บทที่ 837 : กระบี่แมวดำ! (ต้น)
ภายหลังออกมาที่ด้านนอกหอโถง โม่เยี่ยขึ้นไปยังยอดเขา เมื่อไปถึงจึงหย่อนตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้น เปลือกตาทั้งสองข้างค่อยปิดลงอย่างช้าๆ มือทั้งสองข้างวางบนหัวเข่า
ขณะต่อมาภาพแห่งการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าผุดขึ้นมาในจิตสำนึก
หลังการต่อสู้นอกจากจะค้นพบข้อบกพร่องของตนแล้ว มิหนำซ้ำยังมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งเสียด้วย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสู้ศึกกับเยี่ยฉวน เขาได้ประโยชน์มหาศาล!
…
นับแต่นั้นสำนักแมวดำและคนของดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางใช้เวลาไปกับการรักษาตัวเอง
เพราะต่างเข้าใจดีว่า……คนจากต่างดินแดนและดินแดนจักรวาลดาวเที่ยนเหอจะกลับมาแน่นอน! เมื่อยอดฝีมือจากต่างดินแดนและดินแดนจักรวาลดาวเที่ยนเหอกลับมา……เมื่อนั้นคงเป็นการศึกครั้งสุดท้าย
ระหว่างที่พักอยู่ในหอศิลา เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ที่เบื้องหน้าคือกระบี่แมวดำ!
ภายหลังที่ได้สร้างความขัดเคืองแก่หลิงน้อย กระบี่ถูกเด็กหญิงไล่ล่ามาตลอด เยี่ยฉวนเห็นว่าอาหลิงยังโมโหอยู่ไม่หาย ชายหนุ่มจึงรีบฉวยกระบี่ออกมา
กระบี่แมวดำ……
สายตาจับจ้องมองไปยังกระบี่ที่อยู่ตรงหน้า……นั่งเงียบ
พลังแมวดำ!
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสพลังชนิดนั้นได้อย่างชัดเจน ทั้งมีพลังอำนาจมหาศาลทั้งยอดเยี่ยมจริงๆ
ถึงกระนั้น พลังที่ว่าต้องการให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจ!
เสมือนเป็นดาบสองคม!
ทันใดนั้นมีเสียงเจ้าหุนพูดขึ้นในหัวของเยี่ยฉวน ‘นายท่าน กระบี่เล่มนี้ซับซ้อนนัก’
เยี่ยฉวนรีบถามสวนออกไปทันที “ซับซ้อนอย่างไร?”
เสียงเจ้าหุนตอบว่า ‘กระบี่เล่มนี้มาพร้อมแหล่งพลังอำนาจซึ่งดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น กระบี่ชนิดนี้หายากนัก ดวงตาบนกระบี่ก็น่าฉงนใจยิ่ง’
ชายหนุ่มย้อนถาม “น่าฉงน? หมายความว่าอย่างไร?”
เจ้าหุนตอบ “ไม่รู้……ทว่าเป็นความรู้สึกน่าฉงนสำหรับข้า ทั้งพลังกระบี่น่าจะถึงระดับขั้นก่อเกิดชั้นเนรมิตและยังเป็นพลังก่อเกิดชั้นแก่นแท้อีกด้วย”
เยี่ยฉวนเอ่ยถามเสียงต่ำอย่างลังเล “อาวุธมหัศจรรย์ที่มีพลังขั้นก่อเกิดชั้นเนรมิตแบ่งออกเป็นแก่นกำเนิดหรือได้รับมาอย่างนั้นหรือ?”
เสียงอีกฝ่ายให้ความกระจ่างว่า “ถูกต้อง ขั้นก่อเกิดแบ่งเป็นสามชั้น ชั้นแรกคือพลังก่อเกิดชั้นหล่อหลอม เป็นชั้นพลังที่ได้จากการรังสรรค์ขึ้นมา พลังมีข้อจำกัด ชั้นที่สองเรียกว่าพลังก่อเกิดชั้นแก่นแท้ ในชั้นนี้ปราศจากการสร้างสรรค์ใดๆ ทั้งสิ้นหรือเกิดจากแก่นกำเนิดของอาวุธชนิดนั่นเอง ทว่าในช่วงหลังมานี้มีการสร้างอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่นกระบี่ข้า เมื่ออยู่ในสำนักเจ้านรกจะสูบเอาดวงวิญญาณมากมายเป็นเวลาช้านานนับหมื่นปี ก่อนจะใช้ดวงวิญญาณเหล่านั้นรังสรรค์กลั่นออกมาเป็นกระบี่ จนในที่สุดจึงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ด้วยนายท่านคนก่อน”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “อย่างนี้เอง! กระบี่แมวดำคงเหมือนกันสินะ?”
เจ้าหุนตอบว่า “ใกล้เคียง”
ชายหนุ่มถามขึ้นอีก “ชั้นที่สามเล่า?”
เสียงที่ตอบกลับพลันแหบห้าว “ชั้นเนรมิต”
อีกฝ่ายฟังพลางสีหน้าประหลาดใจ
เจ้าหุนอธิบายว่า “สมบัติล้ำค่าขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตที่รังสรรค์ขึ้นบางครั้งทรงพลังเสียยิ่งกว่าพลังขั้นก่อเกิดชั้นแก่นแท้ เมื่อผู้ฝึกพลังจนถึงระดับสูงสุด พวกเขามักจะฝืนกฎแห่งธรรมชาติ”
เยี่ยฉวนมองดูกระบี่แมวดำเบื้องหน้าสีหน้าใคร่ครวญ เชื่อแน่ว่ากระบี่เจิ้นหุนเป็นอีกหนึ่งซึ่งฝืนกฎแห่งธรรมชาติ ปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลานี้คือกระบี่นั้นแตกต่างจากกระบี่เจิ้นหุน เจ้าหุนเริ่มยอมรับเขาในฐานะนายท่าน ส่วนกระบี่นั่นไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับในฐานะนายท่านของมันแต่อย่างใด ไม่เพียงไม่ยอมรับเท่านั้น ทว่ากลับต้องการให้เขาตกเป็นทาสด้วยซ้ำไป!
กระบี่เล่มนั้นมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง!
พักใหญ่ต่อมาเยี่ยฉวนเก็บกระบี่แมวดำแล้วออกจากหอศิลาทันที
ชายหนุ่มมาถึงยังหุบเขาบริเวณที่ตั้งของสำนักแมวดำ ขณะที่เขาเพิ่งย่างเท้าเข้าไป พลันต่อมามีหนุ่มน้อยผู้หนึ่งโผล่ออกมาขวางทางเบื้องหน้า
คนผู้นี้คือจั่วชิง!
จั่วชิงเมื่อเห็นคนผู้มาเยือน เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “พี่เยี่ย มีเรื่องอะไร?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าตอบ “ข้ามาหาเขา!”
อีกฝ่ายเข้าใจดีว่าเยี่ยฉวนพูดถึงใคร จั่วชิงจึงบอกกับเขาว่า “ตามข้ามา!”
ต่อมาเยี่ยฉวนเดินตามจั่วชิงขึ้นไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง คนที่นั่นเมื่อเห็นคนที่เข้ามา โม่เยี่ยซึ่งเดิมกำลังนั่งสมาธิรีบผุดลุกขึ้นทันที ก่อนเดินตรงไปหาเยี่ยฉวน ฝ่ายหลังยิ้มในหน้าขณะเดียวกันเยี่ยฉวนเผยฝ่ามือข้างขวาออกไป ทันทีนั้นกระบี่แมวดำปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือ ชายหนุ่มจึงยื่นกระบี่กลับคืนให้กับโม่เยี่ย
คนที่รับกระบี่เหลือบมองหน้าเยี่ยฉวนพลางเอ่ยปาก “พี่เยี่ย……”
เยี่ยฉวนบอกทันที “ข้านำมาคืนให้เจ้าของเดิม!”
เขาไม่ใช่โจรผู้ร้าย ไม่เคยคิดเอาของที่มิใช่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่หยิบยืมมา
ถึงแม้เป็นคนที่ไม่กระดากเก้อเขิน……ก็ต้องขอบเขตกันบ้าง!
โม่เยี่ยยื่นมือออกไปรับกระบี่มาถือไว้ ก่อนจะส่งกระบี่ให้คนตรงหน้า เยี่ยฉวนฉายแววอย่างประหลาดใจต่อท่าทีนั้น “อะไร?”
คนตรงกันข้ามกล่าวว่า “ถ้ากระบี่เล่มนี้อยู่กับสำนักแมวดำ พวกเราคงไม่ได้นิยมชื่นชมสักเท่าใด ทว่ามาอยู่ในมือเจ้ามันเปล่งประกายเจิดจ้านัก”
เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงขรึม “นี่เป็นสมบัติล้ำค่าพลังขั้นก่อเกิดชั้นเนรมิตเชียวนะ!”
โม่เยี่ยหัวเราะเสียงดัง “ข้ารู้!”
เขาพูดพลางมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาครุ่นคิด “ต่อไปสำนักแมวดำต้องร่วมมือกับดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยาง ไม่ว่าพวกเราจะอยู่รอดหรือไม่ ทว่าความขัดแย้งยังคงมีอยู่”
คนพูดเบนหน้ามองไปที่เส้นขอบฟ้าพลางเอ่ยแผ่วเบา “ความขุ่นข้องหมองใจระหว่างสำนักแมวดำและดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยาง……”
ว่าแล้วสะบัดศีรษะแรงๆ “ถ้าเวลานี้ทำใจให้ยอมรับไม่ได้……ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ท่านพี่โม่ ข้ามีเรื่องจะถาม เหตุใดพวกต่างดินแดนและดินแดนจักรวาลดาวเที่ยนเหอถึงอยากทำลายสำนักแมวดำและดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางนัก? แย่งชิงดินแดน……งั้นหรือ?”
โม่เยี่ยตอบเสียงเรียบ “เกือบใช่!”
ขณะนั้นสายตาของคนพูดมองเลยขึ้นไปบนท้องฟ้า “ดินแดนจักรวาลดวงดาวมีอยู่มากมายหลายแห่ง อย่างเช่นดินแดนจักรวาลดาวเที่ยนเหอ ดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยาง อารามสุญญดารา……และตอนนี้มีเพียงอารามสุญญดารากับดินแดนจักวาลดาวเว่ยหยางที่ดำรงอยู่ได้ อารามสุญญดาราอยู่ห่างไกลจากพวกเรามากนัก อีกทั้งล้อมรอบด้วยชั้นบรรยากาศที่สับสนซับซ้อน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะสัญจรโดยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้อย่างเด็ดขาด นอกจากนั้นอารามสุญญดารายังเป็นสถานที่ที่ทรงพลังอำนาจ ทุกคนจึงเข้าใจว่าดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!”
เยี่ยฉวนนิ่งฟังก่อนจะเอ่ยเสียงเคร่ง “เหตุใดพวกเราถึงอยู่เฉยบ้างไม่ได้? พลังสูญหายไปหมดแล้วงั้นหรือ?”
โม่เยี่ยพยักหน้า “พลังชี่จิตวิญญาณมีอยู่ในโลกทุกแห่ง เช่นกันกับดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางซึ่งมีแหล่งวัตถุพื้นฐานที่อุดมไปด้วยพลังชี่จิตวิญญาณ ทว่าพลังนี้ใช่ว่าจะไม่มีวันหมด …และตอนนี้ดูเหมือนพลังจะไม่มีหลงเหลืออีกต่อไป”
ว่าแล้วเขาหันหน้าไปทางกำแพงใหญ่จางเถี่ยนก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้พลังชี่จิตวิญญาณของดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางจะยังดำรงอยู่ต่อไปได้อีกเกือบร้อยปีเท่านั้น”
ชายหนุ่มผู้ฟังพยักหน้า “อย่างนี้เอง”
คนพูดสีหน้าแสดงออกถึงความลังเล ก่อนถามออกไปว่า “สำนักแมวดำและดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางทั้งสองแห่งจะอยู่ร่วมกันในดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยาง……ไม่ได้หรือ?”
