Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1376

ตอนที่ 1376 ภัยพิบัติสามรกร้าง 8

นิ้วนี้มาพร้อมกับการทำลายล้าง ฉีกทำลายมวลอากาศ ฉีกปีกซางเซียง เผยจักรวาลกว้างใหญ่ มันข้ามผ่านหมอกกลิ่นอายความแค้นที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงรวมมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง

มันกดนิ้วเบาๆ ซึ่งแฝงไว้ด้วยการทำลายล้าง แฝงไว้ด้วยพลังสูงสุดที่ทำลายดวงจิตทุกดวงได้ ก่อนสัมผัสซูหมิง

ซูหมิง…ไม่ได้หันไปมอง แต่ยกมือซ้ายขึ้นฟันไปยังแม่น้ำลืมเดินทาง เพียงแต่ว่าร่างกายเขาสั่นไหวและพ่นโลหิตออกมา ทว่าเขากลับกัดฟันยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้การทำลายล้างข้างหลังกลบตน ดวงตาเขาฉายประกายความยึดมั่น เขาต้องเห็นแม่น้ำลืมเดินทางถูกตัดกับตา ต้องเห็นแม่น้ำลืมเดินทางไม่ไหลย้อนกลับและ คนยอดเขาลำดับเก้ากลับไปในโลกนั้นอีกครั้ง

ดังนั้นเขาถึงให้นิ้วมือข้างหลังข้ามผ่านจุดที่ตนอยู่ เขาจะไม่ยอมให้คนยอดเขาลำดับเก้าเป็นอะไรแม้แต่น้อย

ขณะซูหมิงกำลังยืนหยัด ตี้เทียนในน้ำวนมรณะหยินตัวสั่น ยามที่กระอักเลือดยังรักษารูปแบบชะตาให้สมบูรณ์ เพียงแต่ว่ารูปแบบชะตานั้นเริ่มแตกร้าวเป็นจำนวนมากแล้ว ดวงตาตี้เทียนแดงก่ำ เปล่งเสียงคำรามแห่งชีวิต ร่างกายพลันแห้งเหี่ยวลง รวมพลังชีวิตทั้งหมดส่งเข้าไปในรูปแบบชะตานั้น

เพียงแต่ว่า…ซูหมิงไม่อาจยืนหยัดได้นานนัก ความปรารถนาของเขาจึงยังไม่เป็นผลสำเร็จ ยามนี้เองขาสองข้างเหมือนรับพลังแห่งการทำลายล้างไม่ไหวจึงแหลกสลายไป ที่สลายไปด้วยยังมีขาสองข้างของตี้เทียนในน้ำวนมรณะหยิน

พริบตาที่ร่างซูหมิงถูกพลังทำลายล้างบดทำลาย สายลมหกสีพลันปรากฏข้างกายเขา วนเวียนรอบตัว ช่วยต้านนิ้วแห่งการทำลายล้างนั้นไม่รู้เท่าไร จนในที่สุดก็ดึงร่าง ซูหมิงออกมาจากตรงหน้านิ้วนั้น

สายลมหกสีนั้นก็คือ ดวงจิตสามรกร้าง!

ไม่มีซูหมิงขวางแล้ว ช่วงที่แม่น้ำลืมเดินทางถูกตัด น้ำวนนั้นกำลังจะหายไป นิ้วนั้นสัมผัสไปกลางน้ำวน สัมผัสแม่น้ำลืมเดินทาง…

ทำลายล้าง…

ซูหมิงเห็นร่างศิษย์พี่ใหญ่กลายเป็นเถ้าธุลี เห็นศิษย์พี่รองเหมือนถอนหายใจเบา มองซูหมิงพลางยิ้มมุมปาก แต่ศีรษะกลับลอยขึ้นหลังร่างแหลกสลาย กลายเป็นอากาศธาตุ

เขาเห็นหู่จื่อคำราม เห็นอวี่เซวียนเพ่งมอง เห็นชางหลันน้ำตาไหล และยังมีสวี่ฮุ่ย เม้มริมฝีปาก หลับตาลงด้วยความขมขื่น

และยังมีท่านปู่ ฉางเหอ หนานกงเหิน ใบหน้าทั้งหมด สุดท้ายถูกนิ้วมือของเสวียนจั้งเข้ามาแทนที่การมองเห็นทุกอย่าง จนกระทั่งแม่น้ำลืมเดินทางพังลง จนกระทั่งน้ำวนหายไป ทุกอย่าง…กลายเป็นความทรงจำ

เหมือนอยู่ในความประมาท ดาบวายุกระบี่น้ำค้างเลื่อนลอยกลายเป็นพิณสังหารเสียงแหลมเล็ก เสียงซึมเศร้าสะอื้นไห้ดังไกลออกไปกลางความฝันทำให้กาลเวลาที่อัดแน่นตกใจตื่น กลายเป็นนิรันดร์ กลายเป็นใบไม้ร่วง แฝงไว้ด้วยความเงียบเหงา มีความโดดเดี่ยว ตกลงตรงม่านตาที่ไร้ประกายของซูหมิง

ใบไม้ร่วงนั้นบดบังดวงตาซูหมิง ราวกับภูเขาสูงสายน้ำไหลในความทรงจำ เดินมุ่งหน้าไปสู่ปลายทางตันอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่ที่มันตกลงตรงหน้าซูหมิง ตั้งแต่ที่ดวงตาเขาไร้ประกายวาว เหมือนกับว่าในดวงตานั้นแฝงไว้ด้วยแม่น้ำภูเขาที่เงียบเหงา ชั่วนิรันดร์ ขอบฟ้าแห่งกาลเวลาวังเวงดั่งหิมะ

ยามนี้เหมือนเวลาหยุดนิ่งในสายตาซูหมิง หางตามีน้ำตาโลหิตรินไหลมาแต่เมื่อไรไม่รู้ น้ำตาลากผ่านแก้ม หยดลงใต้เท้า หยดลงในฟ้ากระจ่างดาว ไม่รู้ว่าหากมีภพหน้า ตรงจุดที่โลหิตหยดลงนี้จะมีดอกไม้นามยอดเขาลำดับเก้าเบ่งบานหรือไม่

นิ้วมือจากเสวียนจั้งยกขึ้นช้าๆ ไปทางซูหมิง ดูเหมือนเนิบช้า แต่กลับแฝงไว้ด้วยการทำลายล้าง มันพุ่งเข้ามาในพริบตา ซูหมิงคือของเซ่นไหว้ของเขา เป็นของเซ่นไหว้ที่จะลิ้มลองเป็นอันดับแรกสุดหลังเก็บเกี่ยวซางเซียงทุกตัว

ดวงจิตสามรกร้างร่างแปลงพายุหกสียืนอยู่ข้างกายซูหมิง มองนิ้วนั้นเข้ามาใกล้ มุมปากยิ้มขมขื่น เพียงแต่มีสีหน้าหลุดพ้นมากกว่า

“ซูหมิง ข้าพลาดแล้ว ทุกอย่างที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ล้วนถูกต้อง…”

“แต่ข้าไม่เสียใจภายหลัง ข้ากินซางเซียงแล้ว ข้าเป็นเจ้าปกครองของโลกนี้แล้ว และก็เป็นทั้งผู้ฝึกฌานและซางเซียง! ข้าไม่รู้ว่าข้ามีชีวิตมากี่ปีแล้ว คิดว่าลืมอดีตแล้ว ข้ายังจำต้นไม้นั้นได้…ข้ายังจำสหายญาติพี่น้องในอดีตได้…ซูหมิง ข้ากลายเป็น ซางเซียงแล้ว นี่คือภัยของข้า แต่มันไม่เรียกว่าภัยพิบัติซางเซียง มันมีแค่นามเดียวคือ…

ภัยพิบัติสามรกร้าง!

นี่คือมหันตภัยของข้า แค่ให้ภัยนี้เกิดขึ้นด้วยนามของข้า ชีวิตนี้ข้าสามรกร้าง…พอใจแล้ว! แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าตระหนักรู้ขอบเขตเต๋าไร้ที่สิ้นสุดเสี้ยวหนึ่ง อนาคตของเจ้ายังไกลกว่านี้อีก ออกไปจากที่นี่ หากวันหนึ่งเจ้าสำเร็จเต๋า จำเอาไว้…แก้แค้นให้ข้า อย่าให้การพบกันระหว่างเราต้องเสียเปล่า!” ดวงจิตสามรกร้างหันหน้าไปยิ้มกล่าวกับซูหมิง ในรอยยิ้มมีความยึดมั่นและสูงส่ง

“ข้าคิดมาตลอดว่าหากพวกเราเกิดในยุคเดียวกัน พวกเราคงจะเป็นสหายที่ดีที่สุดต่อกัน” สามรกร้างยกมือขวาขึ้นตบซูหมิง ทันใดนั้นร่างซูหมิงถอยไปข้างหลัง แต่เขา…หมุนตัวกลับพุ่งไปยังนิ้วของเสวียนจั้งด้วยแววตามุ่งมั่นในการต่อสู้เด่นชัด

มองไกลๆ นิ้วมือนั้นเป็นดั่งเปลวเพลิง แต่สามรกร้าง…เหมือนกับแมงเม่า!

ไม่แมงเม่าจะกระโจนเข้าเปลวเพลิง ก็เปลวเพลิงแผดเผาแมงเม่า ความยึดมั่นนี้ ร่างเงานั้น ตอนนี้…ปะทุสีสันที่สว่างพร่างพราวที่สุดทั้งมหาโลกสามรกร้าง!

ความตายไม่น่ากลัว ข้าจำเต๋าได้ ต่อให้ตายแล้วอย่างไร!

การตายของข้ายืนยันเต๋าของข้า การตายของข้าไม่ใช่ให้ฟ้าทำลายข้า แต่แลกเป็นคำตอบเกี่ยวกับเต๋าที่ตระการตากว่าเดิม!

“ภัยสามรกร้าง ภัยสามรกร้าง มีภัยพิบัตินี้ได้ ข้าสามรกร้างก็หัวเราะได้แล้ว!” เสียงหัวเราะลากยาวดังก้องเข้าถึงหูซูหมิง ประหนึ่งกาลเวลาผ่านไปราวสายน้ำ ฝ่ามือยกขึ้นกลางน้ำ มองน้ำใสหายไประหว่างซอกนิ้วมือ ฟังเสียงครืนๆ ผ่านจากซอก การไหลของเวลา ราวกับความทรงจำลอยขึ้นมาในการผลัดเปลี่ยน แต่หัวใจฝังอยู่ในความจริง ความฝัน…ก็กำลังนับความเสียใจที่ตัดขาดจากน้ำตาในคืนมืด

ซูหมิงหัวเราะ หัวเราะเสียงดัง หัวเราะไปหัวเราะมาน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เสียงหัวเราะแหลมเล็ก ดังก้องไปทั้งโลกนี้ ไปทั้งจักรวาลกว้างใหญ่ ในเสียงหัวเราะมี ความบ้าคลั่ง และความยึดมั่นแรงกล้า

“ซางเซียง ข้าซูหมิงสาบานว่าชีวิตนี้ หากไม่ทำลายล้างเผ่าพันธุ์เจ้า ไม่ทำลายล้างชีวิตที่อยู่เหมือนกับเจ้าทั้งหมด ข้าจะไม่ยอมตายตาหลับ!”

“เมี่ยเซิง ความเจ็บปวดของแซ่ซูในวันนี้ หากไม่ให้เจ้าได้สัมผัสเป็นร้อยเท่าพันเท่า หากไม่ได้ประหารตัดชิ้นส่วนเจ้า ทุบกระดูกจนแหลก ดึงวิญญาณแล้วกลืนกิน กัดทำลายหมื่นปี ข้าซูหมิง…จะไม่ขอเห็นแสงสว่างนับจากนี้!”

“เงามืดรุ่งอรุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน สามร้อยหกสิบโลก ความแค้นนี้ไม่เท่ากับ ภัยพิบัติฝังร่าง ข้าจะ…สังหารพวกเจ้าทั้งหมด!”

“แล้วก็เสวียนจั้ง…เดิมทีข้าแค่อยากมีชีวิตรอด อยากมีชีวิตเพื่อวันหนึ่งจะได้ไปตามหาพวกเขาที่ส่งไปอีกโลก แต่เจ้า…ในเมื่อขวางทุกอย่าง เช่นนั้น เจ้าก็เป็นเป้าหมายที่ข้าจะยึดร่างแล้ว ในชีวิตนี้ข้าจะต้องยึดร่างเจ้าให้ได้ มีแต่ยึดร่างเจ้าเท่านั้นข้าถึงเปิดประตูยมโลกได้ ถึงหาร่องรอยของพวกเขาในกาลเวลาได้ คืนชีพให้ พวกเขาได้!”

เส้นผมซูหมิงไม่ได้เป็นสีขาวอย่างในภาพความลับสวรรค์ แต่ยังคงสีม่วง เพียงแต่ในสีม่วงแผ่กระจายความเศร้า กลายเป็นนิรันดร์ในใจซูหมิง

ความนิรันดร์นี้เหมือนกับสีของจักรวาลกว้างใหญ่ ยามนี้เองมหาโลกสามรกร้างตรงหน้าซูหมิงเริ่มพังทลายลง นั่นคือการกดทับจากมวลอากาศข้างบน นั่นคือ การพังทลายของดวงดาว และยังเป็นการตายและสูญสิ้นของทุกชีวิต

ขณะเดียวกัน ร่างสามรกร้างถูกนิ้วเสวียนจั้งเผาทำลายไปในภัยพิบัติสามรกร้าง!

ฟ้าดิน จักรวาลกว้างใหญ่ มวลอากาศกับฟ้ากระจ่างดาว ตอนนี้เหมือนกับ สองฝ่ามือยักษ์ประกบกัน บดทำลายร่องรอยของทุกโลกแท้จริง ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมด รวมถึง…ผู้แข็งแกร่งยุคก่อนที่คิดว่าปลอดภัยแล้ว พวกเขาพบว่าภัยพิบัติครั้งนี้ต่างกับทุกครั้ง ไม่อาจหลบได้ ทำได้เพียงคลุ้มคลั่งในความตาย ร้องคำรามแหลมที่ถูกเสียงครึกโครมกลบไปในการทำลายล้าง

ซูหมิงหมุนตัวกลับ เขาไม่มีขาสองข้างแล้ว มือซ้ายก็เหลือเพียงแขนเสื้อ แต่ในตัวเขากลับแผ่เงามืดสีม่วงหลังจากบ้าคลั่งและชั่วร้ายถึงขีดสุด!

นอกตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เกิดจากเงามืดสีม่วง กลิ่นอายนี้วนเวียนรอบตัวเขากลายเป็นขาสองข้าง เป็นมือซ้าย เพียงแต่ขาสองข้างรวมถึงมือซ้ายมีสีที่ต่างกับผิวหนังอย่างสิ้นเชิง

นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหารเด่นชัด ร่างเขากลายเป็นสายรุ้งยาวพร้อมด้วยจิตใจบ้าคลั่งพุ่งเข้าไปในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนในพริบตาที่มหาโลก สามรกร้างพังทลายลง

ในเมื่อสามร้อยหกสิบโลกยอมรับว่าซูหมิงเคยลงมือ เช่นนั้น…เขาก็จะลงมือจริงๆ ทำการช่วงชิงชีวิตจากภัยทำลายล้าง เพราะคนเหล่านี้…กลิ่นอายความแค้นของ พวกเขาเคยขวางซูหมิง เช่นนั้นก็ให้เหมือนกับภาพในความลับสวรรค์เสียเลย ในเมื่อ ซูหมิงถูกลิขิตเอาไว้แล้ว เช่นนั้นพวกเขา…ก็ต้องถูกลิขิตเอาไว้เช่นกัน!

การเข้ามาในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนทำให้ฟ้าที่นี่ที่กำลังถูก โลกข้างบนกดทับลงมาเกิดสายลมสีม่วงจากซูหมิงในช่องแคบระหว่างฟ้าดิน กลางสายลมนั้นมีร่างเงาเขา จุดที่ผ่านแต่ละโลก แต่ละเผ่าพันธุ์จะถูกสังหารจนสิ้น!

การสังหารของซูหมิงแฝงไว้ด้วยความยึดมั่น มีเพียงเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่จื่อรั่วเงยหน้าขึ้นมองฟ้า มองร่างเงาซูหมิงกลางสีม่วงบนฟ้า แววตานางลุ่มลึก เพ่งมองซูหมิงผ่านไปโดยไม่หยุด เขาไม่ได้สร้างความลำบากให้ชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ แต่นอกจากที่นี่แล้ว…นอกจากโลกทะเลสาบที่กระเรียนขนร่วงเคยมองร้อยปีในฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนแล้ว ที่อื่นๆ กลายเป็นสายฝนกลิ่นคาวเลือด

แต่ละโลกที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตข้างหลังซูหมิงต่างถูกฟ้ากดทับกลายเป็นอากาศธาตุ… จนกระทั่งซูหมิงพุ่งขึ้นไปข้างบน ข้ามผ่านมวลอากาศ พุ่งไปถึงโลกปีกที่สี่ ก่อนมุ่งหน้าไปยังเขตที่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงอยู่ด้วยจิตสังหาร

การเดินหน้าของเขาเหมือนกับไม้แห้งแห่งกาลเวลาถูกบดทำลาย ประกอบกับ น้ำใสแห่งกาลเวลาจึงกลายเป็นความใสของกระดาษ ไม่ว่าสีในอดีตจะเป็นอย่างไร เพียงสาดด้วยน้ำหมึก ก็จะย้อมออกมาเป็นสีที่ขวางกั้นยุคสมัย…แต่จะไม่หวนคืนสู่ตอนแรกสุดอีก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version