ตอนที่ 808 ปราบปราม
‘ในเมื่อเคลื่อนย้ายพริบตามาหาข้า และสีหน้ายังไม่ตกใจอีก เขาต้องมีความมั่นใจว่าจะสังหารข้าได้อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์เหี้ยมโหดจากข่าวลือที่ว่าเขาสังหารทุกคนบนดาวสมบัติสวรรค์ คงไม่มีทางเด็ดขาดถึงเพียงนี้แน่’ ขณะเดียวกับที่ชายชราเสื้อคลุมฟ้าแผ่กระจายพลังแห่งโลก ความคิดก็แล่นผ่านในหัวอย่างรวดเร็ว
หลังแผ่พลังแห่งโลกอย่างไม่ลังเลแล้ว ก็ยกสองมือขึ้นโค้งตัวกดไปทางฟ้ากระจ่างดาว
พร้อมกันนั้นมีเสียงคำรามต่ำแว่วมาจากหลายจุดโดยรอบ หมอกสีฟ้าขยายไปหลายหมื่นจั้งจากรอบทิศ
“แปดทิศคารวะ”
เสียงนี้คล้ายกับว่ามีคนหลายหมื่นตะโกนพร้อมกัน ตอนที่เสียงดังกังวานรอบๆ พลันปรากฏร่างเงาเลือนรางทีละคนในทะเลหมอกหลายหมื่นจั้ง ร่างเงาเหล่านั้นมีอยู่เต็มไปหมด รวมแล้วมากกว่าหลายหมื่นคน
มีบุรุษมีสตรี มีคนชราและเด็ก ใบหน้าพวกเขาไร้อารมณ์ แต่นัยน์ตากลับบ้าคลั่ง ร่างเงามายาไม่ใช่ของจริง ทว่าระหว่างที่ปรากฏตัวขึ้นกลับยกสองมือแล้วโค้งคำนับพร้อมกันเหมือนกับชายชราเสื้อคลุมฟ้า
โครม! แรงกดดันมหาศาลสั่นสะเทือนฟ้ากระจ่างดาว ซูหมิงพลันรู้สึกถึงพลังที่คล้ายพลานุภาพสวรรค์กำลังกดทับลงมา เมื่อผนึกทางซ้ายขวาหน้าหลังตนแล้วก็รวมขึ้นเป็นแรงกดทับ ราวกับมีมือใหญ่มากมายอยู่รอบตัว หมายจะบีบตนให้แหลก
ซูหมิงแค่นเสียงเย็นชา เมื่อคำพูดว่า ‘พลังแห่งวงแหวนอาคม’ ที่เขาเอ่ยเมื่อครู่ดังกึกก้อง ใต้เท้าเขาปรากฏวงแหวนอาคมสีแดงขึ้นทันที มันขยับแสงวูบวาบ เพิ่งปรากฏก็มีพื้นที่ราวสิบจั้งแล้ว
ทว่าวินาทีที่มันปรากฏ กลับขยายออกอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีเดียวก็กลายเป็นหลายร้อยหลายพันจั้ง ก่อนจะเข้าปะทะซึ่งหน้ากับทะเลหมอกครามที่สร้างจากพลังแห่งโลกของชายชรา รวมถึงแรงกดทับจากการคารวะรอบทิศ
ตึง ตึง ตึง!
ฟ้ากระจ่างดาวเกิดรอยแยก มวลอากาศว่างเปล่าเกิดแรงปะทะบ้าคลั่ง วงแหวนอาคมสีโลหิตใต้เท้าซูหมิงขยายออกเป็นสามหมื่นจั้ง และยังคงปะทะกับทะเลหมอกพลังแห่งโลกของชายชราไม่หยุด
ครืน ครืน ครืน!
ชายชราหน้าเปลี่ยนสี ทะเลหมอกปะทะกับวงแหวนอาคมสีแดงของซูหมิงจนพังทลายลง ภายใต้แรงปะทะที่ม้วนตลบ ตัวเขากระเด็นถอยไปทันใด เมื่อถอยไกลออกไปนอกเขตพันจั้งแล้วก็มีสีหน้าจริงจัง
ซูหมิงกระเด็นถอยเพราะแรงปะทะเช่นกัน ทว่าถอยไปเพียงร้อยจั้งเท่านั้น
ใต้เท้าเขาเป็นวงแหวนอาคมสีแดงทั้งหมด แม้ตัวเขาจะไม่ใช่เจ้าปกครองโลก แต่ก็มีพลังวงแหวนอาคมเสริมอยู่ ขอเพียงอยู่ในพื้นที่วงแหวนอาคมผนึกจิตที่ปกคลุมอยู่ทั้งฟ้าแห่งนี้ เขาจะใช้พลังของมันได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ด้วยพลังนี้เขาจะใช้พลังได้คล้ายกับระดับเจ้าปกครองโลก ตอนนี้วงแหวนอาคมหลายหมื่นจั้งใต้เท้าขยับแสงวูบวาบอย่างรวดเร็ว ภายใต้แสงสีแดงเหลือคณานับ เขาเงยหน้าขึ้นทำสัญลักษณ์มือขวาโบกไปข้างหน้า
ฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้าสั่นสะเทือนโดยพลัน วงแหวนอาคมสีโลหิตเผยขึ้นอีกวงหนึ่ง วงแหวนอาคมนี้ตั้งขึ้นดุจดั่งกำแพง จากนั้นก็พุ่งตรงไปหาชายชราเสื้อคลุมฟ้าที่อยู่ห่างไปพันจั้งด้วยความเร็วสูงยิ่ง
ระหว่างเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว วงแหวนอาคมสีแดงตั้งตรงนี้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็มีขนาดหมื่นจั้ง มองจากไกลๆ ไม่น่ากลัวเท่าไร แต่หากมองใกล้ๆ จะยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบ ความเร็วยิ่งไม่อาจบรรยายได้ เสี้ยววินาทีเดียวก็เข้ามาใกล้แล้ว
นัยน์ตาชายชราเสื้อคลุมฟ้าฉายแววเหลือเชื่อ แม้เขายังไม่บรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แต่ก็อยู่จุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนต้น มีประสบการณ์มากมาย แวบแรกที่เห็นวงแหวนอาคมใต้เท้าซูหมิงเมื่อครู่ก็เกิดความรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อยแล้ว แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ใด ยามนี้พอเห็นวงแหวนอาคมเข้ามาใกล้ก็เกิดเสียงโครมดังในความคิด เขานึกออกแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ นะ….นี่มันวงแหวนอาคมผนึกจิต มีเพียงรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงเท่านั้นถึงจะใช้ได้ จะ…เจ้าเป็นผู้รักษาการณ์!” การค้นพบครั้งนี้ทำให้ชายชราแทบวิญญาณออกจากร่าง เขาใคร่ครวญเป็นร้อยๆ รอบจนออกมาเป็นความคิดที่เหลวใหลยิ่ง
‘หรือว่าการประกาศจับครั้งนี้จะเป็นแผนการร้าย เป็นแผนการร้ายของสี่มหาโลกแท้จริงที่จะสังหารพวกเรา! ทว่านี่…’ ชายชราตาแดงก่ำ ร้องคำรามเสียงดัง เสื้อคลุมทั่วร่างพองขึ้น ทะเลหมอกจากพลังแห่งโลกด้านหลังม้วนตลบ ร่างคนหมื่นคนปรากฏออกมาแล้วประสานมือคารวะอยู่ด้านหลังเขา
เริ่มคารวะจากคนสุดท้ายมาถึงหน้าสุด ระหว่างคารวะอยู่นี้มองไปแล้วคล้ายกับลูกคลื่น สุดท้ายตอนที่คลื่นม้วนมาถึงชายชรา เขาก็ประสานมือคารวะไปทางวงแหวนอาคมสีแดงที่กำลังตรงเข้ามาหา
โครม! มวลอากาศตรงหน้าชายชราสั่นไหว แล้วปรากฏเป็นร่างมายาขนาดหลายหมื่นจั้งร่างหนึ่ง ร่างมายานี้ไม่ใช่ร่างคน แต่เป็นมือสองมือกอดไขว้อยู่ด้วยกัน มือนั้นเป็นของชายชราและก็เป็นของหมื่นคนด้านหลัง
หลังจากปรากฏมือมายาตรงหน้าชายชราที่ก้มคารวะ ร่างมายานี้ก็ปะทะเข้ากับวงแหวนอาคมที่กำลังตรงเข้ามาทันที
ปัง ปัง ปัง! มือมายาค่อยๆ แหลกเป็นเสี่ยงๆ
เส้นผมชายชราปลิวไสวอย่างบ้าคลั่งภายใต้แรงปะทะ ราวกับมีพายุพัดผ่านใบหน้า ร่างคนหมื่นคนด้านหลังสลายหายไปทั้งหมด พร้อมกันนั้นวงแหวนอาคมสีแดงก็เข้ามาถึงโดยพลัน วินาทีที่ปะทะกับชายชรา วงแหวนอาคมกลับกลายเป็นตาข่ายใหญ่สีแดงห่อหุ้มชายชราเอาไว้เป็นการกำราบ
ในเวลาเดียวกัน ร่างซูหมิงแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นเศษนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไป ทะลวงผ่านตาข่ายใหญ่วงแหวนอาคมและแทงเข้าในตัวชายชรา ก่อนสูบความทรงจำ กลืนกินพลังแห่งโลก สูบพลังเลือดเนื้อของอีกฝ่าย ครู่ต่อมาหลังจากร่างชายชราหายไป เศษชิ้นส่วนจำนวนมากก็พุ่งออกมารวมกันกลางฟ้ากระจ่างดาวแล้วกลายเป็นซูหมิง
ร่างกายซูหมิงฟื้นคืนสภาพจากเหี่ยวแห้งในเสี้ยววินาที พลังแห่งโลกเข้มข้นแผ่กระจายออกจากร่างกาย ดวงตาสองข้างเปล่งประกาย
‘สูบพลังแห่งโลกอีกคน ข้าก็จะสัมผัสถึงปราการของระดับฟ้าอย่างสมบูรณ์ หลังข้ามผ่านด่านเคราะห์ไป หากสำเร็จร่างกายข้าจะบรรลุถึงระดับเจ้าปกครองโลก!’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเฝ้ารอคอย รู้สึกถึงความแกร่งของวงแหวนอาคม นั่นคือการกำราบโดยมีพลังเหนือกว่า ไม่ให้อีกฝ่ายได้ขัดขืนแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่อาจถือว่าซูหมิงเป็นคนลงมือ คนที่สู้กับชายชราเสื้อคลุมฟ้าไม่ใช่เขา แต่เป็นวงแหวนอาคมผนึกจิตที่ครอบคลุมอยู่ทั่วฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้
แม้จะใช้พลังวงแหวนอาคมได้เพียงสองส่วน ทว่าการจะกำราบผู้ฝึกฌานระดับโลกตอนต้นคนหนึ่งก็เป็นเรื่องง่ายดาย
ซูหมิงกำหมัดช้าๆ ความรู้สึกแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอบอวลอยู่ในใจ ถึงจะไม่ใช่พลังของเขาจริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเป็นของเขา
เมื่อซูหมิงมองหมัดตัวเองพลางค่อยๆ คลายมือออกแล้ว การเข่นฆ่าก็เริ่มขึ้นในฟ้ากระจ่างดาวตั้งแต่บัดนี้ การเข่นฆ่าดำเนินไปไม่นานนัก เขาสังหารไปเพียงสามคนก็ใช้การเคลื่อนย้ายพริบตาจากไป เพราะเขาสัมผัสถึงปราการระดับฟ้าแล้ว
วิชาเงากลืนนภาบรรลุถึงจุดอิ่มตัว จึงไม่อาจสูบพลังแห่งโลกได้อีก และที่สำคัญคือเขารู้สึกว่าภัยพิบัติครั้งแรกของวิชาเงากลืนนภาจะมาในอีกไม่กี่วันนี้
ซูหมิงเอาชนะสามคนนี้อย่างง่ายดาย เขามีการเคลื่อนย้ายพริบตาในระยะสั้นจึงไปในจุดที่อยากไปได้ทุกที่ ต่อให้มีคนเคลื่อนย้ายพริบตาหนีไปเช่นกัน ก็มีการระบุเป้าหมายจากเงาสะท้อนมายาอยู่ เขาจึงตามไปได้
พลังแห่งวงแหวนอาคมทำให้เขามีแนวรบสีโลหิตคล้ายกับพลังแห่งโลก ตอนที่เผชิญหน้ากับเจ้าปกครองโลก มันจะเสริมส่วนที่อ่อนแอที่สุดของเขาให้สมบูรณ์แบบ
การกำราบนี้อาศัยความสามารถของวงแหวนอาคม ใช้อาคมผนึกจิตกวาดไปรอบๆ บางทีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องครั้งนี้อาจไม่ยุติธรรมนัก เพราะผู้ตายเหล่านั้นไม่ได้ตายด้วยมือเขา แต่ตายด้วยวงแหวนอาคมผนึกจิต
หลังจากสังหารสามคนนั้นแล้วซูหมิงก็จากไป เขาไม่ได้ไปหากระบี่โบราณสัมฤทธิ์เก้าเล่มเหล่านั้น เว้นเสียแต่จะใช้พลังแห่งวงแหวนอาคมได้มากกว่านี้อีก มิเช่นนั้นแล้วเขาจะไม่ยอมเข้าใกล้ปราณกระบี่ที่สามารถทำลายดาวสมบัติสวรรค์ง่ายๆ แน่
หลายวันต่อมา ในหินผุพังกลุ่มหนึ่งที่ลากผ่านกลางฟ้ากระจ่างดาว ซูหมิงนั่งฌานอยู่บนหินก้อนหนึ่งในนั้น ชื่อหั่วโหวอยู่ไม่ไกลกัน คอยเฝ้าระวังให้ซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง กระเรียนขนร่วงก็นอนหมอบอยู่ข้างๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเซ่อๆ เป็นบางครั้ง เห็นได้ว่ามันกำลังนึกถึงหินผลึกของตนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยใจที่ตื่นเต้นยิ่งนัก
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว เหตุที่เลือกหินผุพังเป็นจุดนั่งฌานก็เพราะว่ามันเคลื่อนตัวตลอดเวลา อีกทั้งความเร็วยังไม่ช้าด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกไข่มุกโลหิตระบุตำแหน่ง หากเป็นสถานที่ที่หยุดนิ่ง วิชามิติบิดเบี้ยวเจ็ดวันจะไม่มีประโยชน์
ยามนี้ร่างกายเขาเว้านูนยึกยือ เส้นเลือดดำปูดโปน และยังมีอักขระเป็นเส้นๆ ขยับวูบวาบรางๆ ราวกับอยู่ท่ามกลางโลหิต ครั้นโลหิตไหลเวียน ทั่วร่างเขาจะดูคล้ายกับว่ามีอักขระไหลเวียนและขยับไหวอยู่นับไม่ถ้วน
‘ด่านเคราะห์แรกของวิชาเงากลืนนภาคือภัยพิบัติเพลิงแผดเผา หลังผ่านภัยพิบัตินี้ไป ร่างกายเจ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อผสานรวมกับพลังแห่งโลกแล้ว ร่างกายเจ้าจะบรรลุถึงระดับเจ้าปกครองโลก
ทว่าเจ้าต้องรีบหาร่างแยกอีกร่างให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นหากถึงจุดอิ่มตัวครั้งที่สองแล้วภัยพิบัติครั้งที่สองมาถึง ไม่ว่าเจ้าทำสำเร็จหรือล้มเหลว วิญญาณเจ้าจะหลอมรวมกับร่างกายนี้อย่างสมบูรณ์แบบ จากนี้ไปจะมีร่างแยกอีกไม่ได้
จำเอาไว้ จงจำเอาไว้’ นี่คือคำพูดกำชับอย่างจริงจังของชื่อหั่วโหวก่อนซูหมิงจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งนี้
เวลาค่อยๆ ผ่านไป อักขระในร่างกายซูหมิงไหลเวียนเร็วขึ้นเรื่อยๆ และยังมีเส้นเปลวไฟพ่นมาจากรูขุมขนจนปกคลุมทั่วร่าง แผดเผาร่างกายเขา เปลวเพลิงพ่นออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั่วร่างเขาจึงถูกโอบล้อมอยู่ในทะเลเพลิง
ระหว่างที่ซูหมิงกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติบนหินผุพัง ก็มีประกาศจากเขตดาราของรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริง ประกาศนี้สร้างความตกใจกับผู้ฝึกฌานแทบทุกคน กระทั่งตาแก่ที่ปิดด่านนั่งฌานตลอดปีไม่ยอมออกมา ประกาศก็ยังถูกส่งไปถึงจุดนั่งฌานของพวกเขา
“ผู้สังหารโม่ซู รางวัลคือหินโลกหนึ่งพันก้อนกับดาวแท้จริงหนึ่งดวงที่ถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ดาวผุพัง และยังมีต้นกำเนิดโลกสมบูรณ์แบบ!”
ประกาศนี้สั่นสะเทือนเขตดาราวงแหวนบูรพา ไม่ใช่เพียงผู้ฝึกฌานในเขตดารานี้เท่านั้นที่เคลื่อนไหว ผู้ฝึกฌานอีกสามเขตก็ต่างเร่งรีบมากันที่นี่
ขณะเดียวกันผู้รักษาการณ์โลกหยินศักดิ์สิทธิ์ที่ไล่ล่าซูหมิงอยู่ก็เพิ่มจำนวนคนขึ้นอีก พวกคนใหม่อย่างเช่นเจ๋อหรงเซิน หลีหั่ว และจีอวิ๋นไห่ล้วนถูกส่งออกมาเพื่อตามหาโม่ซูในเขตดาราวงแหวนบูรพาด้วย
โลกแท้จริงดาราสัจธรรมกับโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ต่างส่งผู้รักษาการณ์ออกไปเข้าร่วมการล่าสังหารครั้งนี้ นอกจากโลกแท้จริงที่สี่ซึ่งลึกลับมาโดยตลอดแล้ว อีกสามโลกล้วนส่งคนออกไป
นอกจากนี้ยังมีแสงสายรุ้งเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากเขตดาราของฐานที่มั่นโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าไปยังฐานทัพใหญ่ ในสายรุ้งยาวนั้นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีสีหน้าทะมึน ตรงระหว่างคิ้วมีสัญลักษณ์ดอกท้อ เขาถือม้วนคำสั่งม้วนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังฐานทัพใหญ่เพื่อรายงานเรื่องนี้กับสี่แม่ทัพ มิหนำซ้ำยังไปตรวจสอบบันทึกทั้งหมดตลอดหลายหมื่นปีมานี้เพื่อหาประวัติของคนชื่อโม่ซู หาว่าบุคคลนี้ถูกส่งมาแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเมื่อใด มาจากโลกแท้จริงใด และทำผิดร้ายแรงอะไร