Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 237


บทที่ 237 คนดีที่สุด! (ต้น)

ฝึกฝน!

อีกหลายวันถัดมา ทั้งสี่คนต่างหันไปฝึกปรืออย่างบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกันการรับสมัครศิษย์ใหม่ได้มีการกำหนดวันขึ้นแล้ว และนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่สถานศึกษาฉางหลานเปิดรับศิษย์ใหม่

โดยมีราชสำนักแห่งแคว้นเจียงและสำนักอัปสรเมรัยร่วมด้วยช่วยกันในการประชาสัมพันธ์ ทำให้ข่าวการเปิดรับศิษย์ใหม่ของฉางหลายแพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเจียงอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุให้ ณ เวลานี้มีผู้คนจากทุกสารทิศมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงเพื่อสมัครเข้าทำการคัดเลือก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ไร้คู่แข่งอย่างสถานศึกษาฉางมู่ สถานศึกษาฉางหลานจึงถือเป็นตัวเลือกเพียงแห่งเดียว!

ผนวกกับชื่อเสียงของเยี่ยฉวนและคนอื่น ดังนั้นคนมากมายนับไม่ถ้วนจึงมาเนืองแน่นกันอยู่ในเมืองหลวง เมื่อได้รับการสนับสนุนจากทั้งสำนักอัปสรเมรัยและราชสำนักแคว้นเจียง จึงยิ่งได้รับความสนใจทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาอย่างต่อเนื่อง

ที่ด้านหลังเทือกเขาที่ตั้งของสถานศึกษาฉางหลาน

ในป่าไม้ไผ่หนาแน่น เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิบนพื้นดิน โดยมีกระบี่หลิงซิ่วลอยตัวกลางอากาศอยู่ข้างกาย เขากำลังเพ่งกระแสจิตแน่แน่ว เพื่อรวบรวมพลังแห่งปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่เข้าสู่ศูนย์รวมภายในดวงตา พลันเปลือกตาทั้งสองข้างกระพือเปิดทันที

ฉับ!

รัศมีกระบี่สองลำแสงพุ่งวาบออกมาจากดวงตาทั้งคู่ แสงสว่างแวบวาบปานฟ้าแล่บ ลำแสงพุ่งยาวไกลกว่าหลายจั้ง ฉับพลันกอไผ่กลุ่มหนึ่งลำต้นถูกขาดกระจุยราวกับสะบั้นด้วยของมีคม!

สัมผัสต่อสิ่งนี้ มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม ก่อนหน้านี้เยี่ยฉวนเพียรพยายามฝึกฝนดวงตากระบี่ ทว่ายังไม่สำเร็จทักษะในการควบคุม บัดนี้ความสามารถในการควบคุมรัศมีกระบี่สำเร็จขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้ว แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เยี่ยฉวนมุ่งหน้าฝึกปรืออย่างต่อเนื่อง!

ดังนั้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งสี่จึงต่างคนต่างเร่งรัดฝึกฝนหนักหน่วง ในฐานะที่เยี่ยฉวนมีตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ใหญ่ เขาจึงต้องทำหน้าที่ดูแลทุกอย่าง

รวมทั้งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของโม่อวิ๋นฉีและคนอีกสองคน ทุกวันเยี่ยฉวนจะลงจากภูเขา เตรียมจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับการฝึกปรือให้กับโม่อวิ๋นฉีและพวก!

ขณะที่สถานศึกษาฉางหลานเริ่มก่อร่างพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินทองพลันไหลหลากประดุจสายน้ำก็ปาน……

ถึงตอนนี้ ทั้งสถานศึกษา โม่อวิ๋นฉีรวมทั้งคนอื่น เงินทองนับว่าจำเป็นยิ่ง!

นอกจากนั้นเยี่ยฉวนไม่เคยคิดตระหนี่ถี่เหนียวไว้เพื่อประโยชน์ของตนเอง!

เพราะเขาไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ใหญ่ของฉางหลานเท่านั้น หากแต่ยังเป็นพี่ใหญ่ของคนทั้งสาม ดังนั้นในฐานะของพี่ใหญ่จึงต้องมีหน้าที่ดูแลคนที่อยู่ในความปกครอง เมื่อถึงคราวสู้เขาก็จะสู้สุดใจขาดดิ้น เมื่อคราวต้องดุด่าว่ากล่าวเขาก็ดุด่าด้วยความหวังดี และเมื่อถึงคราวที่ต้องปกป้องคนของตน เขาก็จะปกป้องทุกคนด้วยชีวิต!

วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกเพียงหนึ่งวันจะเป็นวันรับสมัครคัดเลือกศิษย์ใหม่ของสภานศึกษาฉางหลาน

ในยามค่ำคืน

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งอยู่ท่ามกลางป่าต้นไผ่ กระบี่หลิงซิ่วเตรียมพร้อมข้างกายเฉกเช่นเคย พลันปณิธานกระบี่แผ่กระจายออกครอบคลุมบริเวณในรัศมี 100 หลาราวตาข่ายร่างแห

สัมผัส!

ณ ตอนนั้นเขาสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบกาย ทักษะดวงตากระบี่ประกอบด้วยสามขั้นตอน และเยี่ยฉวนก้าวเข้าสู่ขั้นสองสามของทักษะนี้แล้ว!

การสัมผัส!

รับรู้ได้ด้วยใจ ในชีวิตที่ผ่านมาเยี่ยฉวนเคยมีดวงตาใช้ในการมองเห็น ทว่าตอนนี้เขาต้องใช้ดวงใจมองแทนดวงตา!

เคล็ดวิชาดวงตาและดวงใจ ล้วนก้าวสู่ขั้นที่สองเช่นเดียวกัน!

ดวงตามองเห็นเพียงเปลือกนอก ขณะที่ดวงใจมองเห็นถึงแก่นแท้ภายใน!

เยี่ยฉวนนั่งสมาธิมาทั้งวันกับคืน ในช่วงเวลานั้นเขารู้สัมผัสถึงสายลม พลังจากพื้นดิน ดอกไม้ ต้นไม้ กระทั่งปุยเมฆบนท้องฟ้า……

ทุกสิ่งอย่าง!

เขาไม่เคยรู้สึกสัมผัสอย่างลึกซึ้งต่อสิ่งเหล่านี้จากการมองด้วยตาเปล่า

ก่อนหน้านี้สตรีลึกลับเคยบอกว่าสิ่งมีชีวิตต้องสำนึกบุญคุณต่อโลก และตอนนี้เยี่ยฉวนเข้าใจความหมายในคำพูดของนางแล้ว

ขั้นที่สามของทักษะดวงตากระบี่ก็คือความคิด!

ดังที่เรียกว่า ‘ความคิด’ นั้นแท้จริงแล้วคือความตระหนักรู้!

ในบางครั้งบางคราว ความคิดก่อให้เกิดคุณประโยชน์อย่างมหาศาลกับบางคน!

เช่นเดียวกับเยี่ยฉวนที่หลายปีมานี้เขาเป็นคนที่มักหุนหันพลันแล่น

……ร่างของชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิสงบนิ่ง ภายในสถานที่เงียบสงัด ที่มีเพียงแสงสว่างแห่งดวงเดือน

อีกด้านหนึ่งของภูเขา ไป๋เจ๋อแม้เขาจะสำเร็จพลังสันโดษแล้วก็ตาม หากทว่ายังมิได้คิดหยุดพักด้วยไม่ประสงค์จะตกเป็นรองคู่ปรับอย่างโม่อวิ๋นฉีอีกต่อไป……

ถ้าโม่อวิ๋นฉีแข็งแกร่งกว่าตนเมื่อใด เจ้านั่นจะมาท้าตีท้าต่อยกับเขาก่อนใครอื่น!

พ่ายให้กับเยี่ยฉวนยังไม่น่าละอาย แต่ถ้าแพ้ให้กับเจ้ากะล่อนโม่อวิ๋นฉี มีหวังต้องอับอายขายขี้หน้าไปอีกนาน!

การฝึกปรือของเขาในเวลานี้คือการควบคุมพลังอสูรในร่างกาย สมรรถนะของไป๋เจ๋อนั้นทั้งไร้ผู้ทัดเทียม ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพซึ่งคนในขั้นพลังเดียวกันยากที่จะรับมือ ต่อให้เป็นศัตรูยอดยุทธ์ขั้นผสานเทพ เขาก็ไม่หวาดเกรง!

ต้องใช้เงิน!

การเสริมสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ต้องใช้เงิน!

ช่วงเวลาการฝึกปรือ เขาไม่เคยห่างหายจากยาโอสถหลากชนิดและยังยาบำรุงสารพัดสารพัน อีกทั้งตัวเองก็ไม่เคยรับรู้ว่าต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปมากน้อยเท่าใด ด้วยยาโอสถสมานกายาที่กินเข้าไปแต่ละเม็ดนั้นมีราคาหลายแสนเหรียญทอง……

บนสันเขาฉางหลาน คนผู้หนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วปานลมกรด ตลอดทางโม่อวิ๋นฉีวิ่งผ่านเขาลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่งโดยมีลูกตุ้มเหล็กถ่วงไว้ตามร่างกายหลายลูก เขากำลังฝึกฝนอย่างหนัก!

โดยจุดหมายปลายทางคือความแข็งแกร่ง!

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าตนต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนผู้หนึ่ง เจ้าหัวขโมยเยี่ยฉวนมักกลั่นแกล้งข่มเหง แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้หนักหนาหรอก บัดนี้เจ้ายักษ์ไป๋เจ๋อสำเร็จขั้นสันโดษแล้ว มินำซ้ำมักทำทีแวะเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิด แต่ความจริงมาแอบดูเพื่อท้าทายเขานั่นเอง!

เขาจะไม่ทนอีกแล้ว!

ดังนั้นจึงได้ยินเสียงของโม่อวิ๋นฉีคำรามลั่นขณะที่คนเร่งความเร็วขึ้นอีก ความเร็วในเวลานี้ของเขายิ่งกว่าพายุพัด!

ด้วยถึงแม้จะมีโครงสร้างร่างกายที่พิเศษ แต่เขาก็มิได้หยุดที่จะหมั่นฝึกปรือ สภาพรูปร่างเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ถือเป็นข้อได้เปรียบก็จริง แต่ถ้าปราศจากการใส่ใจฝึกฝนเสียแล้ว เขาก็คงเป็นแค่ไอ้บ้าคนหนึ่ง!!

อีกทั้งตอนนี้เขามีโอกาสได้บริโภคสิ่งซึ่งส่งเสริมพละกำลังที่เยี่ยฉวนจัดหามาให้ที่มีชื่อว่าโอสถจิตวิญญาณวายุ อันมีอิทธิฤทธิ์ช่วยกระตุ้นสมรรถนะของร่างกายโดยตรง ทำให้สามารถดึงกระแสลมเข้ามาเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว

นอกจากนั้นยังมีโอสถยาผสานชี่ด้วย ซึ่งหากไม่ได้โอสถพวกนี้……เขาคงจะไม่สามารถฝึกปรือได้ตลอดทั้งวันเป็นแน่!

ความเป็นยอดฝีมือนั้นสำคัญ และสิ่งที่ช่วยส่งเสริมก็สำคัญเช่นกัน แต่นอกเหนือสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ปัจจัยเงินนับว่าสำคัญยิ่งในเวลานี้!

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version