ตอนที่ 481 คำอวยพรหรือคำสาป?
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาเกิดความสงสัยอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคำอวยพรของจู๋จิ่วอิน!
ในความคิดซูหมิง จู๋จิ่วอินเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาและเด็ดขาด แม้ตายลงเหลือเพียงจิตเสี้ยวเดียวก็ยังมีความหยิ่งยโสอยู่
บางทีมันอาจจะไม่โกหก และนี่เป็นคำอวยพรจริงๆ ทว่าคำอวยพรกับคำสาปต่างกันเพียงเส้นบางๆ ราวกับขวดว่างเปล่า หลังจากเติมน้ำมากพอก็จะเต็ม ทว่าหากใส่เกินกว่าที่รับไหว ก็เป็นไปได้สูงมากที่ขวดนั้นจะระเบิด
การระเบิดนี้ไม่ใช่คำอวยพร แต่มันเป็นคำสาป!
หากเจ้ารับพลังข้าได้ เช่นนั้นข้าจะมอบพลังของหนึ่งโลกและพลังชีวิตที่เหลืออยู่ให้เจ้า อวยพรให้เจ้าเติบใหญ่ ให้เจ้ามีคุณสมบัติเป็นเจ้านายชนรุ่นหลังของสายเลือดจู๋จิ่วอิน!
หากเจ้ารับไม่ไหว เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีคุณสมบัติเป็นเจ้านายชนรุ่นหลังของสายเลือดจู๋จิ่วอิน เมื่อเป็นเช่นนั้น ชนรุ่นหลังจู๋จิ่วอินที่ไม่มีเจ้านายควบคุมก็จะดีกว่าตัวอื่นๆ ที่เป็นบริวารใครมาก
บางที นี่ต่างหากคือความคิดจริงๆ ของจู๋จิ่วอิน!
ช่วงเวลาเป็นตายในพริบตา ทุกอย่างอยู่ที่เจ้าเลือก! จะเป็นคำอวยพร จะเป็นคำสาป หรือ…การทดสอบ!
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย มองศีรษะสตรีงามที่กำลังเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว มองเส้นสีดำหมุนโคจรใต้น้ำวนตรงระหว่างคิ้ว เส้นดำนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับทะลวงออกมาได้ตลอดเวลา มันก็คือหนอนงูน้อย!
‘พลังมากะทันหันเกินไป ข้าปรับสมดุลไม่ทัน การทะลวงขั้นวิญญาณหมานเร่งรีบเกินไปมาก ไม่มีการเตรียมตัวที่ดีพร้อม
หากเป็นแบบนั้น…โอกาสล้มเหลวจะสูงมากทีเดียว!’ ซูหมิงรู้ว่าในถุงเก็บวัตถุของตนมีหินสีแดงฉานอยู่จำนวนมาก ทว่าในนั้นกลับไม่มีดอกเก้าอเวจี มิเช่นนั้นเขาคงเปิดนานแล้ว ยามนี้สถานการณ์คับขัน ขณะซูหมิงกำลังขบคิดอย่างรวดเร็ว กายเขาก็ปรากฏกระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบสี่ขึ้น!
‘จะทะลวงหรือไม่ทะลวง…’ ซูหมิงต่อสู้ดิ้นรนในใจ เพียงแต่ตอนนี้กลิ่นอายพลังและพลังชีวิตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง เขาจึงไม่อาจยับยั้งได้เลย ขณะเดียวกัน หลังจากกระดูกหมานเพิ่มขึ้นและรับพลังเข้ามา ซูหมิงก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าตนแข็งแกร่งขึ้น
มันเป็นความรู้สึกที่ว่าตนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความรู้สึกนี้คือความตาย หากมีกระดูกหมานยี่สิบหกชิ้น นั่นก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายซึ่งคล้ายกับการเดิมพัน!
เห็นกระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบห้าเปล่งแสงทองอ่อนๆ จากการรับพลังชีวิตของจู๋จิ่วอินเข้ามา ซูหมิงจึงกัดฟัน วิญญาณแรกในร่างกายเขาพลันลืมตาขึ้น แล้วทำสัญลักษณ์สองมือตรงจุดตันเถียน ก่อนออกแรงสูบกลืนทันใด
นี่คือวิธีคลี่คลายปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ซูหมิงนึกออก ทว่าวิธีนี้อยู่ได้ไม่นานนัก ต่อให้เป็นวิญญาณแรกก็รับไม่ได้ตลอด ถึงตอนนั้น เขายังต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก
เมื่อวิญญาณแรกสูบกิน กลิ่นอายพลังชีวิตที่หลั่งทะลักเข้าไปในตัวซูหมิงเปลี่ยนทิศทางในทันใด แบ่งส่วนใหญ่มายังวิญญาณแรก พริบตาเดียวก็วนอยู่รอบๆ มัน
วิญญาณแรกทำสัญลักษณ์สองมือ แล้วเปลี่ยนสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่องตามวิธีการฝึกเผ่าเซียนของหงหลัว ครู่ต่อมาวิญญาณแรกก็ตัวใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่า และมีสีหน้าเจ็บปวด การเพิ่มพลังเช่นนี้หมายถึงโชคลาภ ขณะเดียวกันก็ยังหมายถึงอันตรายและความเจ็บปวดด้วย
หลังจากวิญญาณแรกพองบวมขึ้นหนึ่งเท่า ระดับพลังก็ทะลวงผ่านวิญญาณแรกตอนต้นเข้าสู่ตอนกลาง อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานวิญญาณแรกก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งเท่า มันมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างยิ่ง แม้แต่ซูหมิงก็มีสีหน้าแบบนี้เช่นเดียวกัน
เขามีความรู้สึกว่าวิญญาณแรกจะระเบิดออก มีเสียงกึกก้องดังในความคิด วิญญาณแรกในตัวเขาเปล่งเสียงร้องคำราม ในร่างกายวิญญาณแรกพลันขุ่นมัว ระดับพลังจากตอนกลางทะยานสู่ตอนปลาย!
ทว่ายามนี้ พลังที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายซูหมิงไม่ลดน้อยลงเลย แต่กลับมากขึ้นไปอีก ราวกับว่าหากซูหมิงไม่ตัวระเบิด มันก็จะไม่ยอมหยุด!
บนตัวซูหมิงผุดเส้นเลือดแน่นขนัด วิญญาณแรกเกิดรอยร้าวเล็กๆ ขึ้นหลายเส้นแล้ว ปานแก้วที่กำลังจะแตก!
แทบจะเป็นช่วงที่วิญญาณแรกทะยานขึ้นสู่ตอนปลายแล้วสูบกินอีกครั้ง วิญญาณแรกของเขาก็ทะลวงสู่จุดสมบูรณ์ของขั้นวิญญาณแรกก่อกำเนิด!
อีกก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นกล่อมเกลาจิต!
เมื่อถึงขั้นนั้น วิญญาณแรกของเขาก็จะเท่ากับเชมันระดับปลาย เทียบเท่าขั้นวิญญาณหมานของเผ่าหมาน!
‘ขั้นกล่อมเกลาจิตของเผ่าเซียนต้องมีความเข้าใจในความคิดทางศิลป์ ความคิดทางศิลป์นี้ลึกลับและมหัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าไม่อาจเข้าใจ…แต่ตอนนี้ก็ต้องลองแล้ว!’
ซูหมิงกัดฟัน มีความคิดหนึ่งผุดออกมา ในช่วงเวลาเป็นตายนี้ เขากลับไม่สนใจความตาย ในเมื่อคำอวยพรของจู๋จิ่วอินคือการทดสอบ เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนสิ่งใด!
วินาทีที่ซูหมิงตระหนักรู้ วิญญาณแรกพลันอ้าปากกว้างอย่างดุร้าย
‘จู๋จิ่วอิน คำอวยพรของเจ้า ดูซิว่าข้าจะรับไปได้เท่าไร!’ วิญญาณแรกอ้าปากกว้างสูบกินอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายพลังและพลังชีวิตที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างซูหมิงทั้งหมดตรงไปหามันอย่างรวดเร็ว และหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง วิญญาณแรกของซูหมิงตัวใหญ่ขึ้น สุดท้ายก็เกือบมีขนาดเท่าตัวซูหมิง!
‘ขั้นกล่อมเกลาจิต…ขั้นกล่อมเกลาจิต…ข้าไม่มีความเข้าใจในความคิดทางศิลป์ แต่ข้าเข้าใจการผสานรวมของอดีตและอนาคต ค้นพบจุดของอดีตและอนาคต หากบอกว่าเป็นความคิดทางศิลป์จริงๆ เช่นนั้นความคิดทางศิลป์ของข้าก็คือโชคชะตา!
ทุกคนล้วนมีโชคชะตา ทุกสรรพสิ่งล้วนมีวงจรชีวิต!’ ขณะวิญญาณแรกสูบกินพลังชีวิตไม่หยุด มันพองบวมขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ร้องคำราม ร่างพลันระเบิดออก เสียงโครมครามดังขึ้นในความคิดซูหมิง
สติซูหมิงพร่ามัว เขาเหมือนเห็นการแปรเปลี่ยนของวิญญาณแรก เป็นการถือกำเนิดของสิ่งมีชีวิตใหม่ ตอนนี้จะเรียกมันว่าวิญญาณแรกไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่าจิตแรก!
จิตแรกนี้เหมือนเงาคน เหมือนมายา เขารู้สึกถึงระลอกคลื่นจากจิตแรกนี้ มันเป็นจิตใจอันแน่วแน่อย่างหนึ่งที่จิตแรกไม่ดับสูญและวิญญาณไม่สูญสิ้น
จิตแรกเพิ่งกำเนิด ซูหมิงก็รู้สึกถึงความเปราะบางของมัน ตอนนี้จิตแรกต้องการเวลาในการพักฟื้น หากสูบพลังของจู๋จิ่วอินอีก มันก็จะรับไม่ไหวแล้วสลายไป
เห็นกลิ่นอายพลังและพลังชีวิตของจู๋จิ่วอินตรงเข้ามายังจิตแรก ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือแล้วชี้ไปข้างหน้า วินาทีที่พลังของจู๋จิ่วอินเข้ามาใกล้จิตแรก จิตแรกในตัวซูหมิงพลันบินออกมารวมอยู่ตรงหน้าเขา และออกห่างจากร่างกาย
‘จิตแรกที่เผ่าเซียนฝึกฝน เลื่องลือว่าจิตแรกไม่ดับสูญวิญญาณไม่สูญสิ้น ในเมื่อข้ามีจิตแรกแล้ว เช่นนั้นต่อให้ร่างกายข้ารับพลังของจู๋จิ่วอินจนระเบิด ก็ยังใช้จิตแรกดึงกลับมาได้!’ ซูหมิงกัดฟัน ตอนที่จิตแรกออกจากร่างกาย พลังของจู๋จิ่วอินก็หลั่งทะลักเข้าไปในกระดูกหมาน
ทันใดนั้น กระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบห้าพลันเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ซูหมิงในตอนนี้ กระดูกสันหลังเขาเปล่งแสงสีทองอร่าม แม้แต่ร่างกายยังกลายเป็นสีทองแสบตา
กระดูกหมานยี่สิบห้าชิ้นคือจุดสูงสุดของขั้นเซ่นไหว้กระดูก ในเผ่าหมานมีผู้แข็งแกร่งระดับนี้ไม่น้อยที่ไม่ฝึกฝนอีก เพราะพวกเขาไม่มั่นใจพอจะเผชิญหน้ากับความเป็นตายในการข้ามผ่านไปขั้นวิญญาณหมานหลังจากปรากฏกระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบหก!
หากซูหมิงเลือกได้ เขาต้องมั่นใจมากก่อนถึงจะลอง ทว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก!
ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำและฉายแววเด็ดขาด ขณะเดียวกัน กระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบห้าเริ่มสูบกินพลังของจู๋จิ่วอิน แล้วสั่งสมพลังทั้งหมด…เป็นกระดูกชิ้นที่ยี่สิบหก!
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ช่วงที่กระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบหกปรากฏ กระดูกสันหลังทั้งแผ่นของซูหมิงเปล่งแสงที่แม้แต่โลกภายนอกก็ยังมองเห็น ภายใต้การรวมแสงอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะก่อขึ้นเป็นร่างเงาด้านหลังซูหมิง…
ร่างเงานั้น…ก็คือสิ่งที่ขั้นวิญญาณหมานทุกคนมีได้ เทวรูปหมานของตัวเอง!
ความรู้สึกคล้ายวิญญาณถูกเทวรูปหมานสูบไป ทำให้สติซูหมิงพร่ามัว ในความพร่ามัวนั้น ความคิดเขาขาวโพลน
แต่หลังจากร่างเงามายาเพิ่งปรากฏแล้วขยับวูบวาบหลายครั้ง ก็ประหนึ่งยากจะค้ำยันไหว ยืนหยัดอยู่อีกไม่กี่ลมหายใจ สุดท้ายก็สลายไป ทันใดนั้น สติของซูหมิงที่เหมือนถูกสูบไปพลันขาดสะบั้น กระดูกสันหลังที่สว่างจ้าแหลกเป็นชิ้นอย่างรุนแรง โลหิตไหลมาจากมุมปากซูหมิง ทว่าในเวลาเดียวกัน รูขุมขนทั้งหมดก็พ่นโลหิตออกมา ทั้งตัวแห้งเหี่ยวในฉับพลัน
เงามืดแห่งความตายขยายปกคลุม ขั้นวิญญาณหมาน…ล้มเหลว!
พร้อมกันกับที่กระดูกสันหลังพังทลาย เลือดเนื้อของซูหมิงมีเค้าลางจะสลายไป พลังชีวิตลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว ชีวิตเขากำลังจะดับสูญ
ทว่าตอนที่เพิ่งจะเกิดเค้าลางนี้ขึ้น ตัวซูหมิงยังมีพลังชีวิตและพลังมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาอยู่ จากการผสานรวมของพลังชีวิต เลือดเนื้อเขาจึงไม่ฉีกขาด ชีวิตได้รับการเติมเต็มอย่างรวดเร็ว กระดูกสันหลังที่แหลกไปก็รวมขึ้นมาใหม่เช่นกัน
“ข้าช่วยเจ้าได้หนึ่งครั้ง แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…คำอวยพรของข้าไม่ใช่ว่าผู้ใดก็จะรับไหว ครั้งต่อไป…หากเจ้ารับไม่ไหว ก็ไม่คู่ควรจะเป็นเจ้านายให้ชนรุ่นหลังสายเลือดจู๋จิ่วอินของข้า
ครั้งต่อไป หากเจ้ารับไม่ไหว ก็จงดับสูญไปพร้อมกับข้าที่นี่…หากเจ้ายืนหยัดได้อีกหนึ่งลมหายใจ พลังหนึ่งโลกที่ล้ำค่าที่สุดของข้าจะปรากฏ หากเจ้าสูบกินมัน นั่นต่างหากคือโอกาสอย่างแท้จริง!”
เสียงที่ผ่านโลกมามากของจู๋จิ่วอินดังก้องในจิตใจซูหมิง กระดูกสันหลังเขาค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้น พลังชีวิตถูกเติมเต็ม นอกจากกระดูกสันหลังจะไม่เปล่งแสงอีกครั้งและต้องรวมขึ้นมาใหม่ ซูหมิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย
แม้กระดูกหมานจะแหลกสลาย จนตอนนี้รวมขึ้นมาใหม่แล้วไม่เปล่งแสงอีกก็ตาม ซูหมิงกลับรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตนไม่ลดน้อยลงเลย ตรงกันข้าม มันยิ่งเปี่ยมล้นมากขึ้น ความรู้สึกพิลึกเช่นนี้เขาไม่มีเวลามาขบคิดมากนัก เพราะตอนนี้ภายใต้การหลั่งทะลักเข้ามาของพลังชีวิตและกลิ่นอายพลัง ทำให้กระดูกชิ้นแรกเปล่งแสงสีทองขึ้นอีกครั้ง