Skip to content

สู่วิถีอสุรา 853

ตอนที่ 853 กุมชะตาเกิดดับ

ชั่วขณะที่ซูหมิงปรากฏตัว เขาหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม

ก่อนจะเดินหน้าไปหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล จังหวะเดียวกันนั้น ดวงจิตหกสายด้านหลังก็พุ่งเข้ามา คนที่อยู่หลังสุดเป็นดวงจิตขั้นภัยพิบัติตะวัน ส่วนตรงหน้าสุดเป็นชายชราเกือบถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ

หนึ่งก้าวเหยียบลง ซูหมิงมาปรากฏตัวอีกครั้งตรงส่วนกลางใกล้กับทางออกของขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ทว่าทันทีที่ปรากฏตัว เสียงของชายชราที่ไล่ตามมาก็ดังก้องจากด้านหลังอีกครั้ง

“หนาน เตอ ลา มี ตง!” ตอนที่คำโดดๆ ห้าคำดังขึ้น มวลอากาศตรงหน้าซูหมิงปรากฏมือใหญ่ข้างหนึ่ง เป็นกึ่งโปร่งใส มาพร้อมด้วยความน่าเกรงขามสูงสุด แฝงไว้ด้วยข้อบังคับและกฎพิเศษ จากนั้นคว้ามือตรงไปยังซูหมิง

ขณะเดียวกัน ด้านหลังซูหมิงยังมีมือมายาข้างหนึ่งปรากฏขึ้นและพุ่งเข้ามาเช่นกัน

หนำซ้ำเหนือและล่างยังปรากฏน้ำวนสองวงตามคำพูดเสียงก้อง กลางน้ำวนนั้นขยับแสงประหลาดวูบวาบ เห็นรางๆ ว่าข้างในมีร่างเงาคนนั่งสมาธิอยู่ ภายใต้การบีบเข้ามาจากรอบตัว จึงเหมือนผนึกทางหนีของเขาจากทุกทาง

ช่วงที่สองมือกับน้ำวนสองจุดปรากฏขึ้น ชายชราก็กล่าวคำว่า ‘ตง’ เป็นคำสุดท้าย ฟ้าดินเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ราวกับเข้ามาแทนที่เสียงหัวใจเต้นของทุกคนที่ได้ยิน ทำให้หัวใจคนในตอนนี้แทบจะหยุดนิ่งไป

ขณะที่พวกเขาเข้ามา เงาอักขระซ้อนทับในดวงตาขวาซูหมิงพลันขยับแสงวิบวับ ก่อนจะระบายออกมาในเสี้ยววินาที อักขระหมื่นตัววนเวียนรอบตัวเขาและรวมกลุ่มกันเข้ามา จากนั้นกลายเป็นหัวใจสีม่วงยักษ์ดวงหนึ่ง

หัวใจดวงนี้เต้นตึกๆ เข้าปะทะกับสองมือและตามด้วยสองน้ำวน เสียงระเบิดดังสนั่นสะเทือนฟ้ากระจ่างดาว ก่อเป็นระลอกคลื่นขยายออกไปรอบๆ ราวคลื่นทะเล

อักขระซูหมิงหายไป แม้แต่หัวใจสีม่วงกับตัวเขาก็หายไปท่ามกลางเสียงระเบิดด้วย

เขามาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ตรงขอบทางออกโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ เหลืออีกพันจั้งก็จะออกไปได้แล้ว

ทว่าทันใดนั้นเอง ในอากาศด้านหลังกลับปรากฏร่างชายชราที่ล่าสังหารเขามาโดยตลอดคนนั้นขึ้นมา หากเพียงเท่านี้ก็ไม่เท่าไร แต่ในพริบตานี้ เขารู้สึกว่ากลางฟ้ากระจ่างดาวของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์มีดวงจิตที่แก่กล้าใกล้เคียงกับชายชราคนนี้อีกสามสายกำลังตรงมาจากสามทางอย่างรวดเร็ว

กระทั่งสิ่งที่ทำให้เขาม่านตาหดเกร็งก็คือ ส่วนลึกของฟ้ากระจ่างดาวที่นี่ ดวงจิตที่แก่ชรายิ่งกว่าเหมือนกำลังตื่นขึ้นและค่อยๆ กระจายตัวมา ดวงจิตนี้มีเพียงดวงเดียว ทว่าช่วงที่ตื่นขึ้นกลับกดข่มผืนฟ้าเอาไว้ มีความแกร่งเหนือกว่าดวงจิตชายชราสี่คนรวมกันเสียอีก

“กุม…” นี่คือคำแรกจากปากดวงจิตที่แก่ชราที่สุดหลังจากตื่นขึ้น คำคำนี้ดังก้องไปทั่วฟ้ากระจ่างดาวของทั้งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ คนที่ได้ยินล้วนใจสั่นสะท้าน ลงไปหมอบอยู่บนพื้นทันใด

“คารวะท่านยอดบรรพชน!”

“คารวะท่านยอดบรรพชน!” หลังจากผู้คนลงไปหมอบและส่งเสียงตื่นเต้นเคารพ เสียงนี้ก็กลายเป็นคลื่นเสียงอยู่ภายในขุมอำนาจของรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์

กระทั่งดวงจิตหลายสายรวมชายชราคนนั้น ไปจนถึงระดับเกือบถึงกุมชะตาเกิดดับอีกสามคนที่กำลังตรงเข้ามา ยังประสานมือคารวะด้วยความเคารพ

และเป็นคำคำเดียวนี้เองที่ทำให้จิตใจซูหมิงสั่นไหวอย่างรุนแรง นี่เป็นครั้งแรกที่นี่…ที่เขากระอักโลหิตสีม่วงออกมา

จากนั้นเขาก็ถอยไปอย่างเร็วรี่ ใบหน้าซีดขาว ทว่านัยน์ตากลับเปล่งประกายเด่นชัดยิ่ง นี่ต่างหาก…คือระดับกุมชะตาเกิดดับอย่างแท้จริง!

ต่อหน้าเขา ถึงจะเป็นผู้ฝึกฌานระดับเกือบถึงกุมชะตาเกิดดับก็ยังต้องคารวะให้

“ชะตา….” ยามนี้ดวงจิตแก่ชราที่สุดที่เพิ่งตื่นเอ่ยคำที่สองมา ฟ้าดินพลันหยุดนิ่ง มวลอากาศตรงหน้าซูหมิงปรากฏดวงตายักษ์ดวงหนึ่ง

ดวงตานี้หลับตาอยู่ ทว่าต่อให้หลับตาก็ให้ความรู้สึกเหมือนผืนฟ้าไม่มีอยู่อีก อากาศทั้งหมดหายไป เหลือเพียงดวงตาข้างนี้

ทันทีที่คำว่า ‘ชะตา’ ดังกึกก้อง ดวงตาดวงนี้ค่อยๆ ลืมขึ้น ภายในมีความแก่ชราและผ่านโลกมานานแบบไม่มีสิ้นสุด ตอนมองมาก็เกิดเสียงระเบิดดังในความคิดซูหมิง ระหว่างที่ถอยไปยังกระอักเลือดอีกครั้ง

กระทั่งตอนนี้ร่างกายเขายังเกิดการปริแตกเหมือนจะสลายไป แรงกดดันแก่กล้าสุดบรรยายกดทับบนตัวเขา ประหนึ่งว่าจะทำลายร่างกายและหัวใจให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ

นี่คือคนแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเจอมาในชีวิต

ดวงตานั้นขยับประกาย เหมือนดวงตานี้ก็คือคำว่าชะตาที่ดวงจิตแก่ชรากล่าว ตอนนี้มันพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็วดุจอยากจะผนึกเขาเอาไว้ในดวงตา!

กระทั่งซูหมิงยังเห็นอีกว่าในดวงตานี้เหมือนแฝงไว้ด้วยหนึ่งโลก แฝงไว้ด้วยหนึ่งฟ้ากระจ่างดาว ภายในมีดาราอยู่นับไม่ถ้วนและมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าหากถูกผนึกเข้าไปข้างใน เขาก็จะเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตในนั้น

‘นี่ต่างหากคือระดับกุมชะตาเกิดดับ เป็นกุมชะตาเกิดดับอย่างแท้จริง!’ ใจซูหมิงเต้นโครมคราม ร่างกายฉีกขาดเยอะขึ้นหลายจุด เงามืดมรณะลงมาเยือน ทันใดนั้นเขาคำรามเสียงต่ำ แสงแห่งต้นกำเนิดจิตในดวงตาสองข้างเปล่งแสงวูบวาบเด่นชัด สองมือยกขึ้นสะบัดไปข้างนอก

โครม!

ปรากฏต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านไม่มีที่สิ้นสุดด้านหลังเขา มองไม่เห็นสุดปลายต้นไม้ ทุกส่วนเป็นสีม่วง ทันทีที่มันปรากฏ ต้นไม้ใหญ่สีม่วงก็โคลงเคลงอย่างรุนแรง และยังมีอักขระต้นกำเนิดจิตขยับวิบวับอยู่รอบๆ

ซูหมิงระเบิดพลังทั้งหมดของร่างแยกเอ้อชางออกมา ก่อนเข้าปะทะกับดวงเนตรแห่งชะตาที่เข้ามาใกล้

ฟ้ากระจ่างดาวแหลกเป็นเสี่ยงๆ อากาศม้วนถอยไป ภายใต้เสียงโครมคราม ดวงตาปะทะกับต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ต้นไม้ใหญ่สีม่วงสั่นสะท้านโดยพลัน ภายใต้การต่อต้านอย่างสุดกำลัง มันเกิดเค้ารางว่าจะแหลกเป็นชิ้นๆ สุดท้ายก็เกิดเสียงระเบิดสั่นสะเทือนฟ้า ดวงตานั้นหายไป ต้นไม้ใหญ่เอ้อชางก็หายไปด้วย ซูหมิงกระอักโลหิต เดินหน้าไปหลายก้าวแล้วพุ่งออกจากเขตโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ เข้าไปอยู่กลางเขตดาราวงแหวนบูรพา จากนั้นก็ใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาหายวับไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

และเป็นตอนนี้เอง ดวงจิตแก่ชรานั้นกล่าวคำที่สาม

“เกิด…”

ซูหมิงที่อยู่ในเขตดาราวงแหวนบูรพาถูกบีบออกจากการเคลื่อนย้ายในพริบตา เขากระอักโลหิตครั้งที่สี่ ทันใดนั้นตรงหน้าปรากฏฝ่ามือแห้งเหี่ยวขึ้นข้างหนึ่ง ฝ่ามือนี้ดูเหมือนช้า ดูเหมือนไม่เคลื่อนไหว แต่เมื่อซูหมิงถอยไป มันกลับขยายใหญ่ขึ้นไม่มีขีดจำกัด ราวกับว่า…ฟ้ากระจ่างดาวใหญ่เท่าไร มันก็จะขยายใหญ่ไปเท่านั้น

ความรู้สึกอันตรายเด่นชัด ทำให้ซูหมิงรู้สึกว่าจะให้ฝ่ามือใต้ร่างนี้นำหน้าตนไปไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาต้องตายแน่

แต่ไม่ว่าเขาจะหนีอย่างไร ฝ่ามือก็ขยายตามมา ความใหญ่ของมันไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว

ระหว่างที่คำว่า ‘เกิด’ ดังก้อง ซูหมิงมีสีหน้าเหี้ยมโหด เขายกสองมือขึ้นคว้าไปยังฟ้ากระจ่างดาวรอบๆ ผืนฟ้าวงแหวนบูรพาสั่นสะเทือน หากเปรียบฟ้ากระจ่างดาววงแหวนบูรพาเป็นผ้าโปร่งบาง เช่นนั้นการคว้าของเขาก็เหมือนกับการเปิดผ้านี้และต่อต้านกับคำที่สาม

เสียงระเบิดทำให้ฟ้าวงแหวนบูรพาที่ไม่สมบูรณ์นี้เสียหายยิ่งกว่าเดิม ซูหมิงตาแดงก่ำ ครั้นกางสองแขน ดวงจิตเขาก็ขยายออกโดยไม่สนสิ่งใด การขยายออกนี้ก็คือการเผยฟ้ากระจ่างดาวแสนลี้ของเขากลางฟ้าเขตวงแหวนบูรพา

นี่คือการต่อต้านกับฟ้าของที่นี่โดยไม่สนสิ่งใด ช่วงที่ดวงจิตขยายออก ฟ้าวงแหวนบูรพาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดาวนับไม่ถ้วนสั่นไหว สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนหมอบคลานลง

“ฤดูหนาว!” ซูหมิงตะโกนเสียงต่ำ ตัวเขาถอยไปไม่หยุด หนึ่งก้าวหายไปหนึ่งก้าวปรากฏตัวอยู่อย่างนี้ มุ่งหน้าไปยังแดนประหลาดวงแหวนบูรพาอย่างรวดเร็ว มีน้ำแข็งลอยขึ้นมาอยู่ใต้เท้าและขยายออกปกคลุมฟ้ากระจ่างดาวที่ไม่มีสิ้นสุดในพริบตา ทำให้ฟ้าในขอบเขตของดวงจิตเขากลายเป็นผนึกน้ำแข็ง

“ฤดูใบไม้ร่วง!” ช่วงที่ซูหมิงกล่าวเสียงดังก้องอีกครั้ง ผนึกน้ำแข็งทั้งหมดหลอมละลาย ความร้อนกับความหนาว ความหมายของฤดูใบไม้ร่วงระหว่างความเป็นกับความตายแผ่กระจายไปรอบๆ รวมกับรูปแบบชะตาของฤดูหนาวและใบไม้ร่วง ก่อนจะเข้าปะทะอย่างเต็มที่กับฝ่ามือที่กำลังตรงเข้ามา

หลังจากเขาถอยไปอีกครั้ง ก็หายตัวไปและปรากฏกายอีกครั้งในพริบตาเดียว

“ฤดูร้อน!” ซูหมิงเอ่ยอีกครั้ง นี่คือรูปแบบชะตาที่เขายังควบคุมได้ไม่สมบูรณ์ ทว่าตอนนี้เขากลับใช้มันภายใต้ภยันตรายเป็นตาย

ความหมายแห่งมรณะหายไป ชีวิตเปี่ยมล้นขึ้น ทั้งยังมีเพลิงร้อนแรงเผาไหม้ฟ้ากระจ่างดาวในทันที

ผืนฟ้าส่งเสียงระเบิดดังสนั่น ตอนที่ซูหมิงหายไปและปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ออกจากปากทางเข้าออกรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์…กลับมาถึงตรงใจกลางแดนประหลาดวงแหวนบูรพาแล้ว

ตอนที่เขากลับมาถึงที่นี่ ฝ่ามือที่ยืดยาวมาจากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์นำหน้าเท้าเขาแล้ว ยามมันปกคลุมฟ้ากระจ่างดาว หากยืนอยู่ตรงจุดซูหมิงแล้วมองลงไป จะไม่เห็นเป็นฟ้าดวงดาวอันมืดมิดอีก แต่จะเป็นฝ่ามือไม่มีสิ้นสุดคล้ายกับแผ่นดินใหญ่

ลายมือบนฝ่ามือนี้เหมือนร่องน้ำตามภูเขา หากมีเหงื่อละก็คงจะเป็นแม่น้ำใหญ่หลายสาย

ตรงจุดที่ลายมือตัดสลับกันเป็นที่ราบกว้างไกลไม่มีพรมแดน นอกจากนี้บนมือยังมีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ราวกับว่าฝ่ามือนี้คือหนึ่งโลก ภาพนี้มากพอจะทำให้ทุกคนที่เห็นต้องตื่นตะลึง

“ดับ!” เสียงแก่ชรากล่าวคำสุดท้ายของประโยคกุมชะตาเกิดดับ ฉับพลันนั้นเอง ฝ่ามือไม่มีสิ้นสุดใต้ร่างซูหมิงก็ทำท่าทางกำมือ ตรงจุดที่ปลายนิ้วผ่านไปฟ้ากระจ่างดาวจะแหลกสลาย และกำลังกำมือด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยาย

‘ที่แท้ นี่ต่างหากคือความหมายจริงๆ ของการกุมชะตาเกิดดับ!’ ซูหมิงใจสั่นสะท้าน โลหิตไหลมาจากมุมปาก เขาบาดเจ็บสาหัสแล้ว ทว่าในความคิดกลับเข้าใจถ่องแท้ ความเข้าใจนี้นอกจากเผชิญหน้ากับระดับกุมชะตาเกิดดับด้วยตัวเองแล้วก็ไม่มีทางได้รับมาด้วยวิธีอื่น ความล้ำค่าของมัน กระทั่งหากให้เวลาซูหมิงมากพอ มันจะเป็นเส้นทางหลักชี้นำให้เขาก้าวไปสู่ระดับกุมชะตาเกิดดับได้

โชควาสนาแบบนี้ยากมากที่จะมีใครตระหนักรู้ได้ถึงความหมายแท้จริง เพราะทุกคนที่เผชิญหน้า เว้นแต่จะมีขั้นพลังระดับเดียวกัน ถ้าไม่อย่างนั้นต้องตายทั้งหมดโดยไม่มียกเว้น

นี่คือการบีบคั้นในอีกระดับหนึ่ง เป็นความต่างของความแข็งแกร่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแม้จะมีสมบัติล้ำค่าก็ตาม

การตระหนักรู้ครั้งนี้ทำให้ซูหมิงที่กำลังจะก้าวเข้าไปในรอยแยกแดนประหลาดหยุดชะงักครู่หนึ่ง เขาหน้าซีดขาว แต่นัยน์ตากลับเปล่งประกาย สายตามองฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา มองอาการบาดเจ็บสาหัสของเขา พร้อมกันนั้นในความคิดก็ลอยขึ้นมาเป็นวิชาอภินิหารของอีกฝ่าย

คนอื่นไม่อาจรอดจากผู้ฝึกฌานระดับกุมชะตาเกิดดับ กระทั่งหากไม่มีแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ต่อให้ซูหมิงมีร่างแยกเอ้อชางก็ต้องตายอย่างแน่นอน

ทว่า แดนประหลาดวงแหวนบูรพาทำให้เขาอาจจะเป็นคนแรกที่รอดชีวิตจากผู้ฝึกฌานระดับกุมชะตาเกิดดับ และยังได้ตระหนักรู้อีก

นี่คือโอกาสที่เข้ามาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version