีสีหน้าซับซ้อน ก่อนหมุนตัว ขยับไหวพาเฉียนเฉินหายไปจากยอดเขากลางหิมะ

มาปรากฏตัวอีกทีอยู่นอกหมู่บ้านภูเขาแห่งหนึ่ง หมู่บ้านภูเขาเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก มีควันไฟหุงอาหารในยามเช้าตรู่ บ้างก็มีเสียงเห่าของสุนัขปะปนกับ เสียงเล่นของเด็กน้อย

หมู่บ้านภูเขานี้ไม่ใหญ่ มีราวๆ หกสิบกว่าครัวเรือน ยามเช้าตรู่กลางสายลมหิมะมีเด็กหลายคนกำลังก่อมนุษย์หิมะขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข ซูหมิงมองสิ่งเหล่านี้เงียบๆ เดินผ่านไปอย่างสงบนิ่ง แต่คนธรรมดามองไม่เห็นเขา

จนกระทั่งซูหมิงไปหยุดอยู่นอกครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านภูเขาครู่หนึ่ง ครอบครัวนี้มีหญิงผู้ออกเรือนแล้วเดินเข้าเดินออกไม่น้อย ในมือถือน้ำร้อนส่งเข้าไปในบ้าน หลังหนึ่งกันอย่างต่อเนื่อง

บางครั้งจะมีเสียงกลั้นหายใจออกแรงของสตรีดังแว่วมาจากในบ้านนั้น บุรุษคนหนึ่งข้างนอกเดินไปเดินมาอย่างร้อนรน ภรรยาเขาใกล้จะคลอดแล้ว แต่ก็ยังไม่คลอดมาเสียที คล้ายว่า…ยังไม่ถึงเวลา คล้ายว่า…คนที่รอยังไม่มา

ซูหมิงมองสิ่งเหล่านี้พลางเดินเข้าไปใกล้ลานบ้านอย่างเงียบๆ เข้าไปในอีกห้องหนึ่งข้างๆ นั่นคือศาลบรรพบุรุษ ภายในวางแผ่นป้ายบรรพบุรุษเอาไว้ไม่น้อย นี่คือการคารวะบรรพบุรุษที่สืบต่อกันมาทุกยุคสมัยของครอบครัวนี้

เฉียนเฉินตามอยู่ข้างกายซูหมิง มองแผ่นป้ายบรรพบุรุษในศาลบรรพบุรุษนั้น สุดท้ายก็มองขึ้นไปเกือบข้างบน

ข้างหูยังมีเสียงสตรีใกล้คลอดดังแว่วมาจากอีกห้องเป็นบางครั้ง ผ่านไปนานซูหมิงถึงถอนหายใจ หลังคลำถุงเก็บวัตถุแล้วก็หมุนตัวกลับเดินไปหนึ่งก้าว มาปรากฏอยู่ในห้องของสตรีใกล้คลอดคนนั้น

เขามองสตรีที่กำลังคลอดอย่างยากลำบากบนเตียง มองใบหน้าที่มีความละม้ายกับไป๋ซู่พร้อมกับตบถุงเก็บวัตถุเงียบๆ มีเงามายาคล้ายกับวิญญาณลอยล่องบินออกมาจากถุงเก็บวัตถุ ลอยอยู่รอบตัวเขา นั่นคือ…หญิงโชคชะตา

เขามองหญิงโชคชะตาพลางถอนหายใจเบา ก่อนยกมือขวาโบกไป วิญญาณหญิงโชคชะตาวนเวียนรอบตัวซูหมิง

หลายรอบราวกับไม่อยากจาก แล้วค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในครรภ์ของสตรีใกล้คลอดคนนั้น

“บางทีอาจลิขิตไว้แล้วว่าข้าจะมาที่นี่ มาจัดการให้เจ้าเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกคือ สามรกร้าง ครั้งนี้คือซางเซียง…” ซูหมิงพูดเสียงเบา สายตามองวิญญาณ หญิงโชคชะตาหายเข้าไปในครรภ์หญิงใกล้คลอดคนนั้นแล้วก็หมุนตัวกลับเดินจากไปเงียบๆ

ทันทีที่ซูหมิงออกจากห้อง เขาได้ยินเสียงร้องของเด็กทารก เสียงนั้นเหมือนแฝงไว้ด้วยการอาลัยอาวรณ์กับความเสียใจ…

ทว่าสิ่งที่สลายความเสียใจก็คือเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีและเสียงหัวเราะของครอบครัว

เฉียนเฉินมองทุกอย่างอึ้งๆ เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เข้าใจอดีตของซูหมิง…

ณ แผ่นดินใหญ่บนดาวนี้ในโลกแท้จริงดาราโบราณ ซูหมิงนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ มองน้ำทะเลสาบ หิมะโปรยปราย แต่ไม่อาจแช่แข็งทะเลสาบ ยังเห็นควันอุ่นๆ ลอยขึ้นจากผิวน้ำ ทำให้คนคาดการณ์ได้ว่าใต้ทะเลสาบอาจจะมีตาน้ำพุ

“พูดมาเถอะ ตระกูลศัตรูของเจ้าอยู่ที่ใด” ซูหมิงมองทะเลสาบพลางกล่าวเรียบๆ เฉียนเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอยย่าง ซูหมิงหันมายิ้มมองเฉียนเฉิน

“ข้าคงอยู่ในมหาโลกซางเซียงอีกไม่นาน และข้ายังมีเรื่องต้องไปทำด้วย หากเจ้าไม่พูด พอข้าไปแล้วก็จะไม่มีโอกาสอีก” ซูหมิงพูดยิ้มๆ ด้วยสติปัญญาของเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าก่อนหน้านี้เฉียนเฉินจงใจเอ่ยถึงไป๋ซู่ เป้าหมายก็เพื่อให้ตนมาที่โลกดาราโบราณ หากเป็นคนอื่นทำแบบนี้ ซูหมิงคงเกิดจิตสังหาร แต่ว่าเขาต้องการกำลังของเฉียนเฉิน ดังนั้นหากจะปิดบัง สู้เปิดเผยมาเลยเสียจะดีกว่า

เฉียนเฉินมีสีหน้าเก้อเขินเหมือนอยากจะอธิบายบางอย่าง แต่กลับกัดฟันประสานมือคารวะซูหมิงลึกๆ

“พระราชวังหยกดาราโบราณ สำนักเทพบูรพาใต้สังกัดหลี่เทียนหวัง ศิษย์ผู้มีอำนาจในสำนักตอนนี้เดิมทีควรเป็นข้าแต่กลับถูกคนชั่วใส่ร้าย บีบให้ข้าต้องออกมา คนนี้มีอำนาจมากในสำนักเทพประจิม เป็นทายาทของหลี่โซ่วสี่แม่ทัพใหญ่เทียนหวัง!

เขาทำลายขั้นพลังข้า ชิงคู่ชีวิตข้าไป เพียงเพื่อแย่งชิงฐานะศิษย์ผู้มีอำนาจ บีบให้ข้าต้องหนีตลอดปีราวกับหยอกล้อ…นี่คือเรื่องในอดีต และก็เพราะแบบนี้ข้าถึงต้องหนีเข้าไปในน้ำวนแสงสว่างหยาง ก็เลยได้เข้าไปในโลกหมาน จากนั้นข้ากลับมา แม้คนนี้จะไม่ลงมืออีก แต่ทุกครั้งที่ข้ากลับสำนักเพื่อไปเซ่นไหว้อาจารย์ เขาจะสร้างปัญหาให้ข้าเล็กน้อย ข้าสู้เขาไม่ได้ เลยไม่อาจสะสางความแค้นในตอนนั้น ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ อย่างเช่นเรื่องก่อนหน้านี้ สมบัติล้ำค่าของสำนักหายไปก็มาใส่ร้ายข้า หากไม่ใช่เพราะข้าผูกมิตรกับศิษย์ผู้มีอำนาจของสำนักบูรพาหิมันต์ ก็คงถูกเขาเหยียดหยาม อีกครั้ง”

“เจ้าอยากให้จัดการสำนักเทพประจิมอย่างไร?” ซูหมิงมองเฉียนเฉิน

“สังหารเขาคนเดียวก็พอ หาก…” เฉียนเฉินกัดฟัน มีสีหน้าเหี้ยมโหด ยังไม่ทันตอบซูหมิงก็พยักหน้าแล้ว

“ข้าเป็นคนไม่สนเหตุผล สนแต่ไมตรีจิต เจ้าพูดมาเถอะว่าให้ทำลายล้างสำนักเทพประจิม” ซูหมิงเอ่ยเนิบๆ สิ้นเสียง เฉียนเฉินสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ เดิมทีเขาอยากจะพูดว่าหากเป็นไปได้ อย่างมากสุดก็ลอบสังหารผู้อาวุโสสองสามคน แต่พอใคร่ครวญถึงฐานะของเจ้าสำนักเทพประจิมแล้วก็เกิดความลังเลขึ้นมา

“ยังมีอีกหรือไม่?” ซูหมิงถามขึ้น

“แล้วก็…สำนักคลื่นอุดร นี่ก็เป็นหนึ่งในสี่สำนักใต้สังกัดหลี่เทียนหวังเหมือนกัน ตอนนั้น…” เฉียนเฉินตื่นเต้นในใจเล็กน้อย เขาเห็นซูหมิงเอ่ยแบบสบายๆ จึงคาดเดาพลังซูหมิงได้รางๆ ตอนนี้ยังพูดไม่จบ ซูหมิงก็พยักหน้า

“สำนักคลื่นอุดร ยังมีอีกหรือไม่?”

“แล้วก็สำนักหนานซวิน นี่ก็เป็นของหลี่เทียนหวัง…”

“เอาล่ะ ข้าจะลบหลี่เทียนหวังคนนี้ที่เจ้าบอก ลบสำนักของเขาทั้งหมด ดีหรือไม่?”

“เอ่อ…สำนักบูรพาหิมันต์ยังดีกับข้า…อ่า? ลบหลี่เทียนหวัง ขะ…เขาคือ ผู้แข็งแกร่งขั้นดับระดับสูง ความแกร่งของพลังยากจะจินตนาการ เขา…” เฉียนเฉิน กล่าวถึงตรงนี้ก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ สายตาเหม่อมองซูหมิง เพราะซูหมิงพูดกับเขาต่อว่า

“ยังมีอีกหรือไม่?”

“มะ…ไม่มีแล้ว” ในใจเฉียนเฉินสั่นไหว เขาพลันรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยกับท่าทีสบายๆ ของซูหมิง ด้วยความเข้าใจของเขาต่อซูหมิง นี่ไม่ใช่การจงใจ แต่…มีท่าทีสบายจริงๆ

ลบสองสามสำนัก ลบผู้แข็งแกร่งขั้นดับระดับสูง จากท่าทีสบายๆ แบบนี้มากพอจะอธิบายได้ถึงความแกร่งของซูหมิง นี่ทำให้เฉียนเฉินลมหายใจกระชั้น แต่ก็ยังไม่กล้าเชื่ออยู่เล็กน้อย

“หลี่เทียนหวังเป็น…”

“เอาล่ะ พาข้าไปสำนักเทพประจิมก่อน เจ้าต้องจัดการกับหน้าตาตัวเองด้วย ถึงอย่างไรพอข้าไปแล้ว เจ้าก็ยังต้องอยู่ที่นี่” ซูหมิงหมุนตัวกลับแล้วยกมือขวาโบกไปยังตัวเฉียนเฉิน ทันใดนั้นหน้าตาเฉียนเฉินเปลี่ยนเป็นชายชราคนหนึ่ง กระทั่งกลิ่นอายพลังยังเปลี่ยนไป เว้นแต่จะมีคนที่มีดวงจิตเหนือกว่าซูหมิง มิเช่นนั้น…จะไม่มีใครมองออกว่าชายชราคือ เฉียนเฉิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version