Skip to content

สู่วิถีอสุรา 761

ตอนที่ 761 กล้าต่อกร

เถียนหลินเป็นหนึ่งในสองเจ้าปกครองโลกของดาวแดงเพลิง ด้วยฐานะเจ้าปกครองโลก บางทีอยู่บนดาวดวงอื่นๆ ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตอาจไม่ได้สูงส่งนัก ทว่าสำหรับดาวแดงเพลิงที่อยู่ตรงชายแดนแล้ว เขากับเจ้าปกครองโลกอีกคนเรียกได้ว่ามีอำนาจมากที่สุด

ฉะนั้นหลังจากเถียนหลินแสดงมารยาทในฐานะเดียวกันแล้ว ผู้ฝึกฌานรอบๆ ก็ต่างประสานมือคารวะซูหมิงพร้อมกัน

ซูหมิงยืนอยู่บนหัวหงส์งูเพลิง ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ก่อนประสานมือคารวะตอบเถียนหลิน

“ข้าซูหมิง ข้าถูกชะตาสัตว์ตัวนี้เลยพามันออกมาด้วย หากสร้างความปั่นป่วนกับดาวนี้ต้องขออภัยด้วย” ตอนที่ซูหมิงกล่าว เถียนหลินเผยยิ้ม ในใจเกิดความรู้สึกดีกับซูหมิงเล็กน้อย

ในมุมมองเขา คำพูดซูหมิงไม่มีความโอหังใดๆ แต่ตอบกลับด้วยฐานะระดับเดียวกัน ถึงอย่างไรเรื่องความเคารพก็มักจะมาจากสองฝ่ายในระดับพลังใกล้เคียงกัน ตอนนี้เห็นซูหมิงเอ่ยอย่างเกรงใจ บวกกับเรื่องทุกอย่างก่อนหน้านี้ ในใจเขาจึงเกิดความคิดอยากจะผูกมิตรมากกว่าเดิม

“สหายซูเกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องขอโทษขอโพยพวกนี้ข้ามิบังอาจรับไว้ อีกเดี๋ยวแซ่เถียนกับสหายซูค่อยคุยกันจะดีกว่า ตอนนี้แซ่เถียนขอแนะนำสหายท่านหนึ่งให้กับสหายซูก่อน” เถียนหลินไม่มองผู้ฝึกฌานรอบๆ ในสายตาเขา นอกจากสัตว์ร้ายที่สูญเสียสติปัญญาเหล่านั้น บนดาวแดงเพลิงก็มีเพียงคนเดียวที่เขาให้ความสำคัญ ทว่าตอนนี้มีซูหมิงเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว

ขณะเดียวกับที่เอ่ยก็มีเสียงหึเย็นชาแว่วมาจากความว่างเปล่า จากนั้นตรงหน้าเถียนหลินทางตะวันออกของดาวแดงเพลิงมีบุคคลผู้หนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่า นางเป็นหญิงชรา รอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า ดวงตาเปล่งแสงหม่น เส้นผมยุ่งเหยิง ทว่ากลับมีกลิ่นอายชั่วร้ายแฝงอยู่คล้ายกับวิญญาณร้าย พอปรากฏตัวแล้วก็มองซูหมิง นัยน์ตาขยับประกายแสงหม่น

ซูหมิงยืนอยู่บนศีรษะหงส์งูเพลิง เงยหน้าขึ้นไม่หลบตาหญิงชราแม้แต่น้อย

นัยน์ตาหญิงชราขยับแสงหม่น ส่วนนัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชาคล้ายไม่มีความรู้สึกใดๆ หลังจากสองคนสบตากันกลางอากาศแล้ว หญิงชราก็หรี่ม่านตาลงแล้วเบนสายตาจากซูหมิงไปมองหงส์งูเพลิงก่อน จากนั้นมองหินผลึกแปดสีในมือเขา ครู่ต่อมาจึงอ้าปากเอ่ยเสียงแหบแห้ง

“ข้าเหมยหลัน สหายซูคงจะผ่านทางมายังดาวแดงเพลิง ฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่หาขอบเขตมิได้ ผู้มาเยือนจากที่ห่างไกลล้วนเป็นแขก ท่านพักผ่อนเสียหน่อยดีกว่า เจ็ดวันจากนี้ข้ากับสหายเถียนจะคุ้มกันสหายซูจากไปเอง นี่คือวิถีของเจ้าบ้าน”

หญิงชราแสร้งยิ้ม น้ำเสียงคล้ายฟันเสียดสีกัน ไม่น่าฟังเอาเสียเลย พอเข้าถึงหูผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนยังทำให้พวกเขาเจ็บปวดในใจ

เถียนหลินข้างๆ ขมวดคิ้ว มองหญิงชราแล้วก็มีสีหน้าเหมือนใคร่ครวญ

ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ เพียงแต่นัยน์ตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เขาย่อมเข้าใจความหมายแฝงจากคำพูดอีกฝ่าย นั่นคือให้ตนออกจากดาวแดงเพลิงไปโดยเร็วที่สุด อย่าอยู่ที่นี่นานนัก อย่างมากสุดเพียงเจ็ดวัน

“สหายเถียนก็คิดเห็นเช่นนี้เหมือนกันรึ” ซูหมิงมองเถียนหลินพลางเอ่ยเรียบๆ

เถียนหลินขมวดคิ้ว ขณะตรึกตรองอยู่ยังไม่ทันตอบ หญิงชราก็แค่นเสียงเย็นชา

“อะไรรึ หรือว่าสหายซูอยากอยู่ดาวแดงเพลิงระยะยาว”

“เดิมทีไม่คิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้แซ่ซูเปลี่ยนใจแล้ว อยู่ที่นี่ระยะยาวดีกว่า” น้ำเสียงซูหมิงไม่ช้าไม่เร็ว แต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชา ทำให้ปรากฏเกล็ดหิมะมายารอบๆ ตัว

เขารู้ว่าวันนี้ถอยไม่ได้ หากถอยไป ไม่เพียงจะปักหลักที่นี่ไม่ได้ แต่ยังทำให้คนอื่นเกิดความสงสัย ยิ่งในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตซึ่งมีกฎปลาเล็กกินปลาใหญ่นี้ เว้นแต่ตนจะออกจากดาวแดงเพลิงไปทันที มิเช่นนั้นแล้วหากแสดงความอ่อนแอจะต้องเกิดเรื่องแน่

ครั้นเจอกับท่าทีแข็งกร้าวและคำพูดเฉยชาของซูหมิง หญิงชราเงียบงัน พอพิจารณามองเขาอย่างละเอียดแล้ว ในใจนางก็นึกสงสัยเช่นกัน ทว่าไม่นานก็ยิ้มเยาะ

“ในเมื่ออยากอยู่ระยะยาว เช่นนั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าสหายซูอำพรางขั้นพลังหรือไม่ หากมีเพียงสัตว์ตัวหนึ่งกับหินผลึกแปดสี สหายซูคงไม่มีคุณสมบัติปักหลักอยู่ที่นี่!” หญิงชรากล่าวเสียงเย็นชาและยังเดินหน้ามาหนึ่งก้าว ก่อนระเบิดพลังของเจ้าปกครองโลกออกมา พลังนี้ม้วนตลบฟ้าดิน ทำให้ท้องฟ้าในเขตนี้ปรากฏระลอกคลื่นขยายออกเป็นวงกว้าง แรงกดดันมหาศาลกดทับฟ้าดิน ผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนหายใจกระชั้นและพากันถอยไป

ในมุมมองพวกเขา นี่คือการต่อสู้ของเจ้าปกครองโลก การต่อสู้แบบนี้พบเห็นไม่บ่อยบนดาวแดงเพลิง ได้เห็นกับตาอาจมีประโยชน์ต่อการฝึกฝน โดยเฉพาะผู้ฝึกฌานระดับฟ้าดวงตายิ่งเป็นประกายวาววับ

“ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสเหมยก้าวสู่ระดับโลก กลายเป็นเจ้าปกครองโลกเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน ตอนนี้ไม่รู้ว่าขั้นพลังเป็นอย่างไรแล้ว แต่ที่นี่มีทรัพยากรน้อยนิด พลังแห่งโลกก็ยิ่งหายาก คาดว่าน่าจะอยู่ธรณีประตูระดับโลกตอนต้น…..”

“ต่อให้อยู่ธรณีประตูระดับโลกตอนต้นก็มีพลังทำลายล้างโลก ตระหนักรู้การแปรเปลี่ยนของฟ้าดิน ผสานรวมกับดาวแดงเพลิงเป็นหนึ่งเดียว….”

ในบรรดาผู้ฝึกฌานหลายร้อยคนที่ถอยออกไปรอบๆ พลันมีหลายคนสนทนากัน ทว่าเสียงส่วนใหญ่จะแว่วมา ไม่ได้โพล่งกล่าวขึ้น

แทบเป็นช่วงที่หญิงชราก้าวเดินและระเบิดพลังเจ้าปกครองโลก หงส์งูเพลิงใต้เท้าซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงสะเทือนนภา ซูหมิงรู้สึกถึงแรงกดดันจากตัวหญิงชราทันที เขายกมือขวาขึ้น พลันปรากฏกระบี่สังหารที่ส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในมือ

มีหงส์งูเพลิงอยู่ก็ช่วยสลายแรงกดดันจากอีกฝ่ายได้ อีกอย่างแม้ตอนนี้ซูหมิงยังอยู่ระดับดิน แต่ขณะเดียวกับที่กระบี่สังหารแผ่กระจายไอหนาวเยือก ยังมี…กลิ่นอายชั่วร้ายที่เหมือนยับยั้งอยู่ในตัวเขาด้วย มันเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหาย เข้าต่อต้านกับแรงกดดันของหญิงชรา

เห็นการต่อสู้จะเริ่มขึ้นแล้ว เถียนหลินจึงเดินหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่ระหว่างหญิงชราเหมยหลันกับซูหมิง

“ทั้งสองท่านไม่มีความแค้นฝังลึกต่อกัน ไม่เห็นจะต้องสู้กันเลย” เถียนหลินถอนหายใจ

“สหายเหมยหลัน ข้ากับเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร อยู่กันอย่างสงบมาโดยตลอด ต่างฝ่ายต่างไม่รุกรานกัน ปกติก็จะคุยกันด้วยเหตุผล เดิมทีข้าไม่ควรขวางเจ้าลงมือ

ทว่าเจ้าต้องใคร่ครวญให้ดี หินผลึกแปดสีของสหายซูหายาก แม้จะมีเพียงก้อนเดียว แต่ก็ผนึกวิญญาณเจ้าได้หลายลมหายใจ…”

“ตอนวิญญาณถูกผนึก หากเจ้าไม่ลงมือข้าก็มีวิธีหลุดออกมา จากนี้ข้าจะไปจากดาวแดงเพลิงที่ใกล้จะกลายเป็นดาวแห่งความขัดแย้งดวงนี้เสีย” หญิงชรายิ้มเยาะพลางกล่าว

เถียนหลินยิ้มเฝื่อน หญิงชราก็กล่าวต่อ

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะอ่านเจตนาข้าไม่ออก ดาวแดงเพลิงไม่ใช่ว่าจะรับเจ้าปกครองโลกคนที่สามไม่ได้ และก็ไม่ส่งผลถึงการฝึกฝนของข้าด้วย ถึงอย่างไรที่นี่ก็เคยมีเจ้าปกครองโลกสามคน

ทว่า…เขาเปิดผนึกของหงส์งูเพลิง เรื่องนี้อย่างเร็วก็หลายปี อย่างช้าก็เก้าปี หากผู้รักษาการณ์ลาดตระเวนมาอีกครั้งแล้วรู้เข้า จะต้องลงมาตรวจดาวแดงเพลิงครั้งใหญ่แน่นอน ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ข้าเลย เจ้าก็ด้วย กระทั่งผู้ฝึกฌานทุกคนที่นี่ด้วย…เฮอะๆ ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นโทษประหาร”

หญิงชราจ้องซูหมิง แต่คำพูดเอ่ยกับเถียนหลิน

“เว้นแต่เขาจะออกจากที่นี่ไป!” หญิงชรายกมือขวาขึ้น ระลอกคลื่นด้านหลังนางพลันหยุดชะงักแล้วรวมมายังมือขวานางพร้อมกัน

“ส่งหงส์งูเพลิงกลับเข้าไปในผนึก แล้วให้เขาออกไป ก็จะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติครั้งนี้ได้!”

“…ข้าหวังว่า ที่นี่จะกลายเป็นดาวทมิฬดวงที่สอง” เถียนหลินเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น สีหน้ามีความเด็ดขาด

“เจ้าจะขวางข้าจริงๆ รึ?” นัยน์ตาหญิงชรามีประกายเย็นชาวูบผ่าน เห็นเถียนหลินยังคงยืนอยู่ นางจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ลดมือขวาลงอย่างช้าๆ แล้วมองซูหมิง

“ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้แปดปี แปดปีจากนี้หากเจ้ายังไม่ไป ข้าจะสังหารเจ้าเพื่อดาวแดงเพลิง!” หญิงชราหมุนตัวกลับ ตอนที่กำลังจะจากไปยังมองเยวี่ยหงปังที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง ดวงตาแวววาวยามยกมือขวาชี้เยวี่ยหงปัง

“ผู้เป็นรากเหง้าแห่งหายนะ จะต้องสังหารให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง!”

เมื่อชี้ไป เยวี่ยหงปังหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน เขาถอยหลังไปอย่างรีบร้อน มวลอากาศรอบตัวเขาปรากฏเส้นสีดำสามเส้นขึ้น ก่อนที่สามเส้นนั้นจะหดตัวด้วยความเร็วสูงยิ่งพร้อมกันเพื่อแยกร่าง

เยวี่ยหงปังมีสีหน้าตื่นกลัวและบ้าคลั่ง เขาไม่ได้ขอให้ซูหมิงช่วย เขาเข้าใจว่าในตอนนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับซูหมิง เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเจ้าปกครองโลก อีกทั้งยังเห็นได้ว่านี่คือการสังหารตนเพื่อระบายโทสะ เขาจึงกัดฟันระเบิดพลังระดับฟ้า ช่วงที่สามเส้นนั้นหดเข้ามา ร่างเขาก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ทว่าร่างกายที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กลับไม่มีโลหิต แต่กลายเป็นไผ่แห้งอย่างเร็วรี่ เยวี่ยหงปังเดินออกมาจากอากาศบิดเบี้ยวห่างไปอีกสิบกว่าจั้ง กระอักโลหิตกองใหญ่ สีหน้าห่อเหี่ยว ใบหน้าซีดขาว เห็นได้ว่าภยันตรายเมื่อครู่นี้เขาใช้ของป้องกันตัว แม้จะเลี่ยงความตายได้ก็ยังบาดเจ็บ

“หืม? บรรพบุรุษของเจ้าคือผู้เฒ่าคูจู๋…ช่างเถอะ เห็นแก่ไมตรีจิตของคูจู๋ในอดีต ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” หญิงชรามองไผ่แห้งแตกเป็นเสี่ยงๆ สีหน้าหมองหม่นเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวจากไปโดยไม่สนใจใครอีก

แม้แต่เถียนหลินยังมองไผ่แห้งพวกนั้น แล้วมองเยวี่ยหงปังอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

เยวี่ยหงปังหน้าซีดขาว ก้มหน้าลงไม่กล่าวอะไร

หลายร้อยคนรอบๆ เห็นดังนั้นแล้วก็พากันรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ รู้ว่าคงไม่เกิดการต่อสู้ขึ้นแล้ว

ทว่าทันใดนั้น ซูหมิงกลับเอ่ยด้วยความเย็นชา

“หักหน้าแซ่ซู คิดสังหารผู้ติดตามแซ่ซู เหมยหลัน เจ้าคิดจะจากไปแบบนี้รึ” เมื่อสิ้นสุดเสียง ซูหมิงระเบิดกลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาลโดยไม่ยับยั้งไว้อีก ทำให้ผู้คนโดยรอบล้วนหน้าเปลี่ยนสี

กลิ่นอายชั่วร้ายทรงพลังขนาดนี้ ทุกคนที่นี่แทบไม่เคยเจอมาก่อน ต่อให้อยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็มีน้อยครั้งมากที่จะรู้สึกถึงกลิ่นอายชั่วร้ายที่เข้มข้นขนาดนี้จากคนคนหนึ่ง มันเป็นกลิ่นอายชั่วร้ายที่ไม่ใช่ของหนึ่งชีวิต แต่รวมขึ้นจากวัฏจักรชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนจนออกมาเป็น…ความชั่วร้ายอันน่าสะพรึงกลัว!

หากให้หญิงชราจากไปเช่นนี้ ซูหมิงรู้ดีว่าการปักหลักบนดาวแดงเพลิงของตนจะต้องสั่นคลอนแน่ วิธีเลี่ยงปัญหานี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือ…กล้าต่อกรด้วย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version