Skip to content

สู่วิถีอสุรา 22

ตอนที่ 22 แรกพบประสบเจอ

ซูหมิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสีหน้าเหลยเฉินดูไม่เป็นธรรมชาติ คลับคล้ายหวาดกลัวมาก อีกทั้งยังแฝงด้วยความจำใจ ซูหมิงจึงหันไปมองตามเสียงดังกล่าวเงียบๆ

เพียงมอง ซูหมิงต้องตกตะลึง!

เป็นสตรีนางหนึ่งสวมเสื้อตัวเล็กทำขึ้นจากหนังสัตว์และขนเตียว (มิงค์) รูปร่างสูงและผอม กระทั่งยังดูบอบบางกว่าซูหมิงเล็กน้อย ขับให้ความงามของนางเด่นชัดขึ้น นางไม่ได้มีผิวหนังหยาบกร้านเฉกเช่นคนเผ่าหมาน ทว่ากลับมีสีผิวค่อนข้างขาวผ่อง เผยความงามที่แม้นผู้คนได้เห็นต้องใจสั่น

นางมีผมสีดำขลับ ใช้เชือกฟางมัดไว้อย่างง่ายๆ ขนาบข้างหูเป็นเปียสองปอย ส่วนที่ปล่อยไว้ด้านหลังปลิวไสวเล็กน้อยยามลมพัดผ่าน ยิ่งเพิ่มความงดงามมากขึ้นอีก

ดวงตาทั้งสองข้างดุจน้ำใส แฝงความเฉียบขาดดุดัน ในนั้นราวกับมีแสงเย็นเยือกซ่อนอยู่ บนหน้าผากประดับเม็ดผลึกแวววาว ยามกระทบกับหิมะบนพื้นพลันสะท้อนแสงจ้าลานตา โดยเฉพาะฟันเขี้ยวขาวสะอาดทั้งสองข้างที่พอเห็นได้ยามระบายอารมณ์โกรธ ความรู้สึกดื้อรั้นแอบซ่อนอยู่ในกายนาง

นางไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นนักรบหมานเช่นเดียวกับซูหมิง เพียงแต่โลหิตในกายกระจัดกระจาย คล้ายว่าทะลวงถึงเพียงลำดับสามขั้นรวมโลหิตเท่านั้น

ด้านหลังของนางยังมีชายเผ่าหมานร่างกำยำอีกสามคน รูปร่างประดุจเนินเขา มองซูหมิงและเหลยเฉินด้วยสายตาเย็นชา พลังโลหิตที่แผ่ออกมาจากพวกเขาด้อยกว่าเป่ยหลิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

บนตัวชายร่างกำยำทั้งสามคนมีสัญลักษณ์บางอย่าง มองดูแล้วคลับคล้ายตะขาบ ซูหมิงละสายตาเฝ้ามองที่แทบจับสังเกตไม่เห็นถึงเพียงเท่านี้

“เหลยเฉิน เจ้ากล้ามาก!” นางจ้องเหลยเฉิน กัดฟันกล่าวด้วยความโมโห

เหลยเฉินถูจมูก เผยสีหน้าซื่อๆ ที่ใช้เป็นประจำ ก่อนยิ้มแหยๆ

“ครั้งก่อนเจ้าเอาสมุนไพรเน่าๆ ย้อมแมวมาหลอกข้า ทั้งยังขายมันถึงสามเหรียญหิน!” นางยืนอยู่เบื้องหน้าเหลยเฉิน โกรธจนควันออกหู

“เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้ เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคือสมุนไพรอะไร เลยวางส่งเดชเอาไว้อย่างนั้น มีแต่เจ้าที่อยากจะซื้อมันไปเอง….” เหลยเฉินกล่าวด้วยความคับอกคับใจ

“หึ คืนเหรียญหินมา!” นางถลึงตามองเหลยเฉิน กระทั่งยังถลึงตาใส่ซูหมิง เพียงแต่ด้วยรูปร่างผอมบางของเขา นางจึงมองไม่กี่ครั้ง ก่อนจะไม่สนใจเขาอีก

“แต่ข้า….” เหลยเฉินยิ้มแห้ง ขณะกำลังจะเอ่ย กลับเห็นแสงเย็นเยือกขยับในดวงตาของนาง แววตาชายร่างกำยำทั้งสามพลันดุดัน เหลยเฉินจึงต้องกลืนคำพูดนั้นลงไป ก่อนลอบโอดครวญกับตัวเอง

“เหลยเฉิน นางเป็นคนจากเผ่ามังกรทมิฬที่เจ้ากับท่านปู่เคยว่าถึงน่ะหรือ?” ขณะนั้นเอง ซูหมิงกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย

เหลยเฉินพลันมีสีหน้าตกตะลึงไปชั่วครู่ ทว่าก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างรวดเร็ว เขาทราบดีว่าซูหมิงเป็นคนใจเย็น ทว่ายามนี้กลับพลันกล่าวขึ้น นั่นแสดงว่าซูหมิงจะช่วยตนเกี่ยวกับเรื่องนี้

อีกทั้งเขายังรู้ใจซูหมิง เมื่อได้ยินคำพูดประโยคพิลึกเช่นนี้ ในใจพลันสั่นไหว รีบถอยหลังไปหลายก้าว ยืนอยู่หลังซูหมิง ก่อนแสดงท่าทางให้เขาเป็นคนรับหน้าแทน

“เรียนเซ่าหมาน เป็นนางคนนี้!” เหลยเฉินกล่าวขึ้นเสียงเบาด้วยสีหน้าเคารพยำเกรง

การกระทำและคำกล่าวของเหลยเฉินทำให้นางหันมาสนใจซูหมิง เผยสีหน้าประหลาดใจ เซ่าหมานคำเรียกขานนี้

ส่วนใหญ่จะเป็นคำเรียกแทนผู้ถูกเลือกให้เป็นจ้าวแห่งหมานในอนาคต นางพิจารณามองซูหมิงหลายรอบ รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีลักษณะเหมือนกับชาวหมานธรรมดา ฉะนั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้ายังคงโอหัง

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นเซ่าหมานหรือไม่ คืนเหรียญหินข้ามา!”

“ได้! ข้าจะคืนให้เจ้า แต่ที่ข้าตามเหลยเฉินมาในวันนี้ก็เพื่อมาหาเจ้า!”

สีหน้าซูหมิงเรียบเฉย ใช้มือขวาล้วงเหรียญจากอกเสื้อมาสามเหรียญ

“เอาสมุนไพรที่เจ้าซื้อจากเหลยเฉินมาให้ข้า!” ซูหมิงมองนางพลางกล่าวขึ้นช้าๆ

นางตะลึงไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เหรียญหินคืนมาง่ายดายเช่นนี้ ในใจอดนึกแปลกมิได้ จึงกวาดสายตามองซูหมิงและเหลยเฉิน

“มันคือสมุนไพรอะไร?” นางลังเลครู่หนึ่ง ยังไม่รับเหรียญหินจากซูหมิง แต่กลับถามลองเชิง

“มันคือ…..” เหลยเฉินกำลังจะกล่าว ทว่าถูกเสียงตะคอกตัดบท

“หุบปาก!” ซูหมิงถลึงตามองเหลยเฉิน ทำให้เขาตัวสั่น รีบก้มลงหน้าด้วยความหวาดกลัวและยำเกรง

เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นางกะพริบตาปริบๆ ยิ่งเกิดความฉงน นางลังเลพักหนึ่งก่อนหยิบสมุนไพรสีม่วงออกมาจากอกเสื้อ สมุนไพรต้นนี้ดูธรรมดามาก มีสีม่วงทั้งลำต้น ลักษณะดูน่ากลัวเล็กน้อย

นางยื่นมันให้ซูหมิงทันที ทว่าดวงตาทั้งสองกลับจ้องใบหน้าเขา ยามที่นางเห็นประกายจากแววตาของเขา ดูคล้ายอดรนทนไม่ไหว อยากคว้าเอาสมุนไพรไป นางพลันหัวเราะราวกับเสียงระฆังเงิน รีบดึงมือกลับทันที

“เจ้าจะทำอะไร! มันเป็นสมุนไพรของข้า ข้าซื้อมันแล้ว! นี่เจ้าคิดจะแย่งสมุนไพรของข้าหรือ?” นางย่นจมูกแค่นเสียง

“แม่นางผู้นี้ เหรียญหินเจ้ายังอยากได้อยู่หรือไม่?” ซูหมิงตะลึงไป ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม

“ทำไมจะไม่อยาก แต่ข้าคิดดูแล้ว หากเจ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเป็นเซ่าหมานแห่งเผ่าเขาทมิฬจริงๆ ข้าจะคืนสมุนไพรให้เจ้า” แววตานางเจ้าเล่ห์ สีหน้าเช่นนี้ขับให้ความรู้สึกดิบเถื่อนจากกายนางเด่นชัดขึ้นอีก

แม้แต่ซูหมิงยังหัวใจเต้นโครมคราม ทว่าสีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปไม่มาก

ซูหมิงเงียบอยู่เพียงชั่วครู่ มองสตรีเบื้องหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อมือซ้ายยกขึ้นพลันสัมผัสได้ถึงพลังโลหิตลำดับสองแผ่ขยายออกมาจากมือขวาของเขา

“เท่านี้เพียงพอหรือยัง!”

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันยังผลให้สตรีเบื้องหน้าหรี่ตาลง กระทั่งชายร่างกำยำทั้งสามข้างหลังยังแสดงสีหน้าเคร่งขรึมในทันที

สีหน้าของพวกเขาเช่นนี้เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะซูหมิงเบื้องหน้าพวกเขาดูอย่างไรก็เป็นเพียงชาวเผ่าธรรมดา สัมผัสพลังจากโลหิตไม่ได้แม้แต่น้อย ทว่ายามนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จึงทำให้พวกเขาเกิดความฉงนไม่แน่ใจ

“คุณหนู ในตัวชายคนนี้น่าจะมีนักรบหมานที่แข็งแกร่งลงอาคมหมานเอาไว้ เพื่อปกปิดร่อยรอยการโคจรโลหิต อีกทั้งยังเป็นนักรบหมานที่แข็งแกร่งกว่าพวกเราทั้งสามคน มิเช่นนั้นพวกเราต้องสัมผัสได้แล้ว”

“ไม่ผิด เมื่อครู่ข้ามองอยู่นาน แต่สัมผัสไม่ได้แม้แต่น้อย ดูท่าคนที่ทำได้ถึงเพียงนี้คงมีแต่จ้าวหมานแห่งเผ่าเขาทมิฬ….” ชายร่างกำยำทั้งสามกระซิบข้างเด็กสาว

นัยน์ตานางเป็นประกาย ก้มหน้ามองสมุนไพรในมือของตน ก่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สมุนไพรต้นนี้นางแลกมาได้สักระยะแล้ว ตอนนั้นเหลยเฉินกล่าวอ้างว่ากว่าจะได้มาช่างยากเย็นนัก นางเลยคิดว่าเป็นของหายาก ตั้งใจจะไปถามท่านปู่ ทว่าในวันพรุ่งสีม่วงของมันกลับหลุดติดมือนาง เห็นได้ชัดว่าเป็นของย้อมแมว

นี่ทำให้นางค่อนข้างฉุนเฉียว ยากจะเย็นลงได้ จึงนำสมุนไพรกลับมาที่นี่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อตามหาเจ้าบ้าสมควรตายอย่างเหลยเฉิน

ขณะลังเล ซูหมิงจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนเล็กน้อย

“พิสูจน์ก็พิสูจน์ไปแล้ว เจ้าอย่าคืนคำ เหรียญหินสามเหรียญ…ช่างเถอะ ข้าให้เจ้าห้าเหรียญเลย!” ซูหมิงกัดฟันหยิบเหรียญหินออกมาอีกสองเหรียญ ส่งให้กับเด็กสาว

“ห้าเหรียญหิน แลกกับสมุนไพร!”

เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ แอบคิดว่าชายคนนี้เพียงกล่าวขึ้นก็บอกว่านางเป็นคนจากเผ่ามังกรทมิฬ เห็นได้ชัดว่าเหลยเฉินเป็นคนบอก อีกทั้งเขายังยกตนเป็นผู้ถูกเลือกจ้าวหมานแห่งเผ่าเขาทมิฬ….

“น่าจะใช่ของจริง สิ่งนี้เป็นของล้ำค่า!” เด็กสาวแสดงสีหน้าลำพองใจ ใบหน้างามส่ายศีรษะ

“ทำไม ทำไม ข้ากลับคำแล้วจะทำไม นี่มันของข้า ถ้าอยากได้ก็เอาเหรียญหินสามสิบเหรียญมาแลก!” เด็กสาวเอ่ย ยิ่งเห็นสีหน้าขมขื่นของซูหมิงและใบหน้าอับแสงจากเหลยเฉิน นางยิ่งอวดดี หมุนตัวกลับแค่นเสียงหึ แล้วรีบเดินจากไปทันที

ชายร่างกำยำทั้งสามตามประกบหลัง ก่อนค่อยๆ เดินหายเข้าไปในตลาด

จนกระทั่งคนทั้งสี่เดินลับไป ใบหน้ามืดมนของเหลยเฉินพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มซื่อๆ มองมาที่ซูหมิง พลางถูจมูก

“ซูหมิง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางเป็นคนจากเผ่ามังกรทมิฬ?”

“ที่แท้เจ้าก็แลกมาสามเหรียญหิน อยู่ไหนอีกหนึ่งเหรียญ ส่งมา!” ซูหมิงกวาดสายตามองเหลยเฉิน นำเหรียญหินในมือเก็บในอกเสื้อ พลางกล่าวอย่างเชื่องช้า

“อย่า อันนั้น…ข้าใช้ซื้อของไปเมื่อครั้งก่อนแล้ว…อ่า ข้ามีธุระด้วย เช่นนี้แล้วกัน พวกเราแยกกันก่อน แล้วพลบค่ำเจ้ามารอข้าตรงนี้ จากนั้นค่อยกลับเผ่าพร้อมกัน”

เหลยเฉินหนังตากระตุก รีบกล่าวอย่างร้อนรน ไม่ทันให้ซูหมิงตอบรับ ก็รีบวิ่งเข้าไปในตลาดที่ค่อนข้างคึกคักแล้วหายไปทันที

มองดูเหลยเฉินจากไปอย่างร้อนรนราวกับหนีอะไรบางอย่าง ซูหมิงส่ายศีรษะ หากไม่ใช่ว่าเขายากจนข้นแค้นจริงๆ เขาคงไม่แสดงพลังโลหิตให้ผู้อื่นได้เห็น เคล็ดวิชาหมานของท่านปู่แข็งแกร่งยิ่งนัก หากซูหมิงไม่ยอมเปิดเผย ผู้อื่นยากจะมองเห็นได้

หากเขาไม่ทำเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เหรียญหินทั้งสองเหรียญที่ได้จากเหลยเฉินจะถูกยึดไป ตนเองยังต้องเสียเพิ่มอีกหนึ่งเหรียญ

“เฮ้อ ดูแล้วคงต้องใช้วิธีนั้นจริงๆ….” ซูหมิงเกาศีรษะ เดินเข้าไปในตลาดด้วยความลำบากใจ

ตลาดแห่งนี้คึกคักยิ่งนัก แต่ละกระโจมที่มุงหลังคาด้วยใบไม้ล้วนมีพ่อค้าแม่ค้าแลกเปลี่ยนซื้อขาย กระทั่งบนพื้นหิมะด้านนอกยังมีสิ่งของและสมุนไพรวางเป็นแผงบนผืนหนังสัตว์ ส่วนคนขายก็นั่งรออยู่ด้านข้างคอยรับลูกค้า

ซูหมิงมาที่นี่เป็นครั้งแรก ย่อมแปลกใหม่ไปหมดทุกอย่าง เขาเดินไปมาอยู่ในตลาด ได้เห็นสิ่งของที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนมากมาย มีทั้งกระดูกสัตว์ป่าและสมุนไพรพิลึกหลากชนิด กระทั่งน้ำสมุนไพรกลั่นยังมีขาย

“น้ำลายมังกรทมิฬก็มีขายด้วย หนึ่งขวดเล็กหนึ่งเหรียญหิน!” ซูหมิงชะงักฝีเท้า มองน้ำลายมังกรทมิฬที่วางอยู่บนผืนหนังสัตว์ตรงพื้น กะพริบตาปริบๆ

“ตั้งแต่เล็กจนโต….ข้าดื่มน้ำลายมังกรทมิฬไปเท่าไรแล้ว….ทั้งหมดมันกี่เหรียญหินกัน! เสี่ยวหงยังดื่มไปไม่น้อยอีก…” ซูหมิงพึมพำและกำลังจะเดินต่อ ทว่าสายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งบนผืนหนังสัตว์ที่อยู่ไม่ไกลนัก

“นี่มัน….” ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก เดินเข้าไปแล้วมองเจ้าของแผงแห่งนี้ เขาเป็นชายชราอายุราวห้าสิบปีเศษ สวมเสื้อหนังสัตว์หลวมๆ นั่งขัดสมาธิบนพื้นหิมะ แน่นิ่งไม่ไหวติง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version