บทที่ 970 : ข้าเป็นคนหน้าด้านและไร้ยางอาย! (ปลาย)
เยี่ยฉวนยืนอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดทั้งคู่ถึงสู้กัน?
ยามนั้นหอคอยแห่งเรือนจำเริ่มสั่น จากนั้นมันแล่นเข้าหาอาหลิงน้อยอย่างรวดเร็ว
เด็กตัวน้อยแผดเสียงตะโกนลั่นอย่างโกรธจัด “เตรียมตัวตายซะเถอะ!”
ว่าแล้วคนตัวเล็กตวัดกระบี่ ก่อนจะแทงสวนไปที่หอคอยแห่งเรือนจำอย่างแรง
ดังนี้ บนอากาศปรากฏภาพอาหลิงน้อยและหอคอยแห่งเรือนจำกำลังต่อสู้กัน!
เยี่ยฉวนทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองอย่างฉงน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ต่อมาสีหน้าของชายหนุ่มกลับเคร่งเครียดขึ้นทีละน้อย เพราะเขาสังเกตเห็นว่าอาหลิงมีพลังแกร่งกล้านัก! กระบี่ที่ใช้ก็ทรงพลังมาก เช่นกันกับเด็กน้อย!
เยี่ยฉวนเคยรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหอคอยแห่งเรือนจำแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้แจ้งยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้อาหลิงน้อยกับหอคอยแห่งเรือนจำ ต่างมีพลังความแกร่งที่ค่อนข้างจะคู่คี่สูสีไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ!
พลังความแกร่งกล้าของอาหลิงน้อยยังเป็นปริศนามาโดยตลอดเหมือนกับหอคอยแห่งเรือนจำ…
ทันใดนั้นหอคอยแห่งเรือนจำกับอาหลิงน้อยหยุดนิ่งอย่างฉับพลัน
เด็กหญิงถือกระบี่และยืนอ้าปากพะงาบๆ “หยุดพักก่อน ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเราค่อยสู้ต่อวันหลัง!”
ฝ่ายหอคอยแห่งเรือนจำสั่นน้อยประหนึ่งจะสื่อสารว่าเห็นด้วย
อาหลิงน้อยถือกระบี่ไว้ในมือ พลันหายกลับเข้าหอคอยแห่งเรือนจำ ขณะที่หอคอยแห่งเรือนจำกลับเข้าสู่กายของเยี่ยฉวน
สองฝ่ายนึกจะสู้ก็สู้ นึกจะเลิกก็เลิกด้วยความรวดเร็ว
เยี่ยฉวนอึ้งทึ่งเลยทีเดียว
ครู่ต่อมาชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมบ่นเบาๆ “ประหลาดคน”
จากนั้น เยี่ยฉวนมองไปยังท้องทะเลอันไกลโพ้น
กฎแห่งเต๋า!
เขาไม่รู้ว่ากฎแห่งเต๋าคืออะไร ทว่ารู้เพียงต้องค้นหามันให้พบ ยิ่งเป็นกฎแห่งเต๋าขั้นสูง……พลังยิ่งมีมาก
ถ้าค้นพบ จะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ตน!
ไม่นานต่อมาเยี่ยฉวนลับกายหายไปจากสถานที่
ค้นหาสิ่งนั้น!
หลังจากนั้นชั่วครู่เยี่ยฉวนก้าวเข้าสู่เขตทะเลมหันต์สมุทร รอบบริเวณมีแต่ความสงบเงียบ อีกทั้งที่ก้นบึ้งยังไร้วี่แววอสูรสัตว์ทะเล
หนึ่งชั่วยามถัดมา เยี่ยฉวนหยุดลงบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง สายตามองไปที่ทะเลมหันต์สมุทรเบื้องหน้า พลางนิ่วหน้าเล็กน้อย
ชายหนุ่มไม่พบร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย!
เมื่อหนึ่งชั่วยามที่ผ่านไป พลังจิตตรวจตราของเขาแผ่กระจายไปทั่วบริเวณเกาะแห่งนี้รวมไปถึงท้องทะเล ทว่าไม่พบสิ่งใด
กฎแห่งเต๋าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?
ชายหนุ่มเริ่มจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ขณะต่อมาร่างของเขาสั่นน้อยๆ และแล่นออกไปไกลทันที
เพียงชั่วครู่ เยี่ยฉวนมาถึงยังบริเวณเหนือท้องทะเล จากนั้น ปลดปล่อยพลังจิตตรวจตราแผ่ออกไป อีกอย่างที่นำมาใช้ในเวลานี้คือจิตวิญญาณมังกร ขณะนี้พลังจิตตรวจตราแผ่ปกคลุมเหนือท้องทะเลในระยะหลายร้อยลี้!
ทว่าก็ยังไม่พบอะไร!
เยี่ฉวนถอนพลังจิตตรวจตรา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ในตอนนั้นกระแสน้ำวนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไม่ไกลเท่าใดนัก ชั่วครู่หนึ่งบังเกิดพลังงานพยายามดึงร่างเขาให้เข้าไปหามัน
ภายหลังจากเยี่ยฉวนถูกพลังดึงเข้าสู่กระแสน้ำวนนั่นแล้ว พลันสีหน้าชายหนุ่มแปรเปลี่ยนวูบ พร้อมกันนั้นใช้กระบี่ฟาดออกไปตรงๆ ทว่าการฟาดครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลแต่อย่างใด!
ชายหนุ่มมองพลางนิ่วหน้า จากนั้นรีบส่งเสียงขึ้นในใจ “สุนัขอสูร?”
ไม่มีเสียงตอบรับ!
เยี่ยฉวนรู้สึกตกใจจึงรีบสื่อสารกับหอคอยแห่งเรือนจำทันที ชายหนุ่มถึงกับตกตะลึงไปทีเดียว เมื่อได้ประจักษ์ชัดว่ากับหอคอยแห่งเรือนจำก็ไม่สามารถสื่อสารได้
เกิดอะไรขึ้น?
ทันใดนั้นชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าที่ที่ตนหยุดอยู่ โดยรอบปกคลุมไปด้วยความมืด!
จนกระทั่งมองไม่เห็นอะไรเลย!
เขานิ่งหน้าเล็กน้อย พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นและฟาดออกไป
หึ่มมม!
ลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่งและหายวับไปกับตา
สีหน้าของเยี่ยฉวนเครียดขรึมขึ้น จากนั้นเผยฝ่ามือออก ต่อมากระบี่บินฝูงหนึ่งพุ่งออกไปรอบทิศทาง ถึงกระนั้นฝูงกระบี่บินกลับหายไปอย่างเงียบเชียบ!
หายไปทั้งหมด!
ชายหนุ่มหน้าหมองไปเล็กน้อย
นี่คือที่ไหน?
ครู่หนึ่ง เยี่ยฉวนขยับเท้าเดินตรงไปข้างหน้า และพื้นที่รอบข้างมีแต่ความมืดมิด ไม่ว่าจะเดินตรงไปอย่างไร รู้สึกเหมือนเดินย่ำอยู่กับที่!
ราวหนึ่งชั่วยามต่อมา เยี่ยฉวนก้าวไปข้างหน้า
ในช่วงหนึ่งชั่วยาม เขาทำทุกวิถีทางทว่ายังไร้ผล!
ยังคงติดอยู่ที่นี่!
ปราศจากเสียงและแสง!
แม้แต่แสงกระบี่ก็คงไว้ไม่ได้!
ที่ว่างอันมืดสนิท ปราศจากสิ่งอื่นใดนอกจากตัวตนและความมืด!
การณ์ดำเนินไปเช่นนี้ กระทั่งผ่านไปสี่ถ้วยชา
เวลานี้เยี่ยฉวนเริ่มไม่ชอบใจ ด้วยความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเข้าถาโถม!
ต่อมา ชายหนุ่มขยับพรวดลุกขึ้น ตวัดฟันกระบี่ในมือออกไปข้างหน้าทั้งรุนแรงและรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมันยังคงมืดสนิท ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ!
ยามนี้เยี่ยฉวนค่อยๆ เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมทีละน้อย “เจ้าเป็นใคร! ออกมาสู้กับข้านี่!”
กระนั้นรอบข้างไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว!
ไม่มีการตอบรับ!
ใบหน้าของเยี่ยฉวนเหี้ยมเกรียมขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนจะผลักออกพลังจิตวิญญาณมังกรและอำนาจมังกรออกไปทันที ต่อมามีกระบี่บินฟาดซ้ายป่ายขวาขึ้นบนลงล่างในทุกทิศทาง ทว่าเกือบจะพร้อมกันที่กระบี่ทั้งหมดหายวับไปในความมืด
เวลาล่วงเลยไปอย่างยาวนาน……บัดนี้เยี่ยฉวนไม่รู้วันเวลาอีกต่อไป!
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ ณ ที่นี้นานเพียงใด!
ทว่ารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานเป็นปีทีเดียว!
ความทุกข์ทรมาน!
ณ บัดนี้ทุกช่วงเวลาทำให้เกิดความทุกข์ทรมานยิ่ง!
จนใกล้จะสติแตกเต็มทีแล้ว!
จนบางครั้งอยากฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด!
เมื่อจิตใจคำนึงถึงความคิดเช่นนี้ ชายหนุ่มกลับตกใจ……
เขาช่างเปราะบางนัก!
ความอดทนอดกลั้นของเยี่ยฉวนช่างอ่อนแอนัก!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ใจหนึ่งเกิดอาการท้อถอยเช่นกัน!
เขาโกรธเคืองเนื่องจากความล้มเหลว และความโกรธเคืองเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตนไร้ความสามารถ……
เขาเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่โดยหัวใจกระบี่วิภาส ทว่า ณ เวลานี้รู้สึกขุ่นเคืองนัก……
……
ผ่านไปพักใหญ่ เยี่ยฉวนตระหนักถึงข้อบกพร่องที่ตนมีอยู่เป็นอันมาก เมื่อเวลาที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ข้อบกพร่องเหล่านี้กลับไม่เคยแสดงออกมา!
ธรรมชาติของมนุษย์!
หลายต่อหลายครั้งที่ข้อบกพร่องกับด้านมืดจะถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด ทว่าตราบใดที่มีโอกาส มันจะเปิดเผยออกมาเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง……
เพราะฉะนั้นอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถขัดขืนต่อการทดสอบและวิธีพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน!
อย่างไรก็ตามในฐานะผู้ฝึกฝนกระบี่ เขาต้องมองเข้าไปในจิตใจรวมทั้งความเลวและด้านมืดของตนเองให้ทะลุปรุโปร่ง
หัวใจกระบี่วิภาสที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?
การมองเข้าไปในจิตใจ รับรู้และทำตามจิตใจของตนเอง
อย่าหลบเลี่ยง!
คนเรามีดีมีเลวด้วยเช่นกัน!
ชายหนุ่มเองก็มีทั้งความดีและความเลวอยู่ในตัว!
ขณะที่ความคิดคำนึงมาถึงตอนนี้ ทันใดนั้นกระบี่ที่ถืออยู่สั่นสะเทือนอย่างแรง……
“มหาเซียนกระบี่คืออะไร?”
เสียงเยี่ยฉวนรำพึงกับตัวเองแผ่วเบา “มนุษย์กลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ ก่อนที่มาเป็นเซียนกระบี่ ก่อนจะเป็นมหาเซียนกระบี่ ตอนเป็นเซียนกระบี่ พวกเขาต้องรู้จักที่จะยอมรับความเป็นตัวเอง ใช่……ข้ามีข้อบกพร่องหลายอย่าง ใช่……ข้าเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย เวลาเจอสตรีมักจะเกิดความคิดลามกจกเปรต ใช่……ข้าเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย……”
หึ่มมม!
เสียงร้องของกระบี่ดังกังวานสะท้านไปในความมืดมิด……
