Skip to content

สู่วิถีอสุรา 877

ตอนที่ 877 แสงแห่งหิ่งห้อย

“ยึดร่าง?” ซูหมิงยืนอยู่บนที่ราบ ไม่ได้ถอยไป เขาคาดเดาออกอยู่หกส่วนตั้งนานแล้ว ยามนี้เห็นวิญญาณวัตถุของช้างมงคลเข้ามาจริงๆ นัยน์ตาเขาจึงขยับประกาย และยังเดินหน้าไปหนึ่งก้าวเหมือนจะยอมเป็นฝ่ายให้ยึดร่าง

ดวงจิตมหึมาตรงเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นซูหมิงไม่ถอยแต่เข้ามาหาจึงเกิดความลังเลใจ ทว่าเขารอโอกาสนี้มาหลายหมื่นปีแล้ว จะละทิ้งไปเพราะลังเลได้อย่างไร

ดวงจิตนี้ลงมายังร่างซูหมิงทันที แล้วไหลไปยังรูขุมขนทั่วร่างเขาราวกับสายน้ำ หลั่งทะลักเข้าสู่ร่างกายอย่างบ้าคลั่ง และยังมีเสียงหัวเราะคลุ้มคลั่งดังในจิตใจเขา

“ได้เป็นร่างกายของข้า นี่คือโชควาสนาของเจ้า ในเมื่อเจ้าให้สัญญาว่าจะพาข้าไป เช่นนั้น…เจ้าก็เป็นของข้า!”

เกิดเสียงโครมในจิตใจซูหมิง ทว่าสีหน้าเขากลับเรียบนิ่งตลอด เหมือนว่าไม่ได้สนใจเรื่องการยึดร่างเลย หลังจิตใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาก็นั่งขัดสมาธิลงแล้วค่อยๆ หลับตา

“พรสวรรค์เผ่ายมโลกคือการยึดร่างคนอื่นและถือกำเนิดขึ้น เจ้าเป็นเพียงวิญญาณวัตถุของของวิเศษเล็กจ้อย กระทั่งมีโอกาสสูงมากที่จะไม่ใช่วิญญาณแท้จริง แต่เป็นเศษเสี้ยววิญญาณที่หลอมรวมอยู่ในของวิเศษด้วยเหตุอะไรบางอย่าง น้ำหน้าอย่างเจ้า….ยังกล้ายึดร่างข้าอีกรึ?” วินาทีที่ซูหมิงหลับตาลง กระแสจิตปะทุออกมาจากจิตใจ ส่งเสียงดังสนั่นฟ้าดินราวกับฟ้าผ่า

ขณะเดียวกับที่ดวงจิตมหึมาทะลวงเข้าสู่ร่างกายเขา ดวงตาช้างมงคลไม่ได้ขุ่นมัวอีก แต่เข้าสู่การหลับใหล แสงสว่างจากตัวมันมัวหมอง แม้แต่ตาชั่งยังเสียความมันวาว โลกทะเลหมอกแห่งนี้ก็เงียบสงัดในทันที

ไม่มีการหมุนตลบ ไม่มีเมฆม้วนตัว ทุกอย่างหยุดนิ่งหมด

ทว่าเทียบกับความสงบนิ่งแล้ว ในใจซูหมิงกลับเกิดลูกคลื่นและเสียงดังไม่หยุดหย่อน ดุจดั่งพายุฝนกระหน่ำ ภูเขาถล่มแผ่นดินแยก

จิตใจเขาเหมือนกับผืนฟ้า ผืนฟ้านี้เป็นสีม่วง กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตคล้ายกับฟ้ากระจ่างดาว ตอนนี้เอง กลางผืนฟ้าดวงดาวสีม่วงมีหมอกสีเทาอยู่กลุ่มหนึ่ง แผ่กระจายไปจำนวนมาก ครองพื้นที่ไปราวๆ หลายหมื่นจั้งแล้ว แม้มองจากไกลๆ จะดูไม่ใหญ่ แต่หากมองใกล้ๆ ก็มากพอจะสร้างความตื่นตะลึงให้ได้

ขณะหมอกสีเทาม้วนตลบก็เผยใบหน้าแก่ชรารางๆ ใบหน้าหนึ่ง ตอนนี้สีหน้าของใบหน้านั้นบิดเบี้ยว และกำลังขยายพื้นที่ไปรอบๆ ไม่หยุดหย่อนด้วยความดีใจและความบ้าคลั่งที่อัดอั้นมานานหลายหมื่นปี

“ฮ่าๆ ข้ารอมาหลายหมื่นปีแล้ว หลายหมื่นปีเชียว ในที่สุดทูตก็มาถึง ได้โอกาสออกไปจากโลกนี้เสียที ข้าจะยึดร่างเจ้าอย่างดี จะบำรุงร่างกายเจ้าอย่างดีเลย จะให้เจ้าได้ลิ้มลอง…ความเจ็บปวดที่ต้องเสียร่างกายไป!” กลางฟ้ากระจ่างดาวสีม่วง หมอกสีเทาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและขยายออกอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็ขยายไปสิบเท่า

มองไปหมอกสีเทาดูกว้างใหญ่กว่าเดิม ดูน่าสะพรึงกลัวอยู่รางๆ

“ฮ่าๆ เจ้าจะเล่นซ่อนหากับข้าอย่างนั้นรึ อย่างนั้นก็ได้ ข้าจะหาวิญญาณเจ้าให้เจอ ถึงจิตใจเจ้าจะใหญ่นักหนา แต่ก็หนีข้าไม่รอดหรอก…ข้าจะค่อยๆ หาวิญญาณเจ้าแล้วกินวิญญาณเจ้าเสีย ข้ามีเวลาอยู่แล้ว!” ใบหน้าชายชราในหมอกสีเทาดูคลุ้มคลั่ง ภายใต้การแผ่กระจายอีกครั้ง หมอกสีเทาก็ขยายไปไกลยิ่งกว่าเดิม

เวลาค่อยๆ ผ่านไป หมอกสีเทาขยายไปไม่หยุดหย่อน ทว่ากลับไม่เจอวิญญาณซูหมิงเลย ชายชราจากหมอกเทาเห็นทะเลดาราสีม่วงกว้างไกลไร้พรมแดน สีหน้าก็เริ่มทะมึนลง

“ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะหนีไปอยู่ที่ใดได้!” เขาเหมือนสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนที่พ่นลมหายใจออกมา หมอกเทารอบตัวเขาพลันเพิ่มขึ้นและกระจายไปรอบๆ อย่างไร้สิ้นสุด เสี้ยวขณะเดียวก็กินฟ้ากระจ่างดาวไปมากกว่าครึ่ง

มองไกลออกไป ผืนฟ้าไร้ขอบเขตเป็นหมอกสีเทาของชายชราทั้งหมด มิหนำซ้ำเขายังสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ทุกจุดของผืนฟ้านี้จากสีม่วงเปลี่ยนเป็นสีเทาในพริบตา ถูกหมอกเทาเข้าปกคลุมทั้งหมด

ตอนที่มองไป ฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงจากจิตใจซูหมิงไม่ใช่ของเขาอีก แต่เป็นของชายชรา ชายชราคนนี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเงียบลงโดยพลัน สีหน้าทะมึนทึบอีกครั้ง เพราะเขาที่นึกว่าตนยึดครองจิตใจของอีกฝ่ายได้แล้ว…ยังหาวิญญาณซูหมิงไม่พบ

“บัดซบ เจ้าหนูนี่ซ่อนตัวลึกจริงๆ แต่ข้าก็ยังหาเจ้าให้เจอได้!” ชายชราตะโกนเสียงต่ำ ไม่รู้ว่าใช้อภินิหารวิชาใด ร่างจากหมอกเทาพลันระเบิดออก กลายเป็นเส้นสีเทานับไม่ถ้วน ก่อนจะเคลื่อนตัวไปรอบๆ เหมือนอยากทำลายฟ้าผืนนี้

เวลาผ่านไปอีกครั้ง หลายชั่วยามต่อมา ชายชราก็เอ่ยเสียงก้องด้วยความคลุ้มคลั่ง

“เจ้าอยู่ที่ใดกันแน่! ข้ายึดจิตใจเจ้าทั้งหมดแล้ว เหตุใดถึงยังหาวิญญาณเจ้าไม่พบ เป็นไปไม่ได้ วิญญาณเจ้าซ่อนอยู่ที่นี่!”

“ถ้าเจ้าไม่ออกมา ต่อให้เจ้าซ่อนตัวอีกหลายหมื่นปีก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ข้าควบคุมร่างกายเจ้าแล้ว หากเจ้ากล้าออกมารบกวน ข้าจะกินเจ้าทันที!”

ชายชราส่งเสียงตะโกน ทว่าไม่นานนักก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เพราะเขาพบว่าเขา…ออกไปจากที่นี่ไม่ได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการควบคุมร่างกายซูหมิงเลย

“นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!” ชายชราหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เขาลองออกจากฟ้ากระจ่างดาวของจิตใจซูหมิงอีกครั้งอย่างไม่ยอม และลองควบคุมร่างกายซูหมิงดู ทว่าหลังจากลองติดกันอยู่หลายครั้งก็ต้องตื่นกลัว เพราะเขา…ทำสิ่งนี้ไม่ได้

นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในความทรงจำเขา เขาคิดหาเหตุผลไม่เจอ ขณะร้องคำรามด้วยความโกรธก็บ้าคลั่งขึ้นมา หมอกจำนวนมากม้วนตลบ คลับคล้ายว่าอยากจะระเบิดจิตใจซูหมิง

“สมควรตาย ข้าจะหาวิญญาณเจ้าให้พบ ข้ามีเวลามากพออยู่แล้ว รอข้าหาวิญญาณเจ้าเจอเมื่อไร ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวด!”

ขณะเขากำลังคลุ้มคลั่งก็มีเสียงเรียบนิ่งพลันแว่วมาจากรอบๆ

“เจ้า อยากเจอวิญญาณข้ารึ?”

“โผล่หัวออกมาเสีย!” ชายชราได้ยินเสียงนี้ก็ตะโกนทันที เสียงเขาดังมาจากในหมอกสีเทาที่ตนอยู่ ประหนึ่งว่าฟ้ากระจ่างดาวที่ยึดครองกำลังร้องตะโกน

“ตามที่เจ้าต้องการ” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ แบบไม่ช้าและไม่เร็ว ทันใดนั้นเอง นอกฟ้ากระจ่างดาวที่หมอกเทาของชายชรายึดครองก็ปรากฏ…ฟ้ากระจ่างดาวขนาดเท่ากันอีกหนึ่งแห่ง สองแห่ง สามแห่ง…จนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มีฟ้าดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากรอบๆ

มีทั้งหมดหนึ่งแสนผืนฟ้า!

แต่สิ่งที่ชายชรายึดครองอยู่เป็นเพียงหนึ่งในแสนของฟ้ากระจ่างดาวเท่านั้น!

นี่ต่างหากคือฟ้าของจิตใจทั้งหมดที่วิญญาณเขาอยู่!

ภาพนี้ทำให้ชายชราตกตะลึงสุดขีด ในพริบตานี้สีหน้าเขายิ่งสับสน นี่มันเหนือจินตนาการไปแล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีจิตใจคนที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย

“เจ้าอยู่ที่ใด!” ชายชราใจสั่นไหว กัดฟันตะโกนไป

“ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้า เงยหน้าขึ้น เจ้าก็จะเห็นข้า” เสียงที่ตอบชายชราดังสนั่นมาพร้อมกันจากฟ้ากระจ่างดาวแสนแห่ง

ชายชราเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ เขาพลันตัวสั่นงันงก และเห็น…..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version