Skip to content

สู่วิถีอสุรา 197

ตอนที่ 197 ไม่เจอกันนาน ศิษย์น้องฟาง

“พี่ใหญ่ซือหม่า!” เด็กสาวตะลึงงัน สีหน้าร้อนรน นางไม่เคยเห็นชายตรงหน้ามีสีหน้าเช่นนี้มาก่อน การแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงและลมหายใจกระชั้นถี่ ในความทรงจำของนางไม่เคยปรากฏกับซือหม่าซิ่นมาก่อน

เขาเป็นคนกิริยาวาจาสุภาพมาโดยตลอด ยิ้มมุมปากบางๆ เสมอ ราวกับต่อให้ภูเขาถล่มแผ่นดินแยกตรงหน้าก็ไม่สะทกสะท้าน นี่เป็นจุดที่ดึงดูดนางมากที่สุด นางคิดว่าชายแบบนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

ทว่ายามนี้นางเห็นซือหม่าซิ่นสีหน้าเปลี่ยน

เห็นกระแสไฟพลันปรากฏรอบตัวเขา เห็นแก้วสุราระเบิด คิดเชื่อมโยงไปถึงคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ จึงเกิดเป็นการคาดเดาในใจของนาง

ในช่วงที่แก้วสุราระเบิดปรากฏกระแสไฟรอบตัวเขา

ภายในเมืองเขาหานเกิดเหตุการณ์น่าตะลึงขึ้น สายฟ้าแลบบนท้องฟ้า ในขอบเขตหลายพันลี้รวมกันมาถึงซูมิงบนระฆังเขาหาน ยามเสียงระฆังกึกก้องบนท้องฟ้า พลันปรากฏการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามต่อจากเทวรรูปชำระล้างและเมฆคราม!

มันเป็นสัตว์ร้ายขมุกขมัวตัวหนึ่ง แม้เป็นเพียงเค้าโครงทว่ากลับมีแรงกดดันมหาศาล มันมีเก้าเศียร หกเศียรในนั้นหลับตาราวกับหลับใหล

สามเศียรที่ลืมตา ในนั้นมีสองเศียรเหมือนกับมีสายฟ้าจำนวนมากไหลเวียน ส่งเสียงดังสนั่น ภายใต้สายฟ้า ในดวงตาของสองเศียรสะท้อนเงาของชายชุดขาว ทว่าเงานั้นกลับบิดเบี้ยว

และยังมีอีกหนึ่งเศียรภายในดวงตามีเงาของซูหมิง ยามนี้กำลังมองขอบฟ้าห่างไกลด้วยความเย็นชา โดยรอบมีหมอกดำโอบล้อมดูเด่นตายิ่งนัก

“จิ่ว…” เสียงคำรามต่ำดังมาจากสามเศียรที่ยังลืมตา

“จิ่ว…อิง…” เสียงราวกับทะลุกาลเวลา ฟ้าดินสั่นสะเทือน กระทั่งสายฟ้าโดยรอบยังแตกกระจายจำนวนมาก ภาพเหตุการณ์พิลึกนี้ทำให้ทุกคนที่มองอยู่บนแผ่นดินล้วนตะลึง

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิบนระฆังเขาหาน ใช้ระฆังเพื่อต่อต้านพลังแห่งสายฟ้า นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาคิดออก ระฆังเป็นสมบัติล้ำค่า อีกทั้งในเก้าเศียรยังมีเศียรของเขาอยู่ ฉะนั้นมันเหมาะสำหรับการต้านพลังสายฟ้ามากที่สุด

ช่วงที่เขานั่งลงพลังสายฟ้าในร่างกายหลั่งไหลเข้าไปในระฆังจำนวนมาก ซูหมิงทราบดีว่าเขาทำถูกแล้ว!

แม้ใบหน้าซีดขาว ทว่าสีหน้ากลับสงบนิ่ง ในที่สุดตอนนี้เขาก็มีเวลามากพอในการหลอมสายฟ้าที่เกิดจากกระแสไฟผืนดินและอากาศสองชนิดกระทบกัน ส่วนแรงกดดันของสายฟ้าภายนอกเหล่านั้น หลั่งไหลเข้าในระฆังเขาหานจำนวนมาก และให้ระฆังเป็นตัวรับแทน

กระทั่งเวลานี้ซูหมิงยังทะเยอทะยาน!

ระฆังเขาหานเป็นสมบัติล้ำค่า ทว่าเขานำไปมิได้ ต่อให้เป็นเงาชายชุดขาวที่ครองสองเศียรก็เอาไปมิได้เช่นกัน คิดจะครอบครองมันต้องทำให้เศียรลืมตามากกว่านี้ อีกทั้งยังต้องทิ้งจิตสำนึกของตัวเองเอาไว้ด้านใน

ก่อนข้ามผ่านชำระล้าง อย่างมากสุดซูหมิงปลุกมาได้เพียงเศียรเดียว ทว่าตอนนี้เขาถึงขั้นชำระล้างแล้ว เมื่อรู้ว่าระฆังเขาหานสามารถต้านพลังสายฟ้าและให้เวลาเขามากพอ ความทะเยอทะยานจึงปรากฏ

เคล็ดวิชาตราประทับแผ่ขยายปกคลุมระฆัง เสียงระฆังกึกก้อง สามเศียรของสัตว์ร้ายแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า เปล่งเสียงคำว่าจิ่วอิง

ระฆังส่งเสียงซ้อนทับกัน ดังกังวานแผ่ขยายเป็นระลอกคลื่นหนึ่งชั้น เมืองเขาหานและยอดเขาโดยรอบสั่นสะเทือน ในเศียรทั้งหกของสัตว์ร้าย มีเศียรหนึ่งพลันลืมตาขึ้น

ในช่วงที่มันลืมตา เสียงคำรามของมันดังก้องกังวาน

“จิ่ว…อิง…หนาน…”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลังน่าตะลึง ขณะดังกึกก้อง นัยน์ตาเศียรที่สี่เปล่งประกาย ภายในดวงตาของมันพลันปรากฏเงาของซูหมิง!

เมื่อภายในเก้าเศียรมีสองเศียรถูกจิตสำนึกของซูหมิงครอบครอง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ระหว่างระฆังเขาหานกับเขามีความสัมพันธ์กันอย่างน่าประหลาด แม้กล่าวว่าเขายังใช้งานมันมิได้ก็ตาม ทว่ากลับรู้สึกเหมือนผนึกรวมกันอย่างแนบแน่น

เหมือนกับว่าเดิมทีมันเป็นสมบัติของเขา และตอนนี้มีเค้าลางส่อให้เห็นกลับมาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว

ขณะเดียวกัน อีกสองเศียรที่เหลือของสัตว์ร้ายมีน้ำเสียงเย็นชาเหมือนกับเสียงคำรามต่ำดังกึกก้องรอบทิศ

“ระฆังเขาหานเป็นของข้าซือหม่าซิ่นเพียงคนเดียว! ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าเป็นใคร!”

กล่าวจบชาวเมืองเขาหานพลันเงียบสงัด พวกหนานเทียนใบหน้าพลันขาวซีด ยอดเขาสามชนเผ่ายิ่งเงียบสงัด หานชางจื่อตัวสั่นเทา สำหรับนางแล้วเสียงนี้เหมือนกับฝันร้าย!

“ซือหม่าซิ่น!” หานชางจื่อสีหน้าเปลี่ยน กล่าวด้วยความร้อนรน

ฟางเซินตัวสั่นเทิ้มสีหน้าต่อสู้ดิ้นรน คิดว่าเขาจะไม่เข้าใจอาการบาดเจ็บของบุตรชายตัวเองจริงๆ หรือ…นี่คือความลับของเขาที่ไม่มีใครรู้

ทว่าเขาดิ้นรนเพียงชั่วครู่ก็กัดฟันแน่นราวกับฉีกออกมา สาวเท้ายาวไปทางขั้นบันไดภูเขา หานชางจื่อใบหน้าขาวซีด รีบตามหลังไปทันที

บนยอดเขาบูรพาสงบ ฟางมู่ที่กำลังมองซูหมิงด้วยความฮึกเหิมท่ามกลางความตึงเครียดพลันตัวสั่นสะท้านก่อนหมดสติลง หมอกดำจำนวนมากโอบล้อมรอบตัวในชั่วพริบตา ดุจกำลังจะครอบครองระหว่างคิ้วของเขา

ขณะเดียวกัน ผู้นำนักรบบูรพาสงบก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงเช่นกัน

มีหมอกดำแผ่ขยายทั้งตัว นอกจากนี้แล้วเรื่องแบบเดียวกันยังเกิดขึ้นกับชาวเผ่าคนอื่นบนยอดเขาเหยียนฉือและผู่เชียง พวกเขาหมดสติและชักกระตุก หมอกดำปกคลุมใบหน้า

สัตว์ร้ายบนท้องฟ้า สองเศียรถูกสายฟ้าจำนวนมากจู่โจม ก่อนจะแผดเสียงคำราม จากนั้นชาวเผ่าสองคนที่หมดสติถูกหมอกดำปกคลุมบนยอดเขาผู่เชียง เวลานี้พลันลืมตาขึ้น แววตาของพวกเขาว่างเปล่า ทว่ากลับมีความชั่วร้ายเผยออกมาอย่างชัดเจน

ขณะที่ลืมตาพวกเขาสองคนพลันยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของคนรอบข้าง พวกเขากลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปทางซูหมิงบนระฆังเขาหาน

ต่อมาคือยอดเขาบูรพาสงบ ผู้นำนักรบบูรพาสงบแหงนหน้าแผดเสียงมขึ้นฟ้า ใบหน้ามีหมอกดำแผ่กระจายปกคลุมทั้งตัว นัยน์ตาฉายแววคลุ้มคลั่ง ระเบิดกลิ่นอายพลังแข็งแกร่ง ก่อนทะยานไปเมืองเขาหาน

บนยอดเขาเหยียนฉือก็มีเงาคนหมอกดำสองเส้นกำลังห้อเหยียดไปทางเมืองเขาหานเช่นกัน เงาคนห้าสายกลายเป็นสายรุ้งยาวห้าเส้นบนท้องฟ้าตรงเข้าหาซูหมิง พวกเขารวดเร็วยิ่งนัก พริบตาเดียวก็มาถึงตัว ทั้งห้าคนดูบ้าคลั่งแววตาเหี้ยมโหด ขณะชาวเมืองเขาหานร้องออกมาด้วยความตกใจ สามชนเผ่ายังคงนิ่งเงียบ พวกเขาทั้งห้าคนเข้าใกล้ระฆังเขาหานจากสามทาง

ผู้นำนักรบเป็นคนแรกที่มาถึง ใบหน้าเขาชั่วร้าย ขณะแผดเสียงคำรามก็ยกมือขวาตบไปทางซูหมิง ด้านหลังเขาปรากฏท่อนไม้ยักษ์ มันส่งเสียงระเบิดดังสนั่นก่อนกระแทกใส่ซูหมิง

เวลาเดียวกัน ผู้นำนักรบบูรพาสงบใช้มือซ้ายตบหน้าอกตัวเอง เสื้อผ้าเขาพลันระเบิดกระจุยเผยให้เห็นลายหมานขวานศึกบนหน้าอกของเขา

ลายหมานเปล่งแสงอ่อนพลันกลายเป็นของจริง รวมตัวกันอยู่กลางอากาศแล้วสับลงใส่ซูหมิง!

อีกสี่คนก็ตามเข้ามาติดๆ พากันแสดงเคล็ดวิชาหมานหลากชนิด เกิดเป็นเสียงอึกทึกเข้าประชิดตัวซูหมิง!

ซูหมิงยังคงหลับตาไม่เคลื่อนไหว ยามนี้สายฟ้าในร่างกายเขาหลอมมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายจึงจะขาดตอนมิได้ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของคนทั้งห้า แสงดำเส้นหนึ่งวูบวาบมาจากตรงระหว่างคิ้วเขา กลายเป็นกระบี่เล็กแสงดำ ยามนี้มิใช่เวลาจะมาปกปิดกระบี่เล็กแล้ว มันโคจรรอบตัวซูหมิงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นแสงดำเหมือนเกราะคุ้มกัน

เสียงระเบิดดังกึกก้อง เมื่อซุงไม้ยักษ์กระแทกใส่แสงดำ ขวานยักษ์สับลง การโจมตีของสี่คนที่เหลือก็ตามมาติดๆ

การต่อสู้มิได้มีแค่บนแผ่นดิน เวลานี้บนท้องฟ้า สองเศียรที่มีจิตสำนึกของซูหมิงตรงเข้าใส่สองเศียรของซือหม่าซิ่น เศียรทั้งสี่เหมือนกับกำลังต่อสู้กันเอง ทั้งกระแทกและกัดฉีก

เพียงแต่ว่าเศียรของซือหม่าซิ่น นอกจากต้องรับมือกับของซูหมิงแล้ว ยังต้องรับมือกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเห็นได้ชัดเลยว่าตกเป็นรอง

นี่เป็นการต่อสู้กันอย่างน่าประหลาด เป็นการประมือกันครั้งแรกระหว่างซูหมิงกับซือหม่าซิ่น!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง ซูหมิงนั่งขัดสมาธิบนระฆังเขาหานอย่างสงบนิ่ง ใช้แสงกระบี่สีดำรับการโจมตีจากห้าคนรอบตัว ยามนี้เขาไม่คิดจะใช้กระบี่ในการสังหาร เพียงแค่ป้องกันเท่านั้น

สิ่งที่เขาต้องการคือเวลา สายฟ้าในร่างกายเขาถูกหลอมไปมากกว่าครึ่ง อีกไม่นานเมื่อเขาหลอมสำเร็จ สมบัติขั้นชำระล้างของเขาจะปรากฏ!

มันคือสมบัติประจำตัว สายฟ้าจากธรรมชาติ!

บนยอดเขาบูรพาสงบ ฟางเซินมีสีหน้าร้อนรน สาวเท้ายาวไปทางบุตรชายอย่างรวดเร็ว ด้านหลังเขาเป็นหานชางจื่อตามมาติดๆ ยามที่ทั้งห้าคนโจมตีใส่แสงดำรอบตัวซูหมิง ฟางเซินและหานชางจื่อมาถึงส่วนกลางยอดเขา ตรงนั้นมีชาวเผ่าจำนวนมากกำลังมองฟางมู่ที่นอนตัวสั่นบนพื้นด้วยความกังวล

ใบหน้าฟางมู่เป็นสีม่วง มีแค่ตรงระหว่างคิ้วที่ยังเป็นสีขาว ฟางเซินก้าวเข้ามา ทว่าช่วงที่เข้าใกล้กลับพลันชะงัก เสียงหัวใจเต้นตึกๆ ไอหนาวพลันแผ่ขยายมาจากตัวฟางมู่

หานชางจื่อสีหน้าเปลี่ยน หลังจากหยุดชะงักก็ถอยหลังไปหลายก้าว ฟางมู่ที่หลับตามาโดยตลอด ยามนี้พลันสงบนิ่ง ค่อยๆ ลืมตาขึ้น นัยน์ตาเขาไม่มีความบ้าคลั่งแต่เป็นสงบ

แววตาสงบนิ่งทำให้คนที่มองล้วนเกิดความหนาวจากก้นบึ้งหัวใจ เหมือนกับอยู่ในแดนหิมะ

“ไม่เจอกันนาน ศิษย์น้องฟาง” น้ำเสียงไม่คุ้นหูดังมาจากปากของฟางมู่

เขายืนขึ้นมองหานชางจื่อ เผยรอยยิ้มอ่อนโยน สีม่วงบนผิวหนังค่อยๆ หายไป กลายเป็นเสื้อคลุมยาวสีม่วงปกคลุมตัวเขา

หานชางจื่อตัวสั่นเทา ใบหน้าไร้เลือดฝาด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version