Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1401

ตอนที่ 1401 วงแหวนอาคมจิตเต๋าสยบเงา 3

พริบตาที่ปรากฏเข็มทิศที่ห้า ทั้งสำนักเจ็ดจันทราเกิดเสียงอื้ออึงยากจะบรรยาย ศิษย์ฝ่ายนอกจำนวนมากของฟ้าเหนือฟ้าชั้นหนึ่งล้วนสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ทุกคนจับจ้องฟ้าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อ เพราะวงแหวนอาคมที่เจ็ดยังไม่ถูกทำลายแล้วจะปรากฏเข็มทิศที่ห้าได้อย่างไร!

“นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

“ข้าอยู่ฝ่ายนอกมาหลายปี นอกจากเยี่ยหลงแล้ว ก็เคยเห็นศิษย์ฝ่ายในบุก วงแหวนอาคมนี้หลายครั้ง แต่แบบนี้…ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!”

ท่ามกลางเสียงเกรียวกราวของศิษย์ฝ่ายนอก เจ้าสำนักฝ่ายนอกหรือบัณฑิต ชุดคลุมขาวผู้ชี้แนะเยี่ยหลงในอดีต ตอนนี้ถอนหายใจเบา เขารู้แล้วว่าด้วยความโอหังของเยี่ยหลงทำให้ยอมรับไม่ได้ว่ามีคนรุ่นเดียวกันแกร่งกว่า ดังนั้นถึงได้ท้าประลองมาตลอดแปดปี และถึงมีวันนี้…เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแรงปะทะต่อเยี่ยหลงอย่างรุนแรงยิ่ง

‘เยี่ยหลงแพ้แล้ว…แพ้อย่างหมดรูป เขาเลือกคู่ต่อสู้ผิด’ บัณฑิตชุดคลุมขาวเงยหน้าขึ้นมองซูหมิงกลางเข็มทิศห้าอัน นัยน์ตาเผยความยำเกรงเสี้ยวหนึ่ง!

ที่ยำเกรงไม่ใช่เพราะฐานะซูหมิง แต่เป็นเพราะการกระทำของซูหมิงตอนนี้ เขาเป็นเจ้าสำนักฝ่ายนอก อยู่สำนักเจ็ดจันทรามาหลายปี จึงรู้ว่าเหตุการณ์นี้ หมายถึงอะไร

นี่คือ…เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากตระหนักรู้วงแหวนอาคมเก้าอันแรก และเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่วงแหวนอาคมที่เจ็ด ไม่ใช่วงแหวนอาคมที่แปดและก็ไม่ใช่เก้า นี่คือ…วงแหวนอาคมที่สิบ!

‘ข้ามจากวงแหวนอาคมที่เจ็ดไปสิบ ตั้งแต่โบราณมาจนถึงตอนนี้…เหมือนว่าจะมีไม่กี่คนที่ทำได้จริงๆ’ ยามนี้ผู้ดูแลฝ่ายนอกคนอื่นๆ รอบบัณฑิตชุดคลุมขาวต่างมอง ซูหมิงด้วยความเคารพยำเกรง

เทียบกับเสียงเกรียวกราวของศิษย์ฝ่ายนอกฟ้าเหนือฟ้าชั้นหนึ่งแล้ว ฟ้าเหนือฟ้าชั้นสองก็เช่นกัน เสียงยังไม่ทันดังมากนัก ผู้ฝึกฌานชั้นสองทั้งหมดแทบจะยืนอยู่ ตรงยอดเขาตัวเอง มองซูหมิงอย่างเหลือเชื่อ

พวกเขาคือศิษย์ฝ่ายใน รู้ว่าเหตุการณ์นี้หมายถึงอะไร เพราะพวกเขาเคยเห็นแบบนี้ มาก่อน เห็นคนที่เคยสำเร็จ และเคยเห็นคนที่ล้มเหลว แต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ ผู้ที่บุกวงแหวนอาคมจะมีชื่อเสียงโด่งดังในสำนักเจ็ดจันทรา

และเพราะแบบนี้เองพวกเขาถึงเข้าใจว่าการปรากฏของเข็มทิศห้าอันสร้างความตกใจเพียงใด!

“วงแหวนอาคมที่สิบ!”

“นี่มันวงแหวนอาคมที่สิบ หวังเทาคนนี้…เขาตระหนักรู้วงแหวนอาคมที่เจ็ด ทำให้วงแหวนอาคมเปลี่ยนจึงเกิดวงแหวนอาคมที่สิบ!”

ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของฟ้าเหนือฟ้าชั้นสอง ในฟ้าเหนือฟ้าชั้นสามก็เกิดเสียงดังสนั่นเช่นกัน ในสายตาผู้ฝึกฌานทั้งหมดไม่มีการเหยียดหยามอีก แต่กลายเป็นตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย

พวกเขาเฝ้ารอคอยซูหมิงสำเร็จ และที่ตื่นเต้นก็เพราะดูจากท่าทางซูหมิงแล้ว พออีกฝ่ายสำเร็จแล้วเหมือนจะไม่หยุดแค่นี้!

เทียบกับศิษย์สำนักเจ็ดจันทราฟ้าเหนือฟ้าชั้นสาม ศิษย์หลักฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ตอนนี้หน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว พวกเขาจ้องซูหมิงตาเขม็ง เพราะพวกเขาเข้าใจวงแหวนอาคมที่สิบมากกว่า ดังนั้นความตื่นตะลึงในใจจึงมากกว่า

โดยเฉพาะศิษย์ที่ก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นมาว่าซูหมิงคิดจะบุกถึงวงแหวนอาคมที่สิบ ตอนนี้มีสีหน้าตื่นเต้น ยามที่จ้องซูหมิง การเย้ยเยาะในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเฝ้ารอคอย

แต่ผู้ฝึกฌานที่ผ่านวงแหวนอาคมที่สิบเหล่านั้น ตอนนี้มองซูหมิงด้วยแววตาเคารพ เวลานี้…พูดได้ว่าไม่มีสายตาใดมองอย่างเหยียดหยามอีก!

ซูหมิงใช้การกระทำของเขาจู่โจมการเย้ยเยาะทุกอย่างต่อเขาก่อนหน้า! ส่วนพวกคนสายเลือดที่สามตอนนี้ตื่นเต้นส่งเสียงโห่ร้องดังกว่าเดิม ผู้ฝึกฌานไม่น้อยในนั้นยอมรับซูหมิงแล้วราวกับทหารย้ายข้าง!

เพียงแต่ว่าการยอมรับเป็นการยอมรับให้อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น ไม่ใช่การเคารพต่อผู้อาวุโส จะเปลี่ยนการยอมรับเป็นเคารพได้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าสุดท้าย ซูหมิง…หยุดที่วงแหวนอาคมใด!

“เขาไม่มีทางสำเร็จ! วงแหวนอาคมที่สิบไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ข้าว่าเขาต้องล้มเหลว!”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากวงแหวนอาคมที่สิบผ่านกันได้ง่ายๆ ข้าคงไม่ต้องลองแปดครั้งถึงจะผ่าน!”

คำพูดแบบนี้มีไม่น้อยในชั้นสี่ ตอนที่เสียงสนทนาดังอื้ออึง เยี่ยหลงมองเข็มทิศห้าอันตรงหน้า มุมปากมีโลหิตไหล ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าว ตอนที่คุกเข่าลงกับพื้นยังกระอักเลือดคำใหญ่

เขาพยายามเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่น

“ข้าไม่ยอม!” ขณะที่เยี่ยหลงพึมพำ ซูหมิงเงยหน้ามองเข็มทิศที่ห้าที่ใหญ่กว่าข้างบน สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อยดั่งตอนแรก ยามที่มองไป เข็มทิศห้าอันหมุนโคจรส่งเสียงดังสนั่น จากนั้นแรงกดดันมหาศาลพลันกดทับมาที่ซูหมิง

ซูหมิงรู้สึกจากในแรงกดดันนี้เหมือนว่าร่างกายจะแยกออก เพียงแต่ความรู้สึกนี้เบาบางมาก แต่กลับทำให้เขาสนใจยิ่ง ภายใต้การสังหาร เขาไม่สนใจแรงกดดันที่ กดลงมา แต่สังเกตกฏการหมุนโคจรของเข็มทิศห้าอัน

จนกระทั่งเขาเห็นว่าบนเข็มทิศห้าอันต่างปรากฏเงามายาร่างหนึ่งเหมือนกับ ร่างเงาเขา ภาพนี้ทำให้ดวงตาเขาเป็นประกายวาว

‘วงแหวนอาคมนี้ช่วยศิษย์สำนักเจ็ดจันทราแยกร่างเงาออกมา…โดยเฉพาะ เข็มทิศห้าอันที่เกิดจากวงแหวนอาคมเก้าอันแรก เมื่อปรากฏมาทั้งหมดแล้ว ความรู้สึกแยกออกนี้ จริงๆ แล้วต้องการแค่ให้คนสัมผัส หากรับไหวก็จะแยกออกมาเป็นร่างเงาแรกของตน! และก็เป็นชะตาที่สองนอกจากชะตาของร่างจริงตัวเองแห่งวิชาเจ็ดชะตา!’

‘แต่ข้าแยกร่างเงาออกมาเองแล้วร่างหนึ่ง ไม่ต้องให้วงแหวนอาคมนี้ช่วยแยกแล้ว ไม่รู้ว่าหากแยกจะเกิดอีกร่างเงาหรือไม่…’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาหลับตาลงช้าๆ สัมผัสการแยกเพื่อยืนยันความคิดตน

เวลาผ่านไปช้าๆ ไม่นานก็หนึ่งก้านธูป คนที่มองซูหมิงในสำนักเจ็ดจันทราต่าง รอคอยว่าเขาจะสำเร็จหรือไม่ พวกเขาไม่รีบร้อน เพราะการผ่านวงแหวนอาคมที่สิบต้องใช้เวลาไม่น้อย อย่างมากสุดก็หลายเดือน อย่างน้อยสุดก็หลายวัน

แต่หนึ่งก้านธูปผ่านไป ซูหมิงลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววเสียดาย

‘วงแหวนอาคมเก้าอันแรก…หรืออาจพูดได้ว่าวงแหวนอาคมที่สิบนี้มีระดับที่ต่ำไปเล็กน้อย เพราะข้าแยกเป็นร่างเงาหนึ่งร่างแล้ว เลยไม่เกิดผลอะไร แต่ว่าข้าชักสนใจ วงแหวนอาคมถัดไปมากกว่าอีก’ ดวงตาซูหมิงแวววาว เขายิ้มมุมปากพลางยก มือขวาขึ้น ครั้งนี้ไม่ได้โบก แต่กดตรงระหว่างคิ้ว ทันใดนั้นปรากฏเงามายาซูหมิงขึ้นบนเข็มทิศอื่นๆ พริบตาเดียวก็สมจริงขึ้น เข็มทิศห้าอันนี้ยังส่งเสียงดังก้องทำให้ ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทรารอบๆ ต่างตกใจกลัว

พวกเขาเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างเหลือเชื่อ เห็นว่าเข็มทิศห้าอันนั้นเกิดเสียงครึกโครม…ก่อนซ้อนทับด้วยกันในทันที

เมื่อเข็มทิศห้าอันซ้อนทับกัน ร่างเงามายาซูหมิงข้างบนก็ซ้อนทับเช่นกัน จนกระทั่งเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนจิตใจทุกคน พวกเขาเห็นว่า…

บนฟ้าเหลือเพียงเข็มทิศยักษ์หนึ่งอัน บนเข็มทิศนั้น ตรงข้ามซูหมิงปรากฏซูหมิง อีกคน!

นั่นคือร่างเงาของซูหมิง ตอนที่ยืนอยู่ตรงนั้น สี่ชั้นของสำนักเจ็ดจันทราเงียบสงัด ก่อนปะทุเป็นเสียงเกรียวกราวที่ดังสนั่นไม่แพ้เสียงครึกโครมก่อนหน้านี้

“นะ…นี่…เขาสำเร็จแล้วรึ!”

“หนึ่งก้านธูป แค่หนึ่งก้านธูป เป็นไปไม่ได้!”

“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะผ่านวงแหวนอาคมที่สิบ เรื่องนี้…แต่นี่มันเร็วเกินไป หรือว่าวงแหวนอาคมที่สิบจะง่ายสำหรับเขาจริงๆ หวังเทา หวังเทา โอรสสวรรค์ เมื่อแปดปีก่อนคนนี้ หรือว่าหลังจากเงียบมาแปดปีจะปรากฏตัวสร้างความตกตะลึงไปทั้งสำนักเจ็ดจันทรา!”

“ดูจากท่าทางเขาแล้วไม่มีทางหยุดแค่นี้แน่ หรือว่าเขาจะท้าทายศิษย์ใหญ่ผู้ดูแลแต่ละยอดเขา จะบุกวงแหวนอาคมที่สิบสาม! หากเขาผ่านวงแหวนอาคมที่สิบสี่ เขาจะมีสองร่างเงา รวมถึงชะตาเดิมของตัวเขาเองก็จะเท่ากับสำเร็จวิชาสามชะตา!”

“น่าหัวร่อ ตั้งแต่วงแหวนอาคมที่สิบเอ็ดจะปรากฏเงาแห่งการลงทัณฑ์ ร่างเงามากมายล้วนเป็นเงาของผู้ฝึกฌานที่ถูกคนของสำนักเจ็ดจันทราเราสังหารมาตลอด ไม่รู้กี่ปี หากหวังเทาโชคดีก็จะได้เจอกับเงาที่อ่อนแอ แต่หากโชคไม่ดี…เฮอะๆ…”

“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ ตั้งแต่วงแหวนอาคมที่สิบเป็นเช่นนี้จริงๆ แต่ทุกวงแหวนอาคมมีขีดจำกัด ไม่มีทางปรากฏเงาที่เหนือกว่าวงแหวนอาคมตอนนี้”

เสียงเกรียวกราวดังกึกก้อง เทียบกับความเข้าใจวงแหวนอาคมของชั้นสี่แล้ว ผู้ฝึกฌานชั้นสามไม่ถือว่าเข้าใจมากนัก แต่ก็เห็นถึงเงื่อนงำ ภายในเสียงดังอื้ออึง คืนฝนตกนี้ลิขิตไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องยากลืมเลือนเรื่องนี้ไปชั่วชีวิต

และยังมีชั้นสอง กับศิษย์ฝ่ายนอกชั้นหนึ่ง เสียงคนเหล่านี้ดังกังวาน ทำให้ สำนักเจ็ดจันทราในคืนนี้เกิดเสียงดังอื้ออึงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เยี่ยหลงก้มหน้าลงแล้ว ไม่มองซูหมิงอีก แม้แต่ความไม่ยอมในแววตาตอนนี้ยัง มัวหมองลง กลายเป็นเงียบสงัด

เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างหมดรูป

ทันทีที่ซูหมิงบุกวงแหวนอาคมที่สิบเอ็ด ร่างเงาเขา…เป็นที่สนใจของศิษย์ใหญ่ที่ดูแลแต่ละยอดเขาในสิบสามยอดเขารวมถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มีพลังเป็นรองเพียง ศิษย์ใหญ่เหล่านั้นเป็นครั้งแรก

เพียงแต่ว่าความสนใจแบบนี้ ด้วยความที่ศิษย์ใหญ่แต่ละยอดเขาบุก วงแหวนอาคมผ่านต่างกัน ระดับจึงต่างกัน ศิษย์ใหญ่แห่งสายเลือดที่หนึ่งเฟยเฟิงยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำตนเอง สีหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขายังไม่ลืมตา เหมือนว่าการบุกวงแหวนอาคมที่สิบเอ็ดของซูหมิงไม่สร้างอำนาจคุกคามรวมถึงอยู่ในระดับที่เขาต้องสนใจ

ไม่เพียงแค่เขา เฉินเถาแห่งสายเลือดที่สอง บุรุษผู้มีหน้าตามืดทะมึนเล็กน้อย ตอนนี้นั่งขัดสมาธิในถ้ำ ไม่สนใจโลกภายนอกเลย

นอกจาก…เยวี่ยเยียน ศิษย์พี่หญิงใหญ่แห่งสายเลือดที่สามที่พูดก่อนหน้านี้ ดวงตานางเหมือนแฝงไว้ด้วยน้ำใส นางยังคงสนใจซูหมิง ตอนนี้นัยน์ตาเป็นประกายรวดเร็วและดุดันทีละน้อย

“ขีดจำกัดของเขา…อยู่ที่ใด” หญิงคนนี้พูดเสียงเบา

ตอนผู้ฝึกฌานจำนวนมากกว่าเดิมของชั้นสี่เพ่งมองซูหมิง ซูหมิงยืนอยู่บนเข็มทิศนั้น เงยหน้าขึ้นมองคืนมืดข้างบนช้าๆ

“ข้าชอบคืนมืด…เช่นนั้นก่อนฟ้าสว่าง มาดูกันว่าจะผ่านกี่วงแหวนอาคม” ซูหมิงพึมพำพลางยกมือขวาขึ้นโบกไปบนฟ้า

“วงแหวนอาคมที่สิบเอ็ด!” ท่ามกลางเสียงดังก้อง ฟ้าผ่าลงมาดังสนั่น ชั้นเมฆหมุนม้วนกระจายออกไปรอบๆ เผยเป็นฟ้ายามค่ำคืนดาราใสสะอาด แสงดาวส่องสว่าง แสงดาวเหล่านั้นรวมกันเป็นร่างเงาหนึ่งบนเข็มทิศที่ซูหมิงอยู่!

“ใคร…ปลุกเงาของข้า…ข้าคือปรมาจารย์ดาราผู้ถูกผู้อาวุโสสายเลือดที่เก้า สำนักเจ็ดจันทราสมควรตายสังหารเมื่อสามพันปีก่อน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version