Skip to content

สู่วิถีอสุรา 490

ตอนที่ 490 คารวะดวงจันทร์?

‘หรือว่าเขาจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโลกอมตะของจู๋อิน และดวงจันทร์ดวงที่สิบ! งูน้อยบนบ่าเขาเป็นสีแดงอ่อนทั้งตัว ตรงระหว่างคิ้วมีรอยเปิด ตอนที่ข้ามองกลับเกิดความรู้สึกขนลุก หระ….หรือว่า….’ ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองหายใจกระชั้น ตรงหน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นและหนีเร็วขึ้นไปอีก

‘หรือว่าจู๋จิ่วอินจะฟื้นคืนชีพ!’ ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองปากสั่น ผุดความคิดที่มันรู้สึกหวาดกลัว เสียงร้องดังแว่วมาไกลๆ ทำให้มันเกิดความรู้สึกวิญญาณจะหลุดจากร่าง

เสียงร้องนั้นน่าสะพรึง มันจึงหันกลับไปมองภายใต้จิตสำนึก ช่วงที่เสียงคำรามนั้นดังแว่วเข้ามา ใบหน้ามันพลันซีดขาว ไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย

มันเห็นบนท้องฟ้าไกลๆ มีเงามายายักษ์อยู่ตัวหนึ่ง รูปร่างคือจู๋จิ่วอิน ร่างเงานั้นอ้าปากกว้าง แล้วร้องคำรามปานจะกินอะไรบางอย่าง

แม้ร่างเงานั้นจะเลือนราง ทว่ามันมองไม่ผิดแน่ ในใจรู้ดีว่าตรงนั้นมีชาวเผ่าของตนกำลังหนีอยู่ ยามนี้เห็นร่างเงาจู๋จิ่วอิน มันย่อมรู้ดีว่าชาวเผ่าคนนั้นไม่น่ารอด

ขณะยังตื่นตกใจ ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองก็กัดฟัน หมุนตัวห้อเหยียดไปอย่างคลุ้มคลั่ง ทว่าวินาทีที่มันหมุนตัวกลับหยุดชะงัก เกิดความรู้สึกชาไปทั้งตัว เพราะตรงหน้ามัน ปรากฏร่างเงากำลังมองมาอย่างเย็นชาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้!

ร่างเงานี้มีสีหน้าสงบนิ่ง แววตาเย็นชาปานมองคนตาย เขายืนอย่างสงบ ชั่วขณะที่ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์หน้าเปลี่ยนสีและกำลังจะถอยนั้น ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขวาขึ้นแล้กดไปตรงระหว่างคิ้วค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง

“เจ้าบังอาจ!” ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองคำรามเสียงแหลม ปีกข้างหลังพลันเอียงไปข้างหน้าเพื่อขวางเอาไว้ สร้างเป็นปราการหนึ่งชั้น ขณะเดียวกันมันก็ทำสัญลักษณ์สองมืออย่างรวดเร็วก่อนผลักไปข้างหน้า พลันเกิดคลื่นกระเพื่อม คลื่นนี้ก่อขึ้นเป็นใบหน้าผีร้ายอ้าปากพุ่งไปข้างหน้า

ในเวลาเดียวกัน มันยังกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตสีทอง โลหิตกลายเป็นค้างคาวสีทองตัวหนึ่ง ร้องเสียงแหลมพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า

ยังไม่จบเท่านี้ ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ใช้มือขวาคว้าอากาศ ในมือพลันปรากฏดาบโค้งสีทองลักษณะกลมในมือ มันกวัดแกว่งดาบในมือและสร้างเป็นแสงสีทองตรงเข้าใส่ซูหมิง

ในเวลาฉุกละหุก มันทำได้เพียงเท่านี้ ทว่าในเวลาสั้นๆ กลับใช้วิชาเหล่านี้ได้ จึงเห็นได้ชัดว่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองตัวนี้แข็งแกร่ง

นิ้วของซูหมิงพุ่งตรงเข้าไป พลันเกิดเสียงโครมราวหินระเบิด นิ้วมือกดตรงปีกของค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองตรงๆ เสียงโครมครามดังสนั่นแผ่กระจาย ปีกค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองพลันอาบชโลมไปด้วยเลือดและมีเสียงกระดูกหัก หากไม่ใช่เพราะมันเอาปีกขึ้นมากัน ร่างมันคงสลายไปแล้ว

หลังจากปีกถูกผลักถอยไป นิ้วของซูหมิงยังไม่หยุดลง เขากดนิ้วไปยังปราการที่สองของค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองอีกครั้ง หลังจากระลอกคลื่นใบหน้าผีร้ายสลายไปจนสิ้นท่ามกลางเสียงดังสนั่น ค้างคาวสีทองที่แปลงจากโลหิตสีทองของมันก็พุ่งเข้ามายังนิ้วของซูหมิงพร้อมกับเสียงคำราม

เสียงโครมครามเมื่อครู่ยังไม่หายไป ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยนิ้วนี้ ค้างคาวสีทองระเบิดกระจายพร้อมกับเสียงร้อง ทว่าความเร็วของนิ้วซูหมิงกลับลดน้อยลงมาก อีกทั้งอานุภาพยังด้อยลงด้วยปราการคุ้มกันหลายชั้นของค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง เมื่อค้างคาวสีทองสลายไป สิ่งที่อยู่ตรงหน้านิ้วของซูหมิงคือดาบโค้งจันทร์เต็มดวงสีทอง ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน พลันเกิดเสียงดังกึกก้อง ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองกระอักเลือดและกระเด็นถอยไปอย่างรวดเร็ว

นัยน์ตาซูหมิงเป็นมันวาว เขายืนนิ่งอยู่กลางอากาศ เพียงดึงนิ้วกลับมา ดรรชนีนี้ไร้ชื่อ หลังจากปรับเปลี่ยนนับพันหมื่นครั้งและบรรลุขั้นสูงจากในโลกอมตะแล้ว จนกระทั่งซูหมิงเดินออกมา ก็ยังไม่เคยมีใครรับนิ้วมือนี้แล้วไม่ตายในครั้งเดียว

ตอนนี้ ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองตัวนี้เป็นตัวแรก!

ยามนี้ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองหน้าซีดขาว สีหน้าหวาดกลัว ขณะถอยไปอย่างเร็วรี่ก็กระอักโลหิตออกมา แม้มันยังไม่ตาย ทว่านิ้วของซูหมิงนี้กลับน่าสะพรึงอย่างสุดขีด แม้ปราการหลายชั้นของมันจะลดพลังส่วนใหญ่ไปได้ พลังที่เหลืออยู่ก็ยังคงส่งผลให้เลือดลมในตัวมันเดือดพล่าน พลังชีวิตหายไปไม่น้อย

‘นี่มันวิชาอะไร!’ ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองถอยหนี ในใจรู้ดีว่าวันนี้ต้องยืนอยู่บนเส้นความเป็นตาย หากคิดจะหนีเป็นไปไม่ได้เลย มันจึงคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“เจ้ากล้าทำร้ายข้า! ข้าคือค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง ข้าคือผู้สรรเสริญจิตของบรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าสังหารข้า ก็เท่ากับเปิดสงครามกับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ เจ้ารับมือไม่ไหวหรอก!” ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองร้องตะโกน ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย มันกลัวแล้ว กลัวมากจริงๆ ในความรู้สึกมัน ซูหมิงแข็งแกร่งจนไม่อาจต่อต้านใดๆ

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเดินหน้าหนึ่งก้าวพลางยกมือขวาขึ้น หลังจากทดสอบความแกร่งของร่างกายเสร็จแล้ว เขาจึงอยากรู้ว่าวิชาของตนเป็นอย่างไรบ้าง

เขากำหมัดขวา ยามนี้ขณะเดินเข้าไป ก็ปล่อยหมัดขึ้นท้องฟ้า

หมัดนี้คือการส่งลม สร้างพายุจำนวนมากดิ่งขึ้นนภา ท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่น ชั้นเมฆทั้งหมดสลายไป กลายเป็นน้ำวนยักษ์หมุนโคจรอยู่บนท้องฟ้า

“ผสานสายลม!” ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ แล้วคลายมือขวาที่ชูขึ้น ก่อนคว้าท้องฟ้า น้ำวนยักษ์พลันขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเท่า แผ่คลุมพื้นที่ไปมากกว่าครึ่งท้องฟ้า หลังจากนั้นก็มีพายุคล้ายมังกรตรงเข้ามายังมือขวาซูหมิง เวลานี้มีสายฟ้ากับสายลมปรากฏขึ้น ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ มือขวาดุจควบคุมท้องฟ้า ควบคุมสายลมน้ำวนทั้งหมด!

“เบิกตะวัน!” วินาทีที่กล่าวคำนี้ ซูหมิงพลันสะบัดมือขวา สายลมน้ำวนที่เขาควบคุมอยู่พลันตรงเข้าไปยังค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองด้วยพลังแกร่งกล้า

หากมองไกลๆ ภาพนี้ช่างน่าตะลึงอย่างยิ่ง ซูหมิงในภาพเส้นผมปลิวไสว สีหน้าสงบนิ่ง โดยเฉพาะรอยแผลเป็นใต้ดวงตาสองข้าง มันมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

กลับมาที่ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง ยามนี้มันมีสีหน้าหวาดกลัว ดวงตาแดงก่ำและดูคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม!

ระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้ เป็นพายุหมุนเชื่อมติดกับฟ้าดิน พายุหมุนนี้กวาดโดยรอบและตรงไปยังค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองราวกับจะจมอีก

ยามนี้เงามืดแห่งความตายของค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองขยายใหญ่ขึ้น มันไม่อยากตายเช่นนี้ ขณะดิ้นรนอยู่ก็เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า สองมือทำสัญลักษณ์พิลึกตรงหน้าแล้วกดบนตัวเอง ทันใดนั้นมันตัวสั่น ขนหลุดร่วงทั้งตัว เมื่อขนสีทองหลุดร่วงจนหมด ก็กลายเป็นแสงสีทองจำนวนมากตรงเข้าใส่น้ำวน

จากนั้น ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตกองโตอีกครั้ง มันงอตัวเอาหลังชี้ขึ้นฟ้า เงยหน้าขึ้น เส้นเลือดดำปูดโปนบนใบหน้า ดูดุร้ายอย่างยิ่ง ก่อนเปล่งเสียงคำรามแหบแห้ง

“เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ วิชาแบกขุนเขา ฝนสารทฤดูบรรพกาล ศิลาหินประจำตัว!”

ขณะร้องตะโกน มวลอากาศเหนือศีรษะมันพลันเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนปรากฏศิลาหินยักษ์ขึ้น!

ศิลาหินนี้ใหญ่มาก มีขนาดหนึ่งร้อยจั้ง ด้านบนมีตัวอักษรซับซ้อนจำนวนมาก หลังจากปรากฏแล้วมันก็ตกลงใส่หลังของค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง ดูเหมือนว่ามันกำลังแบกศิลาหินอยู่!

ศิลาหินปลดปล่อยพลังมหาศาล ก่อนตรงดิ่งเข้าต้านกับพายุหมุนเบิกตะวัน!

ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันในพริบตาเดียว พายุเบิกตะวันของซูหมิงปะทะกับแสงจากขนนกสีทองนับไม่ถ้วนก่อน ภายใต้เสียงโครมคราม ขนนกเหล่านี้สลายไปทั้งหมด แต่พายุหมุนยังไม่หยุด มันตรงเข้าปะทะกับศิลาหินจากอภินิหารของค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองต่อ

เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้าดิน ส่งไปถึงหุบเขาของเผ่าเชมัน ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดมองท้องฟ้า จิตใจสั่นไหว อีกทั้งเสียงระเบิดนี้ยังส่งไปไกลยิ่งกว่า

ศิลาหินแตกกระจายทั้งหมด ทว่าพายุเบิกตะวันของซูหมิงก็หายไปมากกว่าครึ่งเช่นกัน ถึงกระนั้น อานุภาพที่เหลือก็ยังคงตรงเข้าใส่ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง

ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองกระอักเลือดอีกครั้ง ร่างพลันเหี่ยวแห้ง นัยน์ตาสิ้นหวัง ทั้งยังบ้าคลั่งอย่างสุดชีวิต มันไม่สู้อีก แต่คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง แล้วตะโกนเสียงดังที่สุดขึ้นฟ้า

“บรรพบุรุษดวงจันทร์! บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์บูชามาตั้งแต่บรรพกาล ด้วยร่างกายของข้าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทอง ขอยืมพลังแห่งการคารวะดวงจันทร์ของท่าน ช่วยข้าทำเพลิงโลหิตแผดเผาคารวะสามครั้งด้วย!” ขณะค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองร้องตะโกน มันก็คารวะดวงจันทร์เก้าดวงบนท้องฟ้า

การคารวะครั้งนี้ หัวใจซูหมิงพลันเต้นแรง เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่า ดวงจันทร์ดวงที่เก้าบนท้องฟ้าขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย!

“คารวะหนึ่งครั้ง ให้ทะเลเพลิงสูงเทียมฟ้าและแผดเผาทุกสิ่ง!” ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองคารวะลง ร่างกายมันราวกับรับไม่ไหว เห็นด้วยตาเนื้อเลยว่ามีเปลวเพลิงสีม่วงพ่นมาจากทวารทั้งเจ็ดของมัน พริบตาเดียวก็อบอวลโดยรอบ สร้างเป็นทะเลเพลิงสูงเทียมฟ้า

ขณะทะเลเพลิงแผดเผา หากมองจากผืนดินขึ้นบนฟ้า จะเห็นได้ชัดว่าทะเลเพลิงนี้เหมือนกับฝ่ามือคน!

ฝ่ามือทะเลเพลิงยกขึ้นในทันทีราวกับแฝงไว้ด้วยจิตใจ ก่อนกดฝ่ามือลงมายังซูหมิง!

‘เกี่ยวข้องกับค้างคาวจันทราและหมานเพลิงจริงๆ! เพลิงโลหิตแผดเผาของหมานเพลิงคือการคารวะจันทร์โลหิตเก้าครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอยู่ที่นี่จริงๆ เพียงแต่ว่า…มันต่างกันอยู่เล็กน้อย!’ ซูหมิงเพ่งสายตามอง ตอนเห็นเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสงสัยอยู่ พอตอนนี้เห็นภาพนี้กับตาแล้วจึงมั่นใจ

“วิชาคารวะดวงจันทร์ วิถีของหมานเพลิง…บรรพชนดวงจันทร์?”

ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือทะเลเพลิง เขายังมีสีหน้าเรียบเฉย หมานเพลิง…..เขาซูหมิงก็เป็นหมานเพลิงเหมือนกัน!

ซูหมิงยกมือขวาขึ้น กัดปลายนิ้ว แล้วป้ายไปในดวงตาซ้าย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version