ตอนที่ 730 สายเลือดแห่งเก้าอรุณ
“ก่อนอาจารย์ไปเคยมองฟ้าแล้วเอ่ยประโยคหนึ่ง” ศิษย์พี่รองมีสีหน้าหวนคะนึงคิด
“เขาบอกว่า…ใกล้จะถึงเวลาแล้ว แต่ก็เกิดภัยพิบัติรกร้างบูรพาขึ้นเสียก่อน หรือว่า…” นัยน์ตาศิษย์พี่รองวาววับ มองยังซูหมิง
“ประโยคนี้แหละ ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว? อันดับแรกต้องรู้ก่อนว่าเวลาของอาจารย์หมายถึงคืออะไร ส่วนภัยพิบัติรกร้างบูรพาจะต้องทำให้อาจารย์คิดเชื่อมโยงไปถึงอะไรบางอย่างแล้วเกิดการคาดเดาขึ้น เรื่องที่คาดเดาคือสิ่งที่อาจารย์ยังบอกไม่หมด” ซูหมิงกล่าวเนิบๆ
“ตอนที่ข้าถูกพันธนาการอยู่ใต้ยอดเขาสำนักชุมนุมเซียน ข้าใคร่ครวญประโยคนี้อยู่นานมาก นึกย้อนไปถึงคำพูดทุกอย่างของอาจารย์ตั้งแต่ติดตามเขามา ไม่มีคำว่าเวลาอยู่ในคำพูดเลย ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ศิษย์น้องเล็ก หู่จื่อ อาจารย์ได้พูดอะไรกับพวกเจ้าเกี่ยวกับเวลาหรือไม่?” ศิษย์พี่รองมองซูหมิงกับหู่จื่อ
“นึกไม่ออก น่าจะไม่มี” หู่จื่อส่ายศีรษะ
ซูหมิงตรึกตรองอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ไม่มีเบาะแสใดๆ เลย แต่ไม่นานนัยน์ตาก็เพ่งสมาธิ แล้วมองที่รูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่
“ตอนแรกศิษย์พี่ใหญ่บอกว่ากลิ่นอายพลังของอาจารย์ไม่ใช่เผ่าหมาน อีกทั้งการคาดเดาทุกอย่าง รวมกับที่ศิษย์พี่ใหญ่ติดตามอาจารย์มานานที่สุด บางที…ศิษย์พี่ใหญ่อาจจะรู้”
สิ้นเสียงซูหมิง ศิษย์พี่รองกับหู่จื่อก็มองรูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ศิษย์พี่รองสูดลมหายใจเข้าลึก
“ทุกอย่างต้องรอจนกว่าศิษย์พี่ใหญ่จะตื่นขึ้นมาก่อน พวกเราค่อยปรึกษากันอีกที เรื่องที่จะให้ศิษย์พี่ใหญ่ฟื้น ข้าคิดหาวิธีมาตลอดทาง น่าจะมีความหวังอยู่สักแปดส่วนที่ศิษย์พี่ใหญ่ฟื้นคืนกลับมาได้” ศิษย์พี่รองมองหู่จื่อ
“หู่จื่อ ขั้นพลังเจ้าต่ำสุด ทว่าวิชาเข้าฝันช่างน่าอัศจรรย์นัก เจ้าจงใช้การเข้าฝันไปตามหาจิตสำนึกของศิษย์พี่ใหญ่ จิตสำนึกเขาน่าจะเลือนรางอยู่ ทว่าเจ้าเป็นศิษย์น้อง ต่อให้จิตสำนึกเขาเลือนรางก็ไม่น่าจะทำอันตรายเจ้า
หลังจากตามหาจิตสำนึกเขาเจอแล้ว ค่อยใช้วิชาเข้าฝันปกป้องจิตสำนึกเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาหายไป”
หู่จื่อพยักหน้า สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเรื่องใหญ่พอๆ กับช่วยอาจารย์ ระดับความสำคัญมากเกินกว่าชีวิต
“ศิษย์น้องเล็ก ขั้นพลังเจ้ายากจะใช้ระดับของเผ่าหมานมาแบ่งแยกแล้ว จากการเหนี่ยวนำของข้า กำลังรบของข้าในตอนนี้ใกล้จะเกินขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังสู้เจ้าไม่ได้อยู่เล็กน้อย
ในพวกเราสามคน เจ้ามีขั้นพลังสูงสุด จะต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุด” ศิษย์พี่รองมองซูหมิง
ซูหมิงสบตากับศิษย์พี่รอง นัยน์ตาแวววาวพลางรอฟังคำพูดของอีกฝ่าย
“โลหิตหัวใจเผ่าเชมัน ยิ่งเยอะยิ่งดี โดยเฉพาะยอดจ้าวเชมัน ตอนนั้นเขามีขั้นพลังไม่ธรรมดา ข้าจำได้ว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วตอนสงครามหมานกับเชมัน
โลหิตหัวใจเขาเป็นจุดสำคัญ!
ทว่าเจ้าต้องระวังให้ดี ตอนนั้นที่อาจารย์อ่อนแอที่สุดก็เคยสู้กับเขา และที่พ่ายแพ้เป็นเพราะบุคคลผู้นี้มียันต์แผ่นหนึ่ง ยันต์แผ่นนี้มาจากสำนักดาราสัจธรรม ได้ยินอาจารย์เล่าว่ามันรวมขึ้นจากพลังความคิดมากกว่าครึ่งของผู้อาวุโสท่านหนึ่งในสำนักดาราสัจธรรม ทำให้ยอดจ้าวเชมันตายได้เก้าครั้งและจะแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
ตามการวิเคราะห์ของอาจารย์ บุคคลผู้นี้เหมือนกับเขา เป็นลูกศิษย์ที่แอบรับมาโดยคนสำนักดาราสัจธรรม อีกทั้งยังได้สมบัติล้ำค่ายันต์แผ่นนี้ทำให้แทบจะเป็นอมตะ
ทุกครั้งที่เขาตื่นจะมีเก้าชีวิต ตายหนึ่งครั้งพลังจะเพิ่มขึ้น จนกระทั่งตายครบเก้าครั้ง พลังอักขระถึงจะปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาเหมือนตาย ทว่าความจริงแล้วกายหยาบเพียงหลับใหล รอคอยให้ยันต์แผ่นนั้นสูบกินพลังฟ้าดินจนถึงระดับที่มั่นคงแล้ว เขาจึงจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นรูปแบบการฝึกฝนที่พิลึกอย่างยิ่ง พอใช้ร่วมกับวิชาเผ่าเชมัน ยอดจ้าวเชมันเลยเป็นอมตะ…สายเลือดเชมันเก้าอรุณในตัวเขาเข้มข้นอย่างยิ่ง นี่เป็นเพราะอยู่ในเผ่าเชมัน เพราะเขาเป็นอมตะ ประมุขแห่งเก้าอรุณแทบทั้งหมดจึงถูกเขาสูบสายเลือดไป
ทว่าเขาจะไม่สังหารจนสิ้น ทุกครั้งจะเหลือลูกหลานให้สืบสายต่อไปเล็กน้อย แบบนี้เขาจะได้สูบกินมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะอาจารย์ช่วยศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้ ก็คงต้องตกอยู่ในกำมืออำมหิตของฝ่ายนั้น
ตอนแรก ช่วงที่ยอดจ้าวเชมันตื่นขึ้น อาจารย์กับปรมาจารย์หลีหลงแห่งสำนักทะเลตะวันออก รวมถึงผู้แข็งแกร่งลึกลับอีกคน ร่วมกันต่อสู้กับยอดจ้าวเชมัน หลังจากเขาตายเก้าครั้งแล้วก็สลายหายไป
น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บของอาจารย์ในตอนนั้น ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่หายดี มิเช่นนั้นคงไม่สังหารอีกฝ่ายยากเย็นขนาดนั้น และตอนยอดจ้าวเชมันหลับใหล อาจารย์คงจะหาที่ซ่อนตัวอีกฝ่ายพบก่อนสังหารให้สูญสิ้นไปได้
ศิษย์น้องเล็ก ขั้นพลังเจ้าในตอนนี้เกินกว่าอาจารย์ตอนยังบาดเจ็บอยู่แล้ว เจ้าไปสังหารยอดจ้าวเชมันเสีย หาที่ซ่อนตัวเขาให้พบ แล้วเอาสายเลือดเก้าอรุณกลับมา นี่คือกุญแจสำคัญในการปลุกศิษย์พี่ใหญ่!
ขอแค่ให้ศิษย์พี่ใหญ่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นและมีหู่จื่อคอยคุ้มกันอยู่ ข้าก็จะใช้ยอดวิชาภูตผีสวรรค์เหนี่ยวนำภูตผีทั้งโลกหมานให้มาโจมตีของวิเศษเผ่าเซียนที่อยู่ในร่างศิษย์พี่ใหญ่ได้
ข้าไปสู้กับยอดจ้าวเชมันพร้อมกับเจ้าไม่ได้ ช่วงนี้ร่างกายข้าจะสลายไปเพื่อเตรียมตัวสำหรับเหนี่ยวนำภูตผีและใช้ยอดวิชาภูตผีสวรรค์” ศิษย์พี่รองกล่าวเสียงหนักแน่น
ซูหมิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เท่าที่เขาจำได้ เขาคือบุคคลลึกลับในอดีตคนที่ว่านั้น เลยเข้าใจยอดจ้าวเชมันมากกว่าคนอื่นๆ
“หากหาที่ซ่อนตัวยอดจ้าวเชมันไม่พบ ได้สายเลือดเก้าอรุณมาไม่มาก พวกเราก็ถอยออกมาก่อนแล้วดำเนินการแผนรอง นั่นคือไปที่สำนักทะเลตะวันออก ปรมาจารย์หลีหลงแห่งสำนักทะเลตะวันออกมีงูเหลือมเชมันอยู่ตัวหนึ่ง ตอนนั้นที่สู้กับยอดจ้าวเชมัน มันเคยกินโลหิตแห่งเก้าอรุณของยอดจ้าวเชมันมาครั้งหนึ่ง
จากนั้นมาได้ยินว่ามันกลายพันธุ์ เหมือนกับสูบโลหิตเก้าอรุณแห่งการแปรเปลี่ยนมา แม้โลหิตมันจะมีโอกาสอยู่สี่ส่วนที่ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ฟื้นได้ ทว่าหากหาที่ซ่อนตัวยอดจ้าวเชมันไม่พบก็คงต้องใช้โลหิตนี้แทน” ศิษย์พี่รองลังเลอยู่ชั่วครู่ถึงกล่าวอีกครั้ง
“หากได้โลหิตเก้าอรุณของยอดจ้าวเชมันกับงูเหลือมเชมันมาครบ จะมีความมั่นใจให้ศิษย์พี่ใหญ่ฟื้นขึ้นกี่ส่วน?” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายวาววับยามเอ่ยเรียบๆ
“หากหามาครบ ข้ามั่นใจเก้าส่วนครึ่งว่าศิษย์พี่ใหญ่จะฟื้น!” ศิษย์พี่รองมีสีหน้าจริงจังพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ซูหมิงพยักหน้า เมื่อมองรูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่อย่างลึกซึ้งแล้ว เขา หู่จื่อ กับศิษย์พี่รองก็มองหน้ากัน ต่างเห็นถึงความยึดมั่นและแน่วแน่ของกันและกัน
“เอ่อ…ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไปปรึกษากับอวี่เซวียนก่อน ขอยืมสุนัขตัวนั้นมา มีมันอยู่จะไม่มีใครทำอันตรายเจ้าได้แม้แต่น้อย” ศิษย์พี่รองพลันกล่าวขึ้น ทั้งยังขยิบตาให้
ซูหมิงขมวดคิ้ว ก่อนหมุนตัวเดินไปทางที่พักของอวี่เซวียนด้วยสีหน้าประหลาดเล็กน้อย
ยามเช้าตรู่ หู่จื่อกอดรูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่หลับไป ส่วนศิษย์พี่รองนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ตอนที่ร่างกายเขาค่อยๆ บิดเบี้ยว ซูหมิงพา…สุนัขสองตัว และยังมีเด็กสาวที่ส่งเสียงหัวเราะเสนาะหู กลายเป็นสายรุ้งสี่สายออกจากยอดเขาลำดับเก้าไป
เรื่องนี้อวี่เซวียนจะไม่มาร่วมด้วยได้อย่างไร…
ส่วนสุนัขอีกตัวก็คือร่างแปลงกระเรียนขนร่วง มันรู้สึกว่าตนในรูปร่างนี้ดูน่าเกรงขามเล็กน้อย บินไปพลาง เห่าอย่างเต็มที่ไปพลาง ดูอิ่มอกอิ่มใจนัก