Skip to content

สู่วิถีอสุรา 237

ตอนที่ 237 ความคล้ายที่เหมือนกัน

บนท้องฟ้า ซูหมิงกับซือหม่าซิ่นสองคน หนึ่งมีหมอกดำโอบล้อมสร้างเป็นเกราะหมอกดำ ดูแล้วให้ความรู้สึกทะมึนทึบ

ส่วนซือหม่าซิ่นมีแสงเจ็ดสีโอบล้อมทั้งตัว เกราะน้ำแข็งดูเต็มไปด้วยแสงสว่าง มีประกายระยิบระยับ ทำให้ยากจะมองตรงๆ

พลังสองอย่างที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เกราะที่ต่างกันอย่างสุดขั้วสองชนิด และสองคน…ที่ต่างกัน!

“เจ้าไม่ใช่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก!” ซูหมิงกล่าวช้าๆ ช่วงที่กล่าวเขาพุ่งตัวไปด้านหน้า

ซือหม่าซิ่นมีสีหน้าบึ้งตึง แค่นเสียงหึพร้อมกับเดินหน้า ทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง เสียงระเบิดดังกึกก้อง การต่อสู้ที่ดุเดือดครั้งนี้ทำให้ผู้ชมโดยรอบเหมือนลมหายใจจะแข็งค้าง

ซือหม่าซิ่นรู้สึกว่ายิ่งสู้ยิ่งตกตะลึง ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าภายในระยะเวลาไม่นานซูหมิงกลับแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ นี่มิใช่คนที่เขาเพียงยืมร่างเมล็ดพันธุ์หมานก็บีบให้ถอยได้ในตอนนั้น

ความเร็วในการเติบโตเช่นนี้ มีคุณสมบัติครบถ้วนที่เขาซือหม่าซิ่นต้องให้ความสนใจ!

‘บุคคลนี้เติบโตเร็วเกินไป จะปล่อยให้รอดไปมิได้…’ ซือหม่าซิ่นถอยหลังหลายก้าว ยกมือขวาคว้าอากาศ พลันปรากฏหอกน้ำแข็งในมือ ก่อนตรงเข้าใส่ซูหมิง

ขณะเดียวกัน ซือหม่าซิ่นสะบัดมือซ้ายไปด้านหน้า ขวดกลมหนึ่งขวดปรากฏขึ้น ยามดีดนิ้ว ภายในขวดมีเสียงร้องคำรามดังแว่ว พบว่ามีเงาหมาป่าสีขาวตัวหนึ่งพุ่งมาจากขวดในฉับพลัน มันโต้ลมและขยายใหญ่ขึ้น พริบตาเดียวก็ใหญ่หลายจั้ง ร่างประหนึ่งหิมะ อ้าปากแยกเขี้ยว แผดเสียงคำรามใส่ซูหมิง

เสียงคำรามของมันเป็นการโจมตี เมื่อกระทบตัวซูหมิง กลับทำให้ความคิดขาวโพลนราวกับถูกสั่นสะเทือน ทว่ามันก็แค่ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น พลังจากการหลอมปราณในร่างกายโคจรขึ้นเอง ก็ทำให้เขาได้สติกลับมา

ซูหมิงได้สติเร็วยิ่งนัก ทำให้ซือหม่าซิ่นขมวดคิ้ว ถือหอกยาวเข้าปะทะกับซูหมิง ขณะเดียวกันหมาป่าน้ำแข็งก็กระโจนเข้าไป

“เหอเฟิง!” ซูหมิงถอยหลังหลายก้าว ตรงหน้าอกเขามีหมอกดำกระจายออกมา กลายเป็นร่างของเหอเฟิง เหอเฟิงมีสีหน้าขมขื่น แต่กลับต้องลงมืออย่างเสียไม่ได้ ยามนี้ปรากฏตัวแล้วจึงตรงเข้าใส่วิญญาณหมาป่าน้ำแข็ง ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นกายวิญญาณ แม้การต่อสู้ไร้เสียง ทว่าดุเดือดยิ่งนัก

ยิ่งไปกว่านั้น ตรากระบี่ตรงระหว่างคิ้วซูหมิงขยับแสงวิบวับ กระบี่เล็กสีดำลากยาวออกมา บินวนรอบตัวซูหมิง ก่อนเคลื่อนตัวเข้าใส่หอกยาวของซือหม่าซิ่นตามจิตของเขา เกิดเป็นเสียงโครมครามดังไปทั่ว

ระหว่างที่เขากำลังประมือกับซือหม่าซิ่น นอกจากผู้ชมโดยรอบแล้ว ยังเป็นที่สนใจของผู้แข็งแกร่งบางส่วนทั้งเก้ายอดเขาของแผ่นดินเหมันต์ กระทั่งผู้อาวุโสบางคนยังมองไป

บนยอดเขาลำดับเก้า ศิษย์พี่สองกำลังนั่งยอง ดูแลพืชดอกอยู่ตรงนั้น บางครั้งก็เงยหน้ามองไปทางเสียงอึกทึกนอกภูเขาพลางส่ายศีรษะ

‘น้องสามเข้าฝันล้มเหลวครั้งที่เท่าไรแล้ว…..เฮ้อ คึกคะนองจะเข้าฝันเพื่อต่อสู้อย่างสุดชีวิต แบบนี้ไม่ดี’

ตรงปลายสุดยอดเขา เทียนเสียจื่อกำลังนั่งฌานอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มลำพองใจ พลางมองไปทางเสียงอึกทึกนอกภูเขาไกลๆ

“ไม่เลว ไม่เลว ทุบตีมันให้หนัก”

บนยอดเขาอื่นๆ ต่างมีเงาร่างคนกำลังมองการต่อสู้ที่พบเห็นไม่บ่อยในแผ่นดินเหมันต์ของสำนักเหมันต์สวรรค์ อาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายของยอดเขาลำดับสี่เป็นชายชราสวมเสื้อคลุมม่วง ยามนี้ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเริ่มจริงจังทีละน้อย

‘กระบี่แสงดำ…นี่มันสมบัติของหานคง…เหตุใดถึงไปอยู่ในมือเขา!’ เขาขมวดคิ้ว พอมองยอดเขาลำดับเก้าแวบหนึ่งแล้วกลับส่ายศีรษะ ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้อีก

นอกจากเขาแล้ว ผู้อาวุโสของยอดเขาอื่นๆ ก็ทยอยกันเผยตัว และเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้

บนยอดเขาลำดับเจ็ด ตรงกลางภูเขา ยามนี้มีสตรีสวมชุดแดงกำลังนั่งฌานสมาธิอยู่บนหินใหญ่ที่นูนขึ้นมา นางมีเส้นผมดำประบ่า ปลิวไสวท่ามกลางสายลม เผยให้เห็นผิวขาวดุจหิมะเป็นบางครั้ง

นางมีสีหน้าอ่อนโยน มองร่างคนกำลังต่อสู้กันอยู่นอกภูเขาไกลๆ และสายตานางมักจะมองซูหมิงเป็นส่วนใหญ่

“แม่ทัพเทพชำระล้าง ลายหมานเช่นนี้…เขาชื่ออะไร”

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ เขาชื่อซูหมิง เป็นศิษย์ยอดเขาลำดับเก้า” ด้านหลังนางมีเด็กสาวยืนอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นรีบกล่าว

การต่อสู้ที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนครั้งนี้ ยามนี้ยังไม่ถึงระดับที่ดุเดือดที่สุด กระบี่แสงดำข้างกายซูหมิงขยับแสงวิบวับ พุ่งเข้าปะทะกับหอกยาวที่กำลังตรงเข้ามา เสียงอึกทึกกึกก้องยังไม่จางหาย เสียงปะทะที่สองก็แผ่กระจายรอบแปดทิศ

ทั้งยังมีประกายสายฟ้าไหลเวียนรอบตัวซูหมิง กลายเป็นสายฟ้าเส้นโค้งผืนใหญ่ตรงเข้าใส่ซือหม่าซิ่น กระทั่งบนท้องฟ้ายังมีเสียงฟ้าร้องเปรี้ยงปร้าง ดูท่าเหมือนกำลังจะผ่าลงมา

ทว่าซือหม่าซิ่นเป็นโอรสแห่งสวรรค์ของสำนัก แม้ขั้นพลังยังไม่ถึงเซ่นไหว้กระดูกอย่างที่ซูหมิงมองออก ก็ครอบครองของวิเศษและวิชาอภินิหารมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นเงาหมาป่าขาวหรือหอกน้ำแข็งในมือล้วนมิใช่ของธรรมดา บวกกับหิมะน้ำแข็งเหลือคณานับที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเขา ขณะที่ต่อต้านสายฟ้าของซูหมิง หอกยาวก็ปะทะกับกระบี่ดำ ส่วนหมาป่าขาวต่อสู้กับเหอเฟิง ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ แม้บอกว่ายังไม่ดุเดือดถึงที่สุด ทว่าก็ใกล้เคียงเต็มที

นี่คือการต่อสู้ที่ยากจะตัดสินชัยชนะในเวลาอันสั้น หากเทียบกันแล้ว ขั้นพลังของซูหมิงกับซือหม่าซิ่นยังนับว่าอยู่ในขั้นเดียวกัน แต่ระดับชั้นต่ำกว่าเล็กน้อย

แต่ถึงกระนั้น ซูหมิงก็เป็นนักรบขั้นชำระล้างจากเส้นเลือดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้น ทั้งยังเข้าใจวิธีทำจิตใจสงบ ครั้นรวมกับของวิเศษและอภินิหารประจำตัวแล้ว กลับมีพลังเพียงพอจะต่อสู้กับทุกคนที่ขั้นพลังต่ำกว่าเซ่นไหว้กระดูก

ยามกระบี่แสงดำกับหอกน้ำแข็งและสายฟ้ากับหิมะเข้าปะทะกันอีกครั้งจนเกิดเสียงระเบิด ซูหมิงพลันกระเด็นถอยหลังหลายก้าว สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ขณะถอยเขายกมือขวากดตรงหน้าอก ช่วงที่ยกมือขึ้น ในมือปรากฏเม็ดโอสถลักษณะกลมหนึ่งเม็ด

ภายในเม็ดโอสถนั้นเหมือนถูกผนึกไว้ มีดอกไม้น้ำแข็งอยู่ ดูแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด มันปล่อยไอหนาวเยือก ทั้งยังมีแสงทึบแผ่กระจาย

สิ่งนี้ก็คือโอสถชิงวิญญาณ

หลังจากหลอมโอสถเม็ดนี้เสร็จก็เคยใช้เพียงครั้งเดียว นั่นคือใช้รักษาฟางมู่ ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาหยิบออกมาต่อสู้ โอสถชิงวิญญาณพลันบินวนรอบตัว ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงเข้าใส่ซือหม่าซิ่นตามคำสั่งนิ้วของเขา

ช่วงที่ซูหมิงหยิบโอสถชิงวิญญาณออกมา ซือหม่าซิ่นเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง ทั้งยังเคร่งขรึมมากขึ้น จ้องเม็ดโอสถในมือซูหมิงพลางถอยหลังหลายก้าว นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ

ขณะเดียวกัน เขาพลันอ้าปาก พ่นหนอนตัวเล็กสีดำตัวหนึ่งออกมา หนอนตัวนี้มีรูปทรงยาวเหมือนกับไม้พลอง ขนาดเล็กเท่านิ้วมือ หากไม่ใช่ว่ามันกำลังเลื้อยคงยากจะมองออกว่าเป็นหนอน

หนอนเล็กลอยออกมา รูปร่างพลันขยายใหญ่ขึ้น บนตัวเหมือนไม้พลองของมันมีปีกบางงอกออกมาสี่ปีก ตรงศีรษะขับแสงสีเขียว ดูน่าตื่นตะลึงเล็กน้อย

หนอนตัวนี้เพิ่งออกมา ก็พลันมีความรู้สึกชั่วร้ายปะทุมาจากในตัวมัน ทั้งยังมีเสียงแหลมดุจจะทะลวงสมองดังกึกก้องทันใด

หนอนตัวนั้นกลายเป็นแสงสีเขียว มันมิได้พุ่งเข้าใส่โอสถชิงวิญญาณที่กำลังตรงเข้ามา แต่พุ่งตัดสลับกับเม็ดโอสถ ตรงเข้าใส่ซูหมิงแทน

นอกจากภูเขาเจ็ดสีแล้ว หนอนตัวนี้เป็นของล้ำค่ามากที่สุดของซือหม่าซิ่น กระทั่งเขาเพิ่งได้มันมาไม่นาน จึงเป็นเรื่องยากกว่าเขาจะเชื่อมต่อจิตใจกับมันสำเร็จ

เขาเคยทดลองใช้หนอนตัวนี้หลายครั้ง พูดได้ว่าเขาซือหม่าซิ่นไม่เคยเห็นสิ่งใดที่มันทะลวงไม่ผ่าน เขาลองมาหลายครา และทุกครั้งล้วนเป็นเช่นนั้น!

หากไม่ใช่เพราะซูหมิงมีเกราะแม่ทัพเทพ อิทธิฤทธิ์ทุกอย่างทำให้ซูหมิงบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว เขาซือหม่าซิ่นเองก็ไม่อยากใช้หนอนแมลงตัวนี้ ยามนี้เขาไม่สนสิ่งใด เข้าเผชิญหน้ากับวัตถุประหลาดที่ผนึกเมล็ดพันธุ์หมานในตัวฟางมู่ของเขาเอาไว้ หากเขาอยากสังหารซูหมิง อย่างน้อยก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสและพิการ ขั้นพลังถดถอย

เมื่อเป็นเช่นนั้น รอจนเขาซือหม่าซิ่นออกมาจากอุโมงค์เหมันต์สวรรค์ได้สำเร็จและเข้าฝ่ายนภาเมื่อไร ไม่ว่าซูหมิงตรงหน้าจะฝึกฝนเร็วขนาดไหน ก็จะไม่มีอำนาจคุกคามต่อเขาอีก

โอสถชิงวิญญาณกับหนอนพุ่งตัดสลับกัน วินาทีที่โอสถชิงวิญญาณตรงเข้ามา

ซือหม่าซิ่นกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตก่อนเดินหน้า ทั้งร่างกลายเป็นเงาโลหิตหลอมรวมกับเลือดสดที่พ่นออกมา เหมือนกับว่าความจริงกลายเป็นภาพมายา จากนั้นจึงเคลื่อนตัวออกด้านนอกเพื่อหลบพลังของโอสถชิงวิญญาณ

ทว่าขณะกำลังจะหลบ โอสถชิงวิญญาณพลันหยุดชะงักกลางอากาศ แรงดึงดูดมหาศาลพลันแผ่ขยายมาจากเม็ดโอสถ ทำให้ซือหม่าซิ่นตกตะลึง แรงดูดนี้ตรงเข้ามาปกคลุมหมอกโลหิตรอบทิศ และดูดหมอกโลหิตเข้าไปอย่างชัดเจน

หมอกนั้นต่อสู้ดิ้นรนไม่หยุด ภายในเผยเป็นใบหน้าซือหม่าซิ่น

เขามีสีหน้าตกตะลึงยิ่งนัก ก่อนกัดฟันเร่งแบ่งหมอกมายาโลหิตออกเป็นสองส่วน หนึ่งในนั้นถูกโอสถชิงวิญญาณดูดเข้าไป อีกส่วนก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว คืนร่างเป็นซือหม่าซิ่นอยู่ไกลๆ สีหน้าเขาซีดขาว สูดลมหายใจด้วยความตระหนก

“นี่มันสมบัติอะไร!”

เวลาเดียวกัน ซูหมิงก็ทึ่งเช่นกัน เขารีบถอยร่นด้วยความเร็ว แต่กลับไม่อาจหลบหนอนเล็กที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับเสียงกระพือปีกดังสนั่น

หนอนเล็กเข้ามาใกล้ในชั่วพริบตาและกระแทกกับกระบี่เล็กสีดำ หลังอัดกระบี่จนถอยไปแล้วก็เข้ามาใกล้อีกครั้ง แม้แต่สายฟ้าที่ไหลเวียนรอบตัวซูหมิงมันยังไม่สนใจ ปล่อยให้สายฟ้าเข้าโอบล้อมตัวมัน แต่ความเร็วกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย เสียงโครมดังขึ้น มันทะลวงผ่านเกราะแม่ทัพเทพของซูหมิง!

พริบตาเดียวมันก็จะทะลวงเข้าถึงตัวเขา ทว่าทันใดนั้น มีเสียงระฆังดังก้องกังวานออกมาจากตัวเขา ภายใต้ภยันอันตรายทั้งในส่วนผิวนอก ระหว่างผิวเนื้อและเกราะ เขาเรียกระฆังเขาหานออกมาหยุดการทะลวงของหนอนตัวนี้ได้ในที่สุด

เสียงระฆังดังกึกก้อง ซูหมิงมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก ร่างโซเซถอยต่อเนื่องไปหลายสิบจั้ง

“นี่มันแมลงอะไร!” ซูหมิงพลันเงยหน้า คำพูดของเขากับซือหม่าซิ่นแทบจะดังขึ้นพร้อมกัน

ยามนี้ความรู้สึกประหลาดพลันเกิดขึ้นกลางใจของซูหมิง กระทั่งซือหม่าซิ่นก็ยังเกิดความรู้สึกที่ทำให้คนคาดไม่ถึง

“พวกเขาสองคน…คล้ายกันมาก…” ในกลุ่มคนอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่าใครกล่าวพึมพำขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version