Skip to content

สู่วิถีอสุรา 807

ตอนที่ 807 แดนประหลาด

เงาสะท้อนมายาตรงหน้าซูหมิงยิ่งใหญ่มาก เปิดเผยลักษณะน้ำเต้าครึ่งหนึ่งอย่างชัดเจน กระทั่งซูหมิงเพียงมองไปจุดหนึ่ง ในความคิดจะลอยขึ้นมาเป็นเงามายาวัตถุกับคนตรงบริเวณนั้น

ความรู้สึกนี้เหมือนกับเขาควบคุมฟ้ากระจ่าวดาวแดนนี้ ทุกสิ่งมีชีวิตในฟ้าล้วนไม่มีที่หลบซ่อน ต้องประจักษ์ในสายตาเขาอย่างแจ่มชัด

ต่อให้ซูหมิงเป็นคนเฉยชา แต่พอเห็นภาพนี้แล้วกลับจิตใจสั่นไหวและดูเหลือเชื่อ เขาพลันเข้าใจแล้วว่าความแกร่งของผู้รักษาการณ์มาจากที่ใด นอกจากขั้นพลังแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือสามารถเฝ้ามองได้ทั้งอาณาจักรดารา

มีเงาสะท้อนนี้อยู่ มันจะเป็นแดนไร้พ่ายของพวกเขา

เขาเห็นจุดสีขาวนับไม่ถ้วน เห็นดาราจำนวนมาก เห็นสี่เขตในแดนรกร้างคนบาป และเห็นว่าสี่เขตนี้มีขุมอำนาจฐานที่มั่นรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงแบ่งกันไปอยู่สี่ทิศ

ขณะเดียวกัน เขายังเห็นวงแหวนอาคมผนึกอวกาศที่กระเรียนขนร่วงเอ่ยถึง วงแหวนอาคมนี้คล้ายแม่น้ำยาวสายหนึ่ง อยู่ระหว่างพื้นที่ใหญ่ทั้งสี่ของแดนรกร้างคนบาปกับขุมอำนาจสี่ทิศของฐานที่มั่นผู้รักษาการณ์ มันคล้ายกับร่องหุบเขา ทำให้ไม่รู้กี่ปีมานี้ไม่มีใครข้ามออกจากแดนรกร้างคนบาปไปได้

เขายังเห็นดาวทมิฬด้วย มันเป็นดาวดวงหนึ่งตรงขอบแดนรกร้างคนบาป เครื่องหมายสีคือสีม่วงอมแดง ห่างจากที่นี่ไปไกลยิ่งนัก

หลังกวาดสายตามองเงาสะท้อนมายาแล้ว ซูหมิงก็พบที่แปลกๆ อยู่หลายจุด สถานที่เหล่านี้บนเงาสะท้อนเป็นสีแดงสดราวกับโลหิต พอมองไปจะเกิดความรู้สึกหวาดกลัว ในใจอดเกิดความรู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรงไม่ได้

อีกทั้งวงแหวนอาคมเพียงปกคลุมสถานที่เหล่านี้แบบคร่าวๆ เท่านั้น จึงมองเห็นไม่ละเอียด ช่วงที่ซูหมิงเพ่งสายตามองไปก็เกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นในใจ เหมือนว่ามีแรงดูดทรงพลังจะกลืนกินสายตาเขาทั้งหมด

สถานที่แบบนี้มีทั้งหมดสี่จุด มันเหมือนเต็มไปด้วยทะเลโลหิต แบ่งกันอยู่ในสี่เขตใหญ่ในแดนรกร้างคนบาป ตรงจุดที่ใกล้ที่สุดก็ห่างจากเขาไม่ไกลนัก

‘สี่ดาราจักรใหญ่ ทุกเขตล้วนมีสถานที่แบบนี้อยู่หนึ่งจุด’ ซูหมิงระงับความรู้สึกถึงอันตรายไป พอละสายตาแล้วความรู้สึกอันตรายก็หายไปเอง

“ที่นั่นคือแดนประหลาด” ชื่อหั่วโหวมองเขตสี่สถานที่สีแดงฉานพลางเอ่ยเสียงเบา

ซูหมิงไม่สนใจแต่หลับตาลง ก่อนจะค้นความทรงจำของผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าปกครองโลกที่เขาเคยใช้วิชาเงากลืนนภาสูบมา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น แล้วหรี่ตาลง

‘สี่แดนประหลาดใหญ่! ผู้เข้าไปจะต้องเกือบตาย หลายปีมานี้คนที่เข้าไปในแดนประหลาดทุกที่ล้วนมีชีวิตกลับมาน้อยมาก แม้แต่รักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงยังเลี่ยงสี่พื้นที่นี้ และมองว่าเป็นดินแดนแห่งความตาย…

รวมถึงทะเลดาราต้นกำเนิดจิตด้วย เรียกว่าเป็นห้าแดนต้องห้ามใหญ่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต’ ซูหมิงได้รับคำตอบมาจากความทรงจำแล้ว

“อะไรคือแดนประหลาด?” ซูหมิงมองชื่อหั่วโหว

“ก่อนของสงครามสี่มหาโลกกับโลกแท้จริงที่ห้า ฟ้ากระจ่างดาวผืนนี้เรียกว่าต้นกำเนิดจิต ไม่ใช่ของสี่มหาโลกแท้จริงหรือโลกแท้จริงที่ห้า แต่เป็นขอบเขตหนึ่ง และก็เรียกว่าแดนลึกลับ

ที่นี่มีตำนานมากมาย อีกทั้งตอนนั้นที่นี่มีก็แดนประหลาดเหล่านี้แล้ว และก็มีคนเคยไปสำรวจจำนวนมาก แต่มีกลับมาน้อยมาก

ทุกคนที่กลับมาจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องแดนประหลาด นานวันเข้าความอันตรายและลึบลับของที่นี่ก็กลายเป็นปริศนา”

“จนกระทั่งบรรพบุรุษรุ่นแรกของเผ่ายมโลกของเจ้าหรือจักรพรรดิโลกแท้จริงที่ห้ารอดชีวิตจากการสำรวจแดนประหลาดแห่งหนึ่ง ถึงจะเล่าไม่มาก แต่หลังจากนั้นขั้นพลังเขาก็ทะยานขึ้นอย่างน่ากลัว สุดท้ายตอนที่บรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ เขาพูดมาประโยคหนึ่ง

แดนประหลาด จุดเริ่มต้นแห่งแดนต้นกำเนิดจิต”

“มีน้อยคนมากที่รู้ว่าในแดนประหลาดเหล่านั้นมีอะไรกันแน่ ต่อให้เกิดสงครามของห้ามหาโลกแท้จริงพวกมันก็ยังไม่เป็นอะไร แม้กาลเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้พวกมัน…ก็ยังคงอยู่” ชื่อหั่วโหวกล่าวเสียงเบาพลางมองแดนประหลาดเหล่านั้น น้ำเสียงดูผ่านโลกมานานราวกับสายลมโบราณพัดมาจากอดีต

ซูหมิงมองแดนประหลาดที่ใกล้ตนมากที่สุดอย่างลึกๆ แวบหนึ่ง ผ่านไปชั่วครู่จึงละสายตากลับ แล้วมองตำแหน่งอื่นๆ บนเงาสะท้อนมายา

เขาเห็นฐานที่มั่นของสี่มหาโลกแท้จริง บริเวณนั้นเขาเห็นดาวสีฟ้าสิบเก้าดวงดูเด่นตาที่สุด กระจายกันอยู่ในฐานที่มั่นนั้น

ดาวแท้จริงจำนวนมาก จุดบ่งบอกถึงผู้รักษาการณ์นับไม่ถ้วน และยังมีน้ำวนนอกฐานที่มั่นสี่มหาโลก ตรงนั้นคือทางออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเพื่อไปยังสี่มหาโลกแท้จริง ไปยังโลกดาราสัจธรรม ไปยัง…แดนมรณะหยิน!

“อาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง หู่จื่อ เผ่าหมาน…บ้าน” ซูหมิงมองน้ำวนซึ่งหมายถึงทางออก ขณะพึมพำเสียงเบาก็พลันรู้สึกเจ็บปวดในใจ แม้จะเสียความเจ็บปวดไปแล้ว แต่พลังที่ผนึกความเจ็บปวดทำลายเพียงความเจ็บปวดทางกายเท่านั้น ไม่อาจลบความเจ็บปวดในใจได้

ผ่านไปพักใหญ่เขาถึงหลับตาลง ครั้นลืมตาขึ้นแววตาก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง ตอนที่มองไปยังฐานที่มั่นรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงกลับมีระลอกคลื่นคุ้นเคยส่งผ่านสู่จิตใจ ทำให้เขาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง

เขามองจุดที่หมายถึงผู้รักษาการณ์ในนั้น ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นภาพหนึ่ง

ในภาพนั้นเป็นชายร่างกำยำสวมเสื้อคลุมดำ ผิวหนังมีลายดำนับไม่ถ้วน ชายร่างกำยำผู้นี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนดาวแท้จริงที่มีดินสีดำ ตอนที่เขาหลับตานั่งฌานจะมีเส้นควันดำลอยออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ควันดำนั้นแฝงไว้ด้วยพิษร้ายแรง ทำให้ตรงจุดที่เขาอยู่ไม่เพียงแต่ดินที่กลายเป็นสีดำเท่านั้น ต้นไม้ใหญ่และหญ้ายังเหี่ยวเฉาทั้งหมดด้วย

ซูหมิงมองภาพนั้นในความคิด ก่อนหลับตาลงช้าๆ

“จีอวิ๋นไห่!” ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พึมพำเสียงเบา เขาจำตัวตนของบุคคลนี้ได้ ชายร่างกำยำคนนี้ก็คือจีอวิ๋นไห่หุ่นเชิดร่างแยกที่เขาหลอมออกมาในตอนนั้น!

ครั้งนั้นการปรากฏตัวของจีฮูหยินทำให้หงหลัวในร่างกายตื่นขึ้น เขาสร้างปัญหาให้ซูหมิงยาวเหยียด แต่ขณะเดียวกันก็ยังมอบโชควาสนาครั้งใหญ่ให้ ศพของจีอวิ๋นไห่ในนั้นเป็นซูหมิงที่หลอมมันเป็นร่างแยก

โดยเฉพาะแมลงปีกแข็งสีดำรอบตัวมัน และยังมีกำลังรบแก่กล้าของร่างแยก แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่เดินทางในโลกเก้าหยินจนออกมา เขาก็ยังหาร่างแยกที่หายไปไม่พบ

ตอนนี้พอมาเห็นอยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต เขาก็อดตะลึงงันไม่ได้

‘จีอวิ๋นไห่เป็นเพียงร่างแยก อีกอย่างเขาถูกจีฮูหยินฆ่าตายไปนานแล้ว…แต่เขาในตอนนี้ดูมีสติปัญญา แล้วเหตุใดในตัวเขาถึงมีพิษร้ายแรงเข้มข้นขนาดนั้นอยู่’

ซูหมิงมองภาพในความคิด ภาพต่างๆ ในโลกเก้าหยินวูบผ่านไป

ตอนนั้นหลังซูหมิงเจอศพพิษแล้วก็พาออกจากโลกเก้าหยิน สุดท้ายเขามอบให้เผ่าชะตาชีวิต ให้มันคอยปกป้องเผ่านี้ และก็ถือว่าเป็นการปัดภาระไป

‘จีอวิ๋นไห่…ข้าหาเขาไม่เจอตอนอยู่ในโลกเก้าหยิน ก็คิดว่าคงมีใครเอาเขาออกจากโลกเก้าหยินไปก่อนแล้ว ทว่าหลังจากข้าเป็นเทพหมาน เลยใช้จิตสัมผัสขยายไปทั่วแดนหมาน แต่ก็ยังตรวจไม่พบกลิ่นอายพลังของเขา

คาดเดาได้ว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ถูกเอาตัวไป แต่ยังอยู่ในโลกเก้าหยิน และติดตามกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ออกไปยัง…โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์!’ นัยน์ตาซูหมิงแวววาวพลางวิเคราะห์ในใจ

‘เขายังแกร่งขึ้นมากด้วย ไม่อยากเชื่อว่าจะบรรลุถึงระดับเจ้าปกครองโลกแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นก็เป็นผู้รักษาการณ์ไม่ได้…..น่าสนใจ’ ซูหมิงกวาดสายตามองเงาสะท้อน หรี่ม่านตาลงอีกครั้ง

เขาเห็นชัดว่าบนดาวที่จีอวิ๋นไห่อยู่ยังมีจุดแสงอีกสองจุด

‘เจ๋อหรงเซิน….หลีหั่ว พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือ?’ ซูหมิงพลันยืนขึ้น สีหน้าราบเรียบอ่านไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็มองไปทีละคนในเขตดาราของขุมอำนาจฐานที่มั่นสี่มหาโลกอันกว้างใหญ่

หลายชั่วยามต่อมา เขาเพ่งสายตามองจุดแสงหนึ่ง สีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย

‘เยี่ยวั่ง…’

ซูหมิงหลับตาลง ก่อนจะลืมตาในอีกครู่หนึ่ง เบนสายตาจากเขตดาราฐานที่มั่นของสี่มหาโลกมายังตำแหน่งของตัวเอง แล้วมองไปรอบๆ

จากเงาสะท้อนมายานี้ ซูหมิงเห็นชัดว่ารอบตัวเขามีจุดแสงหลายสิบจุดกำลังบินอย่างสับสน เหมือนหาตำแหน่งตนไม่พบ กำลังหาไปรอบๆ อยู่

นอกจากคนเหล่านี้ ยังมีกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์กำลังบินลากยาวอยู่ไกลๆ ประหนึ่งว่าเสียตำแหน่งของเขาไป

‘พวกเจ้าใช้วงแหวนอาคมนี้หาข้าไม่ได้แล้ว และก็ทำให้ทุกคนรู้ตำแหน่งข้าผ่านไข่มุกโลหิตไม่ได้ด้วย ดังนั้นวิชามิติบิดเบี้ยวเจ็ดวันของชื่อหั่วโหวจะยังมีผลต่อไป จะไม่มีใครรู้ตำแหน่งข้า ตอนนี้ข้าใช้พลังจากวงแหวนอาคมรู้ตำแหน่งของพวกเจ้าอย่างแม่นยำ ในเมื่อมาล่าสังหารแซ่ซู เช่นนั้นก็ต้องจ่ายก่อนเล็กน้อย’

ทั่วร่างซูหมิงแผ่กลิ่นอายชั่วร้าย เขายกมือขวาขึ้น โลงศพสีแดงฉานใต้เท้าละลายกลายเป็นทวนยาวในทันที เมื่อคว้ามันไว้ในมือแล้ว กระเรียนขนร่วงก็ร้องตะโกน ฉับพลันนั้นทั่วร่างมันแผ่กระจายระลอกคลื่น ใต้เท้าปรากฏวงแหวนอาคมสีโลหิตขนาดเล็กขึ้น จากนั้นจึงขยับวูบวาบพาเขาหายไปวับไป

ภายในเขตดาราวงแหวนบูรพา สายรุ้งยาวหลายสิบสายกำลังตามหาไปรอบๆ คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกฌานที่เอาชีวิตรอดอยู่ที่นี่ พวกเขาฮึกเหิมเพราะรางวัลจากสี่มหาโลกแท้จริง และคิดจะสังหารซูหมิงเพื่อแลกเป็นรางวัล

พวกเขาไม่สนความเป็นตาย กลับกันพวกเขาไร้ความหวังในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตแล้ว ในชีวิตมีอยู่ความคิดเดียวคือทำให้ตนแกร่งขึ้นและขั้นพลังสูงขึ้น

ฉะนั้นพวกเขาจึงจ้องรางวัลนี้ตาเป็นมัน

เพียงแต่ตอนนี้ ถึงไข่มุกโลหิตของพวกเขาจะยังขยับแสงอยู่ ทว่าการนำทางกลับห่างไปไกลยิ่งนัก ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ไม่นานการนำทางของไข่มุกโลหิตยังอยู่ในพื้นที่นี้อยู่เลย

“เกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าโม่ซูจะใช้ของวิเศษเคลื่อนย้ายพริบตา?”

ชายชราคนหนึ่งกลางฟ้ากระจ่างดาวมีสีหน้าทะมึน เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้า ยามนี้ขณะที่กลายเป็นสายรุ้งยาวบินไปก็เกิดความลังเลในใจ

ขณะกำลังบินไปใจพลันสั่นสะท้าน ระหว่างหันกลับไปมองก็เห็นว่าด้านหลังไม่ไกลนักปรากฏวงแหวนอาคมสีแดงกลางฟ้ากระจ่างดาว กลางวงแหวนอาคมนี้มีร่างเลือนรางคล้ายมีระลอกผิวน้ำปกคลุมอยู่ ตอนร่างนั้นก้าวเดินออกมาระลอกคลื่นหายไป เผยให้เห็นเป็นซูหมิงผมเทา

ชายชราอึ้งงันอยู่ครู่หนึ่ง ม่านตาสองข้างหรี่เล็กลง แววตาเผยจิตสังหารและยังเกิดความลังเล แล้วจึงแผ่กระจายพลังแห่งโลกออกมาทั่วร่างโดยไม่ต้องหยุดคิด

โครม!

ทะเลหมอกสีฟ้าล้อมรอบตัวเขาแล้วกระจายออกเป็นวงกว้าง ปกคลุมในระยะหลายหมื่นจั้ง

ทว่าวินาทีที่ทะเลหมอกกระจายออก ซูหมิงยกมือขวาชี้ชายชรา

“พลังแห่งวงแหวนอาคม จงกำราบคนผู้นี้” ซูหมิงกล่าวเสียงเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version