ตอนที่ 194 แต่งตั้งแม่ทัพเทพ
แรงกดดันมหาศาลนี้ล้ำหน้าเกินกว่าขั้นชำระล้างธรรมดาไปไกล ทว่าก็ยังไม่เสถียรมากนัก และอัดแน่นไปรอบตัวซูหมิง แม้เป็นเช่นนั้น แรงกดดันที่กระจัดกระจายก็ยังทำให้ทุกคนโดยรอบตื่นตระหนกอยู่ดี
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตพวกเขาที่ได้เห็นการข้ามผ่านขั้นชำระล้างของรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงยิ่งนัก กระทั่งอาจสะเทือนไปชั่วชีวิต
จ้าวหมานผู่เชียงตัวสั่นเทา คุกเข่าลงกับพื้น ขั้นพลังของเขาถึงชำระล้างตอนกลาง ทว่าอยู่ต่อหน้าซูหมิงกลับเกิดความยำเกรงอย่างบอกไม่ถูกในดวงวิญญาณ ทั้งยังมีแรงกดดันจากตัวซูหมิง
แรงกดดันนั้นทำให้เขาหายใจกระชั้นถี่
ขนาดเขายังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงชายรูปร่างเหมือนภูเขาเนื้อข้างกาย เวลานี้จ้าวเผ่าผู่เชียงมองซูหมิงด้วยความเคารพยำเกรงยิ่ง
เส้นเลือดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้นพลันหลอมรวมกัน ซูหมิงที่กำลังหล่นลงสู่พื้นลอยอยู่เหนือฟ้าห่างจากยอดเขาผู่เชียงสิบจั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังของตัวเองลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ!
ซูหมิง ขั้นชำระล้าง!
ทันใดนั้น เทวรูปชำระล้างสวมเกราะดำบนฟ้ามองซูหมิง สายตาเย็นชามีความอ่อนโยนที่ผู้อื่นยากจะสังเกตเห็น
“ทำลายตัวเองแต่กลับมาใหม่…ตรงกับกฎที่สองในการทะลวงขั้นชำระล้างของเทพหมานรุ่นหนึ่ง…เราประทานกระบี่แดนใต้ให้เจ้า…มารับกระบี่ได้ที่ต้าอวี๋ และแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเทพชำระล้าง!”
เสียงเทวรูปขั้นชำระล้างดังกังวาน เขามองซูหมิงอย่างลึกซึ้ง มือขวาที่ยกขึ้นพลันกดลงมาทางซูหมิง พริบตาเดียวก็เข้าประชิดตัว กระทบตรงกลางกระหม่อมของเขา
ซูหมิงไม่หลบ ยามนี้ในร่างกายเขาไม่มีเส้นเลือด ทว่ากลับมีพลังที่มากกว่าเส้นเลือดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้นหลายเท่า
นอกจากนี้แล้ว เทวรูปชำระล้างบนท้องฟ้าคล้ายมีสัมพันธ์ประหลาดบางอย่างกับเขา ยังผลให้เขารู้สึกว่าไม่เย็นชา ทว่าออกจะคุ้นเคย
ในช่วงที่เทวรูปชำระล้างกดนิ้วมือขวาตรงกลางกระหม่อมของซูหมิง ตัวเขาสั่นสะท้าน รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังพิเศษบางอย่างจากนิ้วมือของเทวรูปที่หลอมรวมเข้าสู่ตัวเขา ร่างกายของเขาจึงมีเสียงโครมครามดังขึ้นอีกครั้งขณะสั่นเทา ความรู้สึกที่แข็งแกร่งมากขึ้นทุกทีอบอวลรอบตัว
ท้ายที่สุด พลังพิเศษเฉพาะนี้กระจัดกระจายมาจากในตัวซูหมิง ปกคลุมรอบตัวเขาจนกลายเป็นกลุ่มหมอกดำ ก่อนก่อรูปขึ้นเป็นเกราะดำ!
ลักษณะของเกราะดำต่างจากของเทวรูปชำระล้างเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอ่อนกว่ามาก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยพลังมหาศาล!
เพียงแต่เกราะของซูหมิงเป็นภาพลวงมิใช่ของจริง
“มา…ต้าอวี๋…” เทวรูปชำระล้างชักมือกลับ ร่างของเขาค่อยๆ เลือนราง ก่อนเลือนหายไปกับอากาศในเวลาเพียงชั่วครู่
บนท้องฟ้าในยามนี้เหลือเพียงเมฆครามที่กำลังรวมตัวก่อสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง และผ่าลงมาได้ตลอดเวลา
‘ข้า ในที่สุดก็ถึงชำระล้าง…’ ซูหมิงลอยอยู่กลางอากาศ เกราะหมอกดำปกคลุมรอบตัว ทั้งร่างดูอัดแน่นไปด้วยความเย็นเยือกและชั่วร้าย เขายืนอยู่กลางอากาศ มองท้องฟ้าห่างไกล รสชาติของชีวิตที่บอกไม่ถูกอบอวลในจิตใจ
‘ท่านปู่ ข้าทะลวงขั้นชำระล้างแล้ว…ไป๋หลิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าถึงชำระล้างแล้ว…’ ซูหมิงเกิดความขมขื่นในใจ เดิมทีการทะลวงถึงขั้นชำระล้างเป็นเรื่องน่ายินดี ทว่าเขากลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงไม่มีความรู้สึกนั้น มีเพียงความคิดถึงภูเขาทมิฬ
แม้ว่าเขาในตอนนี้มีพลังที่กระทั่งตัวเองยังไม่แน่ชัด แม้ว่าเขาสมคำร่ำลือ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งหมายเลขหนึ่งของภูเขาหาน แม้ว่าแทบทุกคนที่เขากวาดสายตามองล้วนเป็นผู้อ่อนแอสำหรับเขา ทว่า…เขากลับไม่มีความตื่นเต้นและฮึกเหิมกับการทะลวงขั้น
เมฆครามบนท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่น กลับไม่อาจกลบเสียงดังเกรียวกราวของชาวเมืองเขาหานและสามชนเผ่า มันเหมือนกับคลื่นเสียงดังสะเทือนฟ้า
“รวมโลหิตมหาสมบูรณ์ทะลวงขั้นชำระล้าง! ได้รับกระบี่แดนใต้พร้อมยศแม่ทัพเทพชำระล้าง!”
“กระบี่แดนใต้ เหมือนข้าจะไม่เคยอ่านเจอในคัมภีร์ใดมาก่อน แต่เทวรูปชำระล้างมอบให้ จะต้องมิใช่กระบี่ธรรมดาแน่นอน!”
“นี่คือรางวัลของนักรบชำระล้างจากขั้นรวมโลหิตมหาสมบูรณ์รึ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้รับกระบี่ล้ำค่า! และยังเป็นแม่ทัพเทพชำระล้างอีก มันคืออะไร?”
“หมายเลขหนึ่งของเมืองเขาหาน…” หนานเทียนมองซูหมิงกลางอากาศพลางกล่าวพึมพำ
“แม่ทัพเทพชำระล้าง…เหตุใดเทวรูปชำระล้างที่ปรากฏให้ข้าเห็นตอนนั้นถึงไม่กล่าวเช่นนี้…” เคอจิ่วซือหัวใจเต้นแรงขึ้น นัยน์ตาฉายแววเคารพยำเกรงอย่างลึกล้ำ
เสวียนหลุนเหม่อลอย เกิดความสับสนในจิตใจ เขามองซูหมิงแล้วเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
“แม่ทัพเทพชำระล้าง…ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเทพชำระล้าง!” หานเฟยจื่อตัวสั่นเทา นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ นางเป็นส่วนน้อยที่ทราบถึงความหมายของบรรดาศักดิ์นี้ กระทั่งสาเหตุที่นางยับยั้งเส้นเลือดไว้ก็เพื่อเป็นแม่ทัพเทพชำระล้าง!
“แม่ทัพเทพชำระล้าง ต้องเป็นขั้นชำระล้างที่แท้จริงของเผ่าหมานเท่านั้นถึงจะได้รับการยอมรับ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของหมาน…ขั้นชำระล้างธรรมดาไม่อาจเทียบเคียงได้…” บนยอดเขาเหยียนฉือ หญิงชรากล่าวพึมพำ
“ไม่คิดเลยว่าเมืองเขาหานจะปรากฏแม่ทัพเทพชำระล้างขึ้น…ไม่รู้ว่าหากเขาไปต้าอวี๋จะได้รับเสื้อเกราะของแม่ทัพเทพคนใด…” ยอดเขาบูรพาสงบ จ้าวหมานคุกเข่า สีหน้าเคารพยิ่งนัก
เสียงดังเกรียวกราวได้ไม่นาน ก็มีเงาคนสองคนบินมาจากยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ นั่นคือเหยียนหลวนและหญิงชรา สีหน้าของเหยียนหลวนเคารพยิ่งนัก นางประสานมือคารวะซูหมิงพร้อมกับหญิงชรา
“เผ่าเหยียนฉือขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพเทพ ทะลวงขั้นชำระล้างสำเร็จ!”
ขณะเดียวกัน บนยอดเขาบูรพาสงบ จ้าวหมานก็บินมาเช่นกัน กระทั่งฟางเซินบนยอดเขานี้ยังกล่าวขึ้น
“เผ่าบูรพาสงบ ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพเทพชำระล้าง!”
“เผ่าผู่เชียง ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเทพ!”
หลายต่อหลายเสียงดังก้องกังวานจากทั้งเมืองภูเขาหาน เสียงแสดงความยินดีกับซูหมิงดังกระหึ่มฟ้าดิน
สามคนจากสำนักเหมันต์สวรรค์ห่างจากเมืองเขาหานหลายพันลี้ นอกจากชายชราที่มีสีหน้าขบคิดแล้ว ชายหญิงสองคนล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง มองทอดไปไกล
“ศิษย์น้องหญิงหานเฟยจื่อได้รับแต่งตั้งยศแม่ทัพเทพ!”
“เรื่องนี้ต้องรีบรายงานอาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายโดยเร็ว ศิษย์น้องหญิงจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังในเหมันต์สวรรค์อย่างแน่นอน!”
ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ ความรู้สึกนึกคิดในใจถูกระงับ เขาเงยหน้ามองเมฆครามบนท้องฟ้า รู้ดีว่านี่มิใช่เวลาที่เหมาะสม แท้จริงแล้วการชำระล้างของเขาดำเนินมาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
‘จะต้องรีบเลือกวัตถุประจำตัวมาหลอมรวมด้วย จากนั้นก็ออกไปหาที่สงบเพื่อวาดลายหมาน’ หลังจากวาดลายหมานแล้วนั่นถึงจะเรียกว่าเป็นชำระล้างอย่างสมบูรณ์ ขั้นพลังจะเสถียร มิได้กระจัดกระจายเช่นยามนี้
‘น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าสายฟ้าคืออะไร ไม่รู้ว่ามันเกิดได้อย่างไร คงยากจะกักเอาไว้ในร่างกายเป็นสมบัติประจำตัว…มีแต่ต้องเลือกโอสถชิงวิญญาณแล้วตอนนี้’ ซูหมิงนั่งขัดสมาธิกลางอากาศพลางมองเมฆครามบนท้องฟ้า แววตาเสียดาย กำลังรอเม็ดโอสถปรากฏหลังจากสายฟ้าผ่าลงมา
ทว่าทันใดนั้น ขณะเมฆครามบนท้องฟ้ากำลังรวมสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง มีแสงสายฟ้าขยับวูบวาบใต้ชั้นเมฆไม่หยุด จากนั้นถูกเหนี่ยวนำดิ่งลงมายังยอดเขาบนผืนดินที่ห่างไกลออกไป
หลังจากเห็นภาพนั้น พลันมีเสียงโครมดังในความคิดของซูหมิง เขาจ้องเมฆครามบนท้องฟ้าเขม็ง ก่อนพลันก้มหน้ามองผืนดิน มองร่างของเหอเฟิงที่เหลือไม่ถึงครึ่งกลางอากาศ
‘สายฟ้าผ่าต้นไม้ใหญ่ การหลอมโอสถชิงวิญญาณเหนี่ยวนำสายฟ้า…เมื่อสายฟ้าผ่าลงมาบนยอดเขา…ในนั้น….’ ซูหมิงเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ทว่าก็ยังไม่แน่ใจนัก เหมือนคลำเจออะไรบางอย่างเข้า
เมฆครามส่งเสียงดังสนั่น สายฟ้าจำนวนมากรวมตัวกันราวกับจะถึงขีดสุดจนระเบิดออกมา ประกายสายฟ้าเล็กๆ ที่ไหลเวียนดิ่งลงสู่แผ่นดินใหญ่จากรอบทิศ ระเบิดบนเขาสูงจำนวนมาก กระทั่งตกใส่กลุ่มคน ผู้คนต่างพากันร้องเสียงหลง หลบกันอย่างฉับไว
‘เหนี่ยวนำ…เหนี่ยวนำ…ข้าเข้าใจแล้ว!’ ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย เขาคิดออกแล้ว
‘เดิมทีสายฟ้าจะไม่ผ่าลงมา ที่มันผ่าต้นไม้มิใช่เพราะว่ามันอยากทำ บางทีอาจกล่าวได้ว่าสายฟ้าไม่มีจิตใจอยู่แล้ว มันแค่ถูกต้นไม้เหนี่ยวนำลงมาจากท้องฟ้า…ภูเขาสูงรอบทิศก็เช่นกัน เป็นพวกมันที่เหนี่ยวนำสายฟ้าลงมา…
และยังมีกลุ่มคน นั่นก็เป็นแบบเดียวกัน!
ส่วนเหอเฟิงก็ไม่ต่างออกไป ไม่ใช่ว่าสายฟ้าอยากผ่าเขา แต่ในตัวเขามีสิ่งที่เหนี่ยวนำสายฟ้าอยู่ สิ่งนี้อยู่ในภูเขาสูง อยู่ในต้นไม้ใหญ่ อยู่ในหลายๆ ที่…เช่นนั้นสิ่งนี้มันคืออะไร!’ ซูหมิงพลันมองเหอเฟิง
‘เหอเฟิงสูบพลังความตายเพื่อหลอมโอสถ หรือว่าจะเป็นพลังความตาย? ทว่าต้นไม้ใหญ่ไม่มีพลังความตาย ภูเขาสูงก็ไม่มีเหมือนกัน เช่นนั้นก็ไม่ใช่พลังความตายแต่เป็นอย่างอื่น’
‘อะไรที่เหนี่ยวนำสายฟ้า!’ ซูหมิงอยากจะเข้าใจ ทว่ากลับยิ่งสับสนมากขึ้น น่าเสียดาย ไม่มีเวลาให้เขาขบคิดมากพอ ยามซูหมิงกำลังตรึกตรองอย่างรวดเร็ว มีเสียงครืนดังสนั่นมาจากท้องฟ้า ในที่สุดเมฆครามก็รวมสายฟ้าได้เพียงพอ แสงสีครามของมันสว่างจ้าราวจะผ่าลงมา
ทว่าทันใดนั้นซูหมิงก็ตกตะลึง เขาพลันแผ่ขยายเคล็ดวิชาตราประทับ ภายใต้เคล็ดวิชาตราประทับ ร่างกายเขาสั่นสะท้าน
เมื่อสายฟ้าผ่าลง เขาเห็นรางๆ ว่ามีแสงสายฟ้าเบาบางยากจะสังเกตเห็นปรากฏบนพื้น บนภูเขาสูง และในกลุ่มคนประดุจสายน้ำหลาก ราวกับแสงสายฟ้าที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าถูกเสียงฟ้าผ่าดึงดูด พวกมันกระหายที่จะปะทะเข้าใส่กัน!
แสงสายฟ้านั้นไหลเวียนอยู่บนแผ่นดิน ถูกสูบรวมเข้าไปในตัวของเหอเฟิงระหว่างขยายปกคลุมไปทั่ว เมื่อหลั่งทะลักเข้าไปมากแล้วจึงรวมกันอยู่นอกร่างกายของเขา นอกจากจะบำรุงเม็ดโอสถในร่างกายแล้ว ยังทำให้ร่างกายของเหอเฟิงกลายเป็นจุดเก็บแสงสายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุด
เสียงร้องเรียกเบาบางเหมือนอยู่ในความฝัน คล้ายกับว่าเมื่อซูหมิงได้ยินมันก็พลันมีเสียงดังลั่นในความคิด เขา…เข้าใจแล้ว!
ขณะเดียวกัน ชั้นเมฆหดตัวเสมือนถูกแสงสายฟ้าสูบจนหมด ท้ายที่สุดบนท้องฟ้าเหลือเพียงสายฟ้าสีครามหนาราวหนึ่งจั้งกำลังตรงดิ่งลงมายังผืนดิน ฟาดลงบนร่างกายของเหอเฟิงที่กำลังร้องเรียกมันอยู่