ตอนที่ 28 ชนเผ่ายุคบรรพกาล
ณ ถ้ำภูเขาไฟ ซูหมิงค่อยๆ เดินไปเบื้องหน้าด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเส้นทางเบื้องหน้าชัดเจนแล้วถึงค่อยขยับตัว อีกทั้งในมือเขายังถือเขากระดูกไว้ แววตาเป็นประกายวูบวาบ โคจรโลหิตในกายเพื่อให้พร้อมระเบิดพลังจากเส้นเลือดเส้นที่สิบเอ็ดของเขาได้ทุกเมื่อ
ทุกย่างก้าว จิตใต้สำนึกซูหมิงพยามหาที่กำบังใกล้ตัวตลอด หากเจออันตรายจะได้หลบหลีกทัน หรือบางทีพวกค้างคาวจันทรากลับมา เขาจะได้มีที่ซ่อนตัว
แม้ว่าซูหมิงจะตื่นเต้นกับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า ทว่าความระมัดระวังของเขากลับยับยั้งความตื่นเต้นไปเสียมาก โดยเฉพาะอันตรายข้างใน ทำให้ซูหมิงต้องเป็นเช่นนี้
ซูหมิงตรงไปเรื่อยๆ ความหนาวเหน็บยิ่งชัดเจนขึ้น อีกทั้งด้านในยังมีทางแยกปรากฏน้อยมาก จึงทำให้ความเร็วของซูหมิงค่อยๆ เพิ่มขึ้น
โดยรอบเป็นความมืดมิด บนผนังมีรอยแตกเล็กใหญ่หลายจุด ดูจากลักษณะของมันแล้วน่าจะเกิดจากความร้อนสั่งสมมานานปี เพียงแต่ซูหมิงพบว่ามีบางรอยแตกที่เพิ่งปรากฏขึ้น เพราะสีของมันแตกต่างจากผนังเล็กน้อย
“แปลก รอยแตกพวกนี้เพิ่งปรากฏขึ้น….เป็นพลังแบบใดกันถึงทำให้ผนังหนาเช่นนี้เกิดรอยแตกได้…..” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ในใจคาดเดาเรื่องหนึ่งได้รางๆ
“หรือเป็นเพราะร้อนจัดแล้วเปลี่ยนเป็นเย็นจัดถึงได้ระเบิดพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้เช่นนี้…..” ซูหมิงเกาศีรษะ ก่อนเลิกคิดถึงปัญหาดังกล่าว และเก็บมันไว้ในใจ
ซูหมิงไม่ทราบว่าเดินไปไกลเพียงใด รู้สึกแต่ว่าเวลาช่างเดินช้ายิ่งนัก ทันใดนั้นเขาพลันชะงักฝีเท้า ถ้ำภูเขาไฟเบื้องหน้าเขาขยายกว้างขึ้นไม่น้อย อีกทั้งยิ่งเข้าไปลึกด้านในยิ่งกว้าง
“หรือว่าจะมาถึงส่วนลึกแล้ว!” ซูหมิงมองสังเกตโดยรอบอย่างละเอียด ค่อยๆ เดินอย่างเชื่องช้า ไม่นานเส้นทางเบื้องหน้าเขาก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสุดทาง เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก มองทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าพลางขบคิด
เบื้องหน้าของเขาเป็นถ้ำภูเขาไฟขนาดประมาณเผ่าของเขา โดยรอบมีโพรงเล็กจำนวนมากเรียงกันแน่นขนัด กวาดสายตามองมีราวหลายสิบโพรง โพรงเล็กที่เขาเดินออกมาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ซูหมิงเดินไปเบื้องหน้าพลางขบคิด แววตามีแสงวาบผ่าน เขามองสังเกตโพรงเล็กไปเรื่อยๆ จนในที่สุดดวงตาทั้งสองข้างพลันแข็งค้าง พาร่างกระโดดเข้าไปแล้วหยุดอยู่นอกโพรง ดมกลิ่นเพียงชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนไปดมอีกโพรง เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
เมื่อซูหมิงเดินผ่านครบทุกโพรงแล้ว สายตาของเขาจับจ้องไปยังโพรงหนึ่ง ก่อนมุดเข้าไปโดยไม่ลังเล ทุกโพรงในนี้ มีโพรงนี้โพรงเดียวที่มีกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นโพรงของค้างคาวจันทรา
ซูหมิงห้อเหยียดตลอดเส้นทาง มีหยุดพักบ้างเป็นบางครั้ง แววตาเขาครุ่นคิดขณะใช้เขากระดูกตัดหินก้อนใหญ่บนผนัง หินก้อนใหญ่มีขนาดใกล้เคียงกับทางเดินเส้นนี้
แม้ว่าการตัดหินจะค่อนข้างลำบาก ทว่าซูหมิงยังคงยืนกรานทำต่อไป ระหว่างทางเขาตัดหินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาแล้วหลายก้อน ทุกครั้งที่ตัดเสร็จ เขาจะวางไว้ด้านข้างตามมุมต่างๆ
ระหว่างระแวดระวัง ความเร็วของซูหมิงเพิ่มขึ้นทุกที เขารู้สึกได้ว่าเส้นทางเบื้องหน้ากำลังจะพาเขาไปยังใต้เขา พื้นที่ถึงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงวิ่งไปตามทางอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเขารู้สึกว่าเข้ามาลึกมากแล้ว จึงค่อยๆ เห็นแสงสีแดงตรงหน้า
เมื่อมองไป แสงสีแดงราวกับเปลวเพลิง กระทั่งแยกไม่ค่อยออกว่ามันมีลักษณะเป็นเช่นไร
ซูหมิงชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นแสงที่ว่า หัวใจเต้นตึกตัก เขาคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นสุดทางแล้ว ทว่ายิ่งเข้าใกล้ เขายิ่งค่อยๆ รู้สึกคล้ายโลหิตในกายกำลังแผดเผา ความรู้สึกเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจนัก….
ก้อนหินแกร่งบนผนังโดยรอบมีรอยขีดข่วนจำนวนมาก ทั้งยังมีร่องรอยคล้ายฟันกัดด้านบน ส่งผลให้บรรยากาศช่างน่าประหลาด ทำให้ซูหมิงวิตกอยู่บ้าง ทว่าเขาไม่ได้หยุดฝีเท้า แต่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้แสงสีแดงเพลิง
ที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของทางสายนี้จริงๆ เบื้องหน้าไม่ใช่ทางเดิน แต่เป็นถ้ำภูเขาไฟพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ซูหมิงมีสีหน้าตื่นตัว ยืนมองลงไปเบื้องล่าง
เพียงมองลงไป ทั่วร่างเขาราวกับถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งชะงักงัน ก่อนถอยหลังหลายก้าว สูดลมหายใจเย็นเข้าลึก
มันเป็นแอ่งกระทะใหญ่ยักษ์ ด้านในมีปลายแหลมสีเทาทั้งแท่ง ลักษณะคล้ายยอดเขาแทงขึ้นมานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีไอหนาวเยือกแผ่กระจายตลอดเวลา และปกคลุมโดยรอบจนถ้ำภูเขาไฟแห่งนี้หนาวสุดขั้ว
ทว่าหากเป็นเพียงแค่นั้นคงไม่อาจทำให้ซูหมิงตื่นตะลึงได้เช่นนี้ เพราะในแอ่งกระทะนอกจากหนามแหลมแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอยู่!
มันเป็นชนเผ่าแห่งหนึ่ง!
มีบ้านเรือนสร้างขึ้นจากหินจำนวนมากพร้อมรั้วล้อมรอบ นอกจากนี้ยังมีหอสังเกตการณ์ที่ก่อขึ้นจากกองหิน กระทั่งซูหมิงยังเห็นหม้อหุงข้าวที่สร้างขึ้นจากหินหลายจุดในเผ่า
ด้านนอกเรือนทุกหลังล้วนมีสัญลักษณ์ประจำเผ่า ลักษณะคล้ายเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วง!
เรือนหินเหล่านั้นทุกหลังล้วนกว้างใหญ่ อีกทั้งยังก่อสร้างได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ยังดูหรูหรากว่าเผ่าเขาทมิฬที่ซูหมิงอาศัยอยู่เสียอีก
ในชนเผ่า ซูหมิงยังเห็นทางเดินที่ปูพื้นด้วยหิน บนทางเหล่านั้นมีหินนูนขึ้นมาหลายจุด ซูหมิงมองอยู่นานก็ยังไม่ทราบว่าทางเหล่านั้นทำเพื่ออะไรกันแน่
นี่ไม่ใช่ชนเผ่าธรรมดา และไม่ใช่ชนเผ่าที่สมบูรณ์!
ซูหมิงมองไปยังเรือนหลายหลังที่ตั้งอยู่ตรงริมขอบชนเผ่า เรือนเหล่านั้นเหมือนถูกใครบางคนใช้พลังประหลาดแบ่งเป็นสองส่วน เหลือเพียงครึ่งหนึ่งในแอ่งกระทะเท่านั้น
อีกครึ่งหนึ่งไม่รู้ว่าอยู่ไหน….
โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งชนเผ่า นอกจากเส้นทางที่ปูด้วยหินแล้ว ส่วนที่เหลือเหมือนว่าจะเป็นดินเหนียว อีกทั้งยังต่างจากดินของเขาลูกนี้อย่างเห็นได้ชัด!
ซูหมิงหายใจกระชั้น เขามองทุกอย่างเบื้องหน้า พลันนึกถึงเรื่องที่ท่านปู่เล่าให้ฟัง ตำนานหมานเพลิง….ภาพต่างๆ ปรากฏขึ้นในหัวของเขา ในภาพวาดนั้นเป็นชนเผ่าใหญ่ยักษ์ยากจะหาใครเปรียบ ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ครอบครองพื้นที่กว้างไกล ราวกับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
บ้านเรือนในชนเผ่าล้วนสร้างขึ้นจากหิน อีกทั้งยังมีสัญลักษณ์เผ่าเป็นรูปเปลวเพลิง สัญลักษณ์นั้นเป็นตัวแทนชื่อของชนเผ่านี้!
ทว่าวันหนึ่งชนเผ่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถูกพลังอำนาจบางอย่างแยกออกเป็นหลายส่วน กระจัดกระจายราวกับล่มสลาย อีกทั้งพลังลึกลับยังทำให้ชนเผ่าและชาวเผ่าพร้อมกับแผ่นดินหายวับไป
ส่วนเล็กหนึ่งในนั้นของชนเผ่าถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ในภูเขาทมิฬแห่งนี้……
“นั่นไม่ใช่ตำนาน…” ซูหมิงกล่าวพึมพำ พลางมองภาพเหลือเชื่อเบื้องหน้าด้วยแววตาคาดไม่ถึง
เขากวาดสายตาไปรอบๆ ชนเผ่า จนไปหยุดอยู่ตรงใจกลาง ดวงตาพลันหรี่ลง ตรงนั้นมีสิ่งที่พิลึกยิ่งกว่า!
มันเป็นไม้ต้นใหญ่ หรือจะกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าคล้ายไม้ต้นใหญ่! ทั้งต้นเป็นสีแดงฉาน ขับแสงประดุจเปลวเพลิง ฉะนั้นแสงสีแดงที่ซูหมิงเห็นบนทางเดินก่อนหน้านี้ต้องมาจากมันอย่างแน่นอน
ลำต้นมันใหญ่ราวสิบคนโอบ ส่วนรากทะลุผ่านผืนดิน และยิ่งคล้ายทะลวงลึกลงใต้ยอดเขานี้ ไม่รู้แน่ชัดว่ายาวเพียงใด นอกจากนี้มันยังมีเพียงแค่ลำต้นเท่านั้น เพราะส่วนยอดของมันทะลุหินขึ้นไปด้านบน
“ต้นไม้ที่เติบโตในยอดเขาเพลิงทมิฬ….” ซูหมิงจ้องลำต้นเขม็ง ตรงนั้นมีดอกไม้สีแดงที่เขาคุ้นเคยจำนวนหนึ่ง มันเบ่งบานเผยความงามน่าหลงใหล
ขณะกำลังมองอยู่ ซูหมิงพลันนึกถึงดอกไม้ตรงบึงโคลนพิลึกในป่าทึบ….
ซูหมิงละสายตาจากมันอย่างเงียบเชียบ แล้วมองไปยังซากปรักหักพังของชนเผ่าที่ถูกฝังมานานหลายยุคสมัย ในใจพลันเกิดความเศร้าโศก ถอนหายใจเบาๆ ก่อนกระโดดลงไปยืนอยู่กลางชนเผ่าหมานเพลิงยุคบรรพกาล หนึ่งในแปดเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าหมาน ผู้ซึ่งกล้าต่อกรกับเทพหมาน
“เช่นนี้แล้ว ค้างคาวจันทราพวกนั้นน่าจะเป็นดั่งตำนานว่าไว้ เป็นชาวเผ่าหมานเพลิงที่ได้ชีวิตนิรันดร์จากเคล็ดวิชาของจ้าวหมานเพลิงในตอนนั้น ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็น…แต่….ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเคล็ดวิชาหมานแบบนั้นอยู่….จ้าวหมานเพลิงอยู่ในขั้นพลังระดับใดกันแน่…..ตามคำกล่าวในตำราหนังสัตว์ สูงกว่ารวมโลหิตเป็นชำระล้าง สูงกว่าชำระล้างเป็นเซ่นไหว้กระดูก ส่วนที่เหนือกว่าเซ่นไหว้กระดูกไม่มีกล่าวเอาไว้ มีเพียงคำเรียกขานว่าปรมาจารย์หมานเท่านั้น” ซูหมิงมองชนเผ่ายุคบรรพกาลเบื้องหน้า ขบคิดพลางเดินไปด้วย
ในชนเผ่าเป็นพื้นที่กว้าง นอกจากบ้านเรือนและสิ่งของต่างๆ ซูหมิงไม่เห็นโครงกระดูกอะไรเลย โดยรอบเงียบสงัด ยิ่งทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด
ขณะกำลังครุ่นคิด ซูหมิงเหยียบขึ้นไปบนเส้นทางที่มีหินนูนขึ้นมา เขาลองเหยียบหินนูนเหล่านั้น พลันสัมผัสได้ว่าใต้ฝ่าเท้ามีเสียงดังกึกกึก ก่อนก้มหน้าไปมอง ทว่าก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่ามันมีไว้เพื่ออะไร เขาจึงค่อยๆ เดินต่อไป แต่ในขณะนั้นเอง ฝีเท้าพลันชะงัก สายตาสังเกตเห็นบางอย่าง จึงแหงนหน้าขึ้นมองทอดไกลออกไป ตรงริมขอบชนเผ่าชิดผนังหินมีโครงกระดูกอยู่!
โครงกระดูกดังกล่าวถูกบ้านเรือนบังเอาไว้ จึงเป็นเหตุให้ซูหมิงมองไม่เห็น ทว่าด้วยตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ทำให้เห็นมันอย่างชัดเจน
ในช่วงที่มองเห็นแวบแรก ดวงตาซูหมิงพลันหรี่ลง นี่เป็นโครงกระดูกเพียงหนึ่งเดียวที่เขาพบในที่แห่งนี้ เขารีบสาวเท้าเข้าไปยังโครงกระดูก เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว ซูหมิงตัวสั่นทันใด
โครงกระดูกนี้พิสดารยิ่งนัก ครึ่งบนเหมือนคน ทว่าหดเล็กจนคล้ายกับแห้งเหี่ยว ส่วนกระดูกครึ่งล่างยิ่งพิลึกไปกว่า เปลี่ยนรูปราวกับหลอมละลาย ลักษณะไม่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป กระทั่งด้านหลังของมันยังมีกระดูกปีกงอกออกมา มีหลายจุดที่คล้ายกับค้างคาวจันทรา!
เหมือนว่าก่อนที่เขาจะตายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงของกระดูกจากคนสู่ค้างคาวจันทรา เพียงแต่ท่าทางของโครงกระดูกไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวด กลับแฝงไว้ด้วยความเยาะหยันและอวดดี!
เพียงแต่ไม่รู้ว่าการเย้ยหยันของเขาทำกับผู้ใดกันแน่…..
นิ้วชี้มือขวาของเขาชี้ไปบนผนังหินด้านข้าง ฝังลึกเข้าข้างใน ซูหมิงมองตามไปก็พบว่าเป็นลายเส้นอักษรชัดเจน! มันเป็นตัวอักษรของเผ่าหมานเพลิง!
ช่วงที่ซูหมิงมองตัวอักษรบนผนังแวบแรก พลันมีเสียงกระพือปีกดังเข้ามาจากในทางเดิน ทั้งยังมีเสียงร้องน่าสะพรึงกลัว รวมถึงเสียงร้องไห้อย่างสิ้นหวัง!
ค้างคาวจันทรากลับมาแล้ว! สีหน้าซูหมิงพลันเปลี่ยนไปทันที!