Skip to content

สู่วิถีอสุรา 836

ตอนที่ 836 ร่างแยกเอ้อชาง 8

เมื่อโจวคังมองไป เก้าสิบกว่าคนที่รับการทดสอบแผ่นศิลาแสนจั้งและล้มเหลวพร้อมกันก่อนหน้านี้ต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง พอมองพวกเขาก็รู้ทันทีว่าคนที่เข้ารับการทดสอบด้วยกัน ยังมีอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ออกมาจากโลกแผ่นศิลา

พวกเขาจำได้แม่นว่าคนนั้นมีนามว่าโม่ซู!

มิหนำซ้ำยามนี้ บนแผ่นศิลาเกือบหนึ่งแสนยังปรากฏนามของโม่ซู จึงสร้างความตื่นตะลึงแก่พวกเขา ในใจเกิดความคิดนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะเป็นความคิดใดก็ล้วนทำให้พวกเขาหายใจกระชั้น

ไม่เพียงแค่พวกเขาที่สังเกตเห็นจุดนี้ ผู้คนโดยรอบเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครู่ต่อมา ผู้ฝึกฌานทั้งหมดที่ถูกบีบให้ออกมาล้วนมองไปยังแผ่นศิลาหนึ่งท่ามกลางแผ่นศิลาจำนวนมาก

นั่นคือ….แผ่นศิลาของโม่ซู

เสียงอื้ออึงค่อยๆ เงียบหายไป ความเงียบงันเข้ามาแทนที่ ทุกคนมองแผ่นศิลาของซูหมิง จากสีหน้าพวกเขาจะเห็นว่าแต่ละคนเกิดความคิดต่างๆ นานา

โดยเฉพาะคนที่เข้ามาล่าสังหารซูหมิง ยิ่งมีสีหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง บางทีสำหรับคนอื่นแล้ว นามกับฐานะของโม่ซูอาจแปลกตา ทว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อซูหมิง หากไม่ใช่เพราะกฎของที่นี่ก็คงลงมือไปนานแล้ว แน่นอนว่าต้องเข้าใจซูหมิงมากกว่าคนอื่นไม่น้อย แต่ยิ่งเป็นแบบนั้น ความรู้สึกสับสนของพวกเขาเลยยิ่งยุ่งเหยิง

ช่วงที่ผู้คนในแดนแสนแผ่นศิลาพากันเงียบงัน กลางฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่ง ภายในต้นไม้ใหญ่แสนต้น ข้างในเส้นใยแสนแห่ง ยามที่วิญญาณซูหมิงยึดร่างสำเร็จไปเก้าสิบห้าส่วน เอ้อชางตื่นตระหนกอย่างแท้จริง

กระทั่งกล่าวได้ว่ามันลนลาน เสียงคำรามด้วยความโกรธกังวานไม่หยุดหย่อน พร้อมกับก้นบึ้งหัวใจที่สั่นไหวและความหวาดกลัวยำเกรงตรงส่วนลึกในใจ

เพราะหลังจากยึดเส้นใยสีทองทั้งหมดและเปลี่ยนให้เป็นสีดำแล้ว วิญญาณซูหมิงก็เริ่มยึดหัวใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะหยินของหนึ่งแสนต้น ตรงใจกลางเส้นใยแสนแห่งพร้อมกัน

หากซูหมิงยึดครองหัวใจสำเร็จ เขาก็จะทำให้การยึดร่างที่แทบเป็นไปไม่ได้นี้เสร็จสิ้น จากนี้ไปจะไม่มีเอ้อชางอีก แต่มีเพียง…ร่างแยกเอ้อชางที่แกร่งที่สุดของซูหมิง!

“ไม่ เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ เจ้าคนต่ำช้า ไอ้หัวขโมยไร้ยางอาย เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ ข้าเอ้อชางเป็นหนึ่งในโลกนี้ อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตในใต้หล้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายึดร่างข้า!” ดวงจิตเอ้อชางคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวดุจคลุ้มคลั่ง

เสียงโครมครามดังกึกก้อง ก่อเป็นระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนกระจายออก ม้วนตลบไปรอบๆ สะเทือนฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่งจนสั่นไหวอย่างรุนแรง จนกระทั่งอากาศฉีกแยกออกจำนวนมาก ราวกับฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่งจะพังทลายลง

เสียงระเบิดนี้คือดวงจิตบ้าคลั่งของเอ้อชางปะทะอย่างดุเดือดกับร่างซุ่ยเฉินจื่อหนึ่งแสนร่าง เสียงครึกโครมกระจายออกรอบทิศประดุจลูกคลื่น เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำรามของเอ้อชางหรือเสียงกระหึ่มรอบๆ ก็ไม่อาจหยุดซูหมิงได้ มีร่างเงาแสนคนจากกฎของซุ่ยเฉินจื่อต่อต้านดวงจิตเอ้อชางอยู่ ทำให้เอ้อชางขวางเขาไม่ได้เลย

หลังจากวิญญาณซูหมิงขยายไป ตอนนี้เขาไม่เพียงปกคลุมเส้นใยสีทองทั้งหมดโดยสมบูรณ์ อีกทั้งยังหลั่งทะลักไปยังหัวใจทองตรงกลางเส้นใยต้นไม้ใหญ่ในแต่ละฟ้ากระจ่างดาวพร้อมกัน

เหมือนกับบนกระดาษสีทองแผ่นหนึ่ง นอกจากพื้นที่กว้างโล่งตรงใจกลางแล้ว ส่วนอื่นๆ ล้วนถูกหมึกดำปกคลุม อีกทั้งตอนนี้หมึกดำไร้ขอบเขตก็กำลังจะย้อมไปทางพื้นที่ว่างเพียงหนึ่งเดียวนั้นอย่างรวดเร็ว

ผืนฟ้าทั้งแสนแห่งเกิดเสียงระเบิด ต้นไม้ใหญ่แสนต้นสั่นไหวรุนแรง เสียงหมื่นเสียงมาจากเสียงคำรามของดวงจิตเอ้อชาง ช่วงที่ดังกังวาน วิญญาณซูหมิงก็สัมผัสกับหัวใจซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะแสนดวง

ทันทีที่สัมผัสกับหัวใจ ยามวิญญาณซูหมิงยึดครองข้างในไปสามสิบ ห้าสิบ และแปดสิบส่วนแล้ว ก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง จากนั้นจึงปรากฏภาพใหม่ขึ้นมา!

ตอนที่ยึดครองได้สามสิบส่วน เขาเห็นวิญญาณของเอ้อชาง เห็นร่างใหญ่ยักษ์ของมันและรู้สึกตะลึงอย่างยิ่ง ทว่าก็เป็นครั้งนั้นเองที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีนามว่าเอ้อชาง

พอเวลาผ่านไป ตอนที่ยึดครองเส้นใยได้ห้าสิบส่วน ภาพที่เขาเห็นสร้างความตื่นตะลึงให้ยิ่งกว่า กระทั่งยังเกิดความสิ้นหวัง ภาพนั้นคือฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่ง ทะเลสีทองแสนแห่ง และต้นไม้ใหญ่แสนต้น

ในภาพนั้นเขารู้สึกถึงความจริงและเท็จ มายากับความจริง จนกระทั่งยังไม่ยอมแพ้ในความสิ้นหวัง จวบจนทำให้วิญญาณยึดครองเส้นใยไปได้แปดสิบส่วนของทั้งหมด

ตอนนั้นเขาเห็นซุ่ยเฉินจื่อ ชั่วขณะนั้นยังถึงขั้นกลายเป็นซุ่ยเฉินจื่อ ได้สัมผัสถึงสี่ยอดวิชาต้นกำเนิดจิต สุดท้ายก็ประทับรูปแบบชะตา และควบคุมกฎของซุ่ยเฉินจื่อ!

กล่าวได้ว่าหากไม่มีภาพที่ปรากฏขึ้นสามครั้งนี้ ซูหมิงคงไม่มีทางมาถึงระดับที่ตั้งแต่โบราณกาลมาไม่เคยมีใครทำได้ ภาพมายาในวิญญาณสามครั้งนี้เหมือนการช่วยเหลือครั้งใหญ่สามครั้ง และก็เหมือนการทดสอบครั้งใหญ่สามครั้งด้วย ขอเพียงผ่านการทดสอบก็จะได้รับการช่วยเหลือ

ทุกอย่างนี้จะเห็นได้ว่ามีคนวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า เป้าหมายคือเพื่อให้คนรุ่นหลังยึดร่างเอ้อชางได้ง่ายขึ้น ทว่าก็ง่ายเพียงส่วนเดียวเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะตัวซูหมิงเอง การช่วยเหลือสามครั้งก็คงทำให้เขามาถึงจุดนี้ไม่ได้

และคนที่วางแผนล่วงหน้าเอาไว้ก็คือ…ซุ่ยเฉินจื่อ!

เวลานี้ ครั้นมีภาพลอยขึ้นในวิญญาณ ซูหมิงก็รู้ชัดว่านี่คือครั้งที่สี่…กระทั่งมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นครั้งสุดท้าย!

เสียงโครมดังในวิญญาณเขา หลังเกิดเสียงระเบิดติดกันแล้ว เขาก็เห็นผืนฟ้าผุพัง

ฟ้ากระจ่างดาวนั้นกว้างไกลไร้ขอบเขต เขาไม่รู้ว่าใหญ่เท่าไร แต่มีความรู้สึกรางๆ ว่านี่คือโลกแท้จริง เป็นโลกแท้จริงสมบูรณ์ที่ใหญ่ยักษ์จนไม่อาจบรรยายขนาดได้!

ถึงจะไม่อาจบรรยายขนาดของมัน แต่ก็ใช้สี่มหาโลกแท้จริงที่ซูหมิงรู้จักมาเปรียบเทียบได้ มัน…ก็เป็นหนึ่งโลกแท้จริงเหมือนกัน!

ทว่าตอนนี้กลับเสียหายหลายแห่ง ฟ้าดินถล่มทลายส่งเสียงกึกก้องอยู่ในใจเขา ดังต่อเนื่องกัน และยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

มองทอดไกลออกไป ดาวนับไม่ถ้วนในผืนฟ้าไม่มีสิ้นสุดกำลังฉีกแยกเป็นเสี่ยงอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตเหลือคณนานับในนั้นต่างกลายเป็นเถ้าธุลีตามๆ กันไป ราวกับว่า…ฟ้ากระจ่างดาวกำลังตาย ดวงดาวกำลังสูญสิ้น สิ่งมีชีวิตกำลังสลายไป

หากทุกอย่างของฟ้าเหมือนกับชีวิตคน ตอนนี้ก็คงเดินมาถึงสุดทางแล้ว และกำลังเดินไปสู่หนทางสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว

หนึ่งลมหายใจก่อนหน้านี้ยังเป็นดาวแท้จริงที่มีชีวิตเปี่ยมล้น ทว่าลมหายใจต่อมาก็ถูกกลิ่นอายมรณะโอบล้อม กลายเป็นเถ้าธุลีหายไป ในวินาทีนี้ทั้งฟ้ากระจ่างดาวถูกกลิ่นอายมรณะเข้มข้นเข้ายึดครอง

“โลกสุดท้าย….ก็ยากจะหนีพ้นภัยพิบัติทำลายล้าง…ข้าซุ่ยเฉินจื่อก็ยังไม่มีพลังต่อต้านอย่างนั้นรึ…ข้า…พ่ายแพ้แล้ว” เสียงแก่ชราที่เต็มไปด้วยความเศร้าก้องกังวานอยู่ในโลกนี้

ซูหมิงเห็นซุ่ยเฉินจื่อเสื้อคลุมขาวในฟ้ากระจ่างดาวที่กำลังเดินไปสู่ความตาย เส้นผมเขายุ่งเหยิง กำลังเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เพียงแต่เสียงหัวเราะมีความเศร้าเสียใจอย่างน่าเหลือเชื่อ

“ทว่า…ข้าก็ทำสำเร็จเช่นกัน!” ขณะซุ่ยเฉินจื่อหัวเราะด้วยความเศร้าเสียใจ ซูหมิงเหม่อมองอีกฝ่าย เขาเห็นว่าบนใบหน้าซุ่ยเฉินจื่อมีเศษแผ่นร่วงลงมา จากนั้น…ก็มีเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากร่าง ทั่วร่างเขาคล้ายรวมขึ้นจากเศษมากมาย ตอนนี้พอเศษแผ่นร่วงหล่น ร่างกายเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“ยามข้าตาย โลกนี้จะกลายเป็นเถ้าธุลี ยามข้าหลับตา โลกนี้จะไร้แสงสว่าง…ชนรุ่นหลังที่สืบทอดต้นกำเนิดจิตของข้า จงจำภาพการตายของข้าเอาไว้ จงจำว่า…กฎแห่งสวรรค์มีสูญสิ้น สวรรค์ไร้ความคิด…

ข้าพ่ายแพ้แล้ว และต้องตาย ทว่าข้าก็ทำสำเร็จเช่นกัน ฉะนั้น….จึงขอมอบความหวังให้กับเจ้า!” ขณะซุ่ยเฉินจื่อหัวเราะเสียงลากยาว ร่างกายเขาพลันกลายเป็นเศษนับไม่ถ้วน ก่อนจะรวมขึ้นเป็นพายุหมุนกระจายออกไป ตอนนี้เองซูหมิงถึงเห็นชัดว่าภายในร่างกายที่สลายไปของซุ่ยเฉินจื่อมีเพียงหัวใจดวงเดียวเหลืออยู่

มันเป็นหัวใจสีทองดวงหนึ่ง มองหัวใจดวงนี้ก็เหมือนมองโลกหนึ่งใบ นี่คือความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยาย ประสบการณ์คล้ายๆ แบบนี้มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตซูหมิง นั่นคือตอนอยู่บนดาวแดงเพลิง ตอนที่เขามองหินโลกก็เหมือนเห็นภาพสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าตอนนี้ได้สัมผัสอีกครั้ง ยังรุนแรงกว่าตอนมองหินโลกมากนัก กระทั่งระดับความรุนแรงยังไม่อาจนำมาเปรียบกันได้

เหมือนกับแสงสว่างตะวันกับแสงหิ่งห้อย!

ซูหมิงตกตะลึงกับภาพนี้ เขามองหัวใจตรงใจกลางพายุหมุน ฉับพลันนั้นไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เขาเห็นเมล็ดพันธุ์หนึ่งในหัวใจดวงนั้น!

เมล็ดพันธุ์นั้นมีสิบสีซ่อนอยู่ในแสงทอง

ยังไม่ทันที่ซูหมิงจะได้พิจารณาอย่างละเอียด หลังจากร่างซุ่ยเฉินจื่อสลายหายไปจนหมด ฟ้ากระจ่างดาวผืนนี้ โลกใบนี้ ล้วนม้วนตรงไปรวมยังหัวใจสีทองดวงนั้นพร้อมกัน ระหว่างนั้นฟ้าก็แหลกไม่หยุดหย่อน กฎพังทลายลง ชีวิตสูญสิ้น ดวงดาราตายไป กาลเวลาปั่นป่วน กระทั่งความทรงจำก่อนตายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากยังกลายเป็นดวงจิตไม่สมบูรณ์ แล้วกลายเป็นพายุคลั่งไร้รูปในฟ้ากระจ่างดาวที่กำลังตาย…จนกระทั่งหลังจากรวมเข้าไปในหัวใจสีทองพร้อมกันแล้ว ผืนฟ้าดวงดาวรอบๆ โลกแท้จริงที่เคยเป็นใบนี้ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าที่ไม่มีสิ่งมีชีวิต

โครม!

ซูหมิงเห็นกับตาว่าหัวใจสีทองที่รวมโลกแท้จริงไว้หนึ่งใบนี้กลายเป็น…น้ำวนยักษ์ นอกน้ำวนมีรอยแยกนับไม่ถ้วน รูปร่างของมันก็คือแดนประหลาดวงแหวนบูรพา!

ซูหมิงยังไม่ทันหายตื่นตะลึง ภาพต่อมาก็ทำให้วิญญาณเขาตกใจเกินกว่าภาพทั้งหมดตอนสามสิบส่วน ห้าสิบส่วน และแปดสิบส่วนรวมกัน

เขาเห็นว่าในน้ำวนมีต้นไม้ใหญ่ยักษ์สูงระฟ้าต้นหนึ่ง มันใช้พลังมหาศาลพร้อมความดุร้ายบ้าคลั่ง ทั้งยังมีแรงกดดันที่เหนือกว่าซุ่ยเฉินจื่อ อาศัยการตายของซุ่ยเฉินจื่อถือกำเนิดขึ้นกลางน้ำวน!

วินาทีนี้เอง ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าน้ำวน ประหนึ่งว่าต้นไม้ใหญ่นี้กำลังกินน้ำวนเป็นอาหาร กินต้นกำเนิดจิตให้เติบโตขึ้น

ต้นไม้ใหญ่อยู่เหนือกว่าเอ้อชางที่ซูหมิงเห็น ทว่ามัน…ก็เป็นเอ้อชาง เพียงแต่ไม่ใช่สีม่วงบริสุทธิ์ แต่มีครบสิบสี!

ตอนนี้เอง มีเสียงอ้อแอ้คล้ายเด็กทารกเพิ่งถือกำเนิดดังแว่วมาจากในต้นไม้ใหญ่!

“เอ้อ…ชาง…” เพียงสองพยางค์เบาๆ ทว่ากลับน่ากลัวเหมือนพลังหนึ่งความคิดก็สังหารซูหมิงได้หลายหมื่นครั้ง ทำให้เขาจิตใจสั่นไหว!

แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนไม่อาจบรรยาย แข็งแกร่งอย่างยิ่งในโลก กระทั่งเหนือกว่าความแกร่งที่สุดในจักรวาล!

“เอ้อชาง…ในสภาพสมบูรณ์!” ซูหมิงหรี่ตาพลางพึมพำเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version