Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 971


บทที่ 971 : ในตัวเจ้าไม่มีศักยภาพสักนิดเดียว!

เสียงกระบี่ก้องกังวานอยู่ในความมืด!

กระบี่เข้าใจคน!

เยี่ยฉวนย่อตัวนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น ก่อนจะปิดเปลือกตาลง ในเวลานั้นกระบี่ลอยตัวอยู่นิ่งๆ ที่เบื้องหน้า

รู้จักใจตัวเอง!

ในขณะนั้น ชายหนุ่มเข้าใจความจริงบางอย่าง ความจริงที่ว่าเขาต้องเข้าจิตใจของตนเองให้กระจ่างถ่องแท้เสียก่อน

มนุษย์อาจหลอกลวงใครก็ได้ในโลกนี้ ทว่าไม่อาจหลอกลวงหัวใจของตัวเอง!

หัวใจคือกระจกสะท้อนที่สะท้อนความจริงบนโลก!

เยี่ยฉวนลุกขึ้นพร้อมกับแบมือออกไปข้างหน้า ปรากฏกระบี่หมุนคว้างอยู่กลางฝ่ามือ

มันสะท้อนพลังปณิธานกระบี่สองพลัง!

ปณิธานกระบี่คุณธรรมและมาร!

ตอนนี้พลังปณิธานกระบี่ของเยี่ยฉวนได้เปลี่ยนไปแล้ว และด้วยพลังปณิธานกระบี่นี้เอง ทำให้กระบี่เจิ้นหุนที่ถืออยู่ประสบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตระหนกตกใจ!

พลันเสียงของเจ้าหุนพูดขึ้นในใจ “ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน ท่านกลายเป็นมหาเซียนกระบี่โดยแท้จริงแล้ว”

มหาเซียนกระบี่!

เยี่ยฉวนตอบน้ำเสียงอ่อนโยน “เซียนกระบี่กับมหาเซียนกระบี่แตกต่างกันอย่างไร? เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดทีสิ!”

อีกฝ่ายเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง เจ้าหุนพูดขึ้นว่า “สามารถสัมผัสด้วยพลังปณิธานของท่านเอง!”

ชายหนุ่มเผยฝ่ามือข้างซ้ายออกไป พลันสองพลังปณิธานกระจายครอบงำตัวคนไว้ทั้งร่าง หลังจากนั้นไม่นานเยี่ยฉวนพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับพลังปณิธานของตนที่ยากจะอธิบาย!

พลันนั้นเสียงเจ้าหุนกล่าวว่า “พลังปณิธานของท่านมีร่องรอยการสถิตแห่งองค์ความรู้ด้วย”

“องค์ความรู้?”

เยี่ยฉวนถามอย่างสงสัย “หมายถึงอะไร?”

เจ้าหุนตอบว่า “ทุกสิ่งในโลกล้วนมีวิญญาณ ปณิธานกระบี่ก็เช่นกัน ปณิธานกระบี่จะมีวิญญาณหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้เป็นนาย เวลานี้สติปัญญาของท่านเกิดการพัฒนาและเข้าใจในตัวเองรวมทั้งกระบี่อย่างลึกซึ้ง จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของพลังปณิธานกระบี่ การสถิตแห่งองค์ความรู้คือการเปลี่ยนแปลง พลังปณิธานกระบี่จึงมีการสถิตแห่งองค์ความรู้ พลังกับผลกระทบที่ตามมาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าในสิบส่วนจากเดิม ซึ่งหมายถึงหลังจากที่กลายเป็นมหาเซียนกระบี่ ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าในสิบส่วน”

พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงห้าในสิบส่วน!

ชายหนุ่มผลักฝ่ามือออก ทำให้กระบี่ทะยานจากมือเหินออกไป!

ความรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบ!

ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนห้าในสิบส่วนจริงด้วย!

ณ บัดนี้เยี่ยฉวนมั่นใจว่า……สามารถสังหารยอดฝีมือที่ประจันหน้าที่มีพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้ชะตาได้แน่ แม้แต่การลอบสังหารคนพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้แจ้งก็ยังได้!

ขณะนั้นเสียงเจ้าหุนกล่าวขึ้นทันที “นายท่านอย่าได้ทะนงตัว มัวอิ่มอกอิ่มใจ ตอนนี้เป็นมหาเซียนกระบี่โดยแท้จริงแล้ว หากนี่เป็นเพียงการเริ่มต้น การเป็นมหาเซียนกระบี่หมายความว่าต้องเริ่มสื่อสารกับ ‘เต๋า’ เหมือนยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นแรกเริ่มคนอื่น อย่างไรเสีย ‘เต๋า’ เป็นอะไรที่กว้างและลึกซึ้ง ทั้งเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ นานัปการ เวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามคงไม่อาจไขว่คว้าได้หมดแน่นอน”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”

ชายหนุ่มหันไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา “อาหุน ที่นี่คือที่ใด รู้ไหม?”

เสียงตอบจริงจัง “ข้าไม่รู้! ที่นี่แปลกมาก นายท่านระวังตัวให้ดี!”

คนพยักหน้า ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไปขณะกระชับกระบี่ไว้ในอุ้งมือ ในบริเวณเริ่มมีพลังปณิธานกระบี่กระจายไป

พลังอีกอย่างที่ถูกนำมาใช้คือพลังจิตวิญญาณมังกร!

ด้วยมีพลังจิตวิญญาณมังกรมาช่วย ทำให้พลังปณิธานกระบี่ของเยี่ยฉวนทรงพลังขึ้นมาก!

เยี่ยฉวนรับรู้ในทันทีว่าพลังปณิธานกระบี่ถูกพลังงานลึกลับทำลายลง!

สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ สายตามองรอบตัวก่อนหายวับไป ครู่หนึ่งนั้นลำแสงกระบี่จำนวนมหาศาลพุ่งตัดไปในความมืดทั้งแนวตั้งแนวนอน

แฉ่!

ในความมืดสนิท เสียงวัตถุฉีกขาดดังมาให้ได้ยิน พลันเบื้องหน้าเยี่ยฉวนมีแสงสว่างสีขาวนวลฉายวับออกมา

เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวถลันพรวดเข้าไปทางแสงสีขาวนั้นทันที

ต่อมา เยี่ยฉวนสัมผัสสายลมเย็นที่พัดวูบที่พัดผ่านไป

เวลานี้เขาย้อนกลับมาที่ทะเล

ชายหนุ่มสูดหายใจเอาอากาศรอบตัวเข้าเต็มปอดอย่างกระหาย ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ทุกอย่างจะกลายเป็นสิ่งล้ำค่า เมื่อรู้ว่าจะสูญเสียมัน!”

ในความมืด เขาผ่านทุกช่วงเวลาด้วยความรู้สึกว่ามันยาวนานราวกับผ่านมาแรมปี!

ความรู้สึกเช่นนี้น่าสะพรึงกลัว……น่ากลัวยิ่งกว่ายามที่สู้กับยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋านับสิบคนเสียอีก!

เขาเห็นเพียงความมืดไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ความสิ้นหวังฉายชัดขึ้นในจิตใจ… ความทรมานที่ต่อเนื่องยาวนาน!

“เจ้าเป็นนายคนใหม่ของมันงั้นหรือ?”

จังหวะนั้นเสียงพูดของใครคนหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นอยู่ห่างไม่ไกลออกไปทางเบื้องหน้าเยี่ยฉวน!

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะเห็นว่าเบื้องหน้าปรากฏสตรีสวมชุดดำยืนนิ่งอยู่

หญิงสวมชุดดำอายุน่าจะไม่เกินยี่สิบเศษ แต่งกายด้วยชุดยาวสีดำสนิท แต้มจุดสีชาดบริเวณหว่างคิ้ว

พลันเยี่ยฉวนเอ่ยเสียงขรึม “เจ้าเป็นกฎแห่งเต๋า!”

สตรีแปลกหน้ามองตอบอย่างเยือกเย็นและไม่เอื้อนเอ่ยสักคำ!

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนตบป้าบไปยังหอคอยแห่งเรือนจำ “ออกมา!”

ถึงกระนั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้จากหอคอยแห่งเรือนจำ!

ชายหนุ่มถึงกับตะลึงงัน มันไม่ยอมออกมา?

ในขณะนั้นเขาสัมผัสรับรู้ถึงหอคอยแห่งเรือนจำแล้ว กฎแห่งเต๋าก็อยู่ตรงหน้า ทว่ากลับปฏิเสธที่จะออกมา!

หมายความว่าอะไร?

ราวกับฉุกคิดอะไรบางอย่าง เยี่ยฉวนหน้าหมองคล้ำพลางสบถในใจ ‘ให้ตายสิ หอคอยแห่งเรือนจำเกิดกลัวว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกฎแห่งเต๋าขึ้นมา……จึงไม่กล้าเผยตัวออกมางั้นหรือ?’

คิดเช่นนั้นแล้ว พลันเยี่ยฉวนเหงื่อกาฬเย็นชื้นไหลซึมทั่วไป!

เป็นไปได้แน่นอนที่สุด!

แม้ว่าหอคอยแห่งเรือนจำจะเคยมีพลังอำนาจมากเพียงใด ทว่าเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรแน่? เหมือนสมรรถนะจะลดลงครึ่งหนึ่ง!

หากเป็นเช่นนี้ มันก็ไม่สมควรเป็นคู่ต่อสู้กับกฎเต๋าทรงพลังที่อยู่ตรงนี้…

ขณะนั้นสตรีสวมชุดยาวสีดำพลันเอ่ยขึ้นว่า “คนอ่อนแอเช่นเจ้า มันยอมรับเป็นนายได้อย่างไร?”

เยี่ยฉวนมองสตรีสวมชุดยาวสีดำตรงๆ ชายหนุ่มมีท่าทีลังเลก่อนจะถามออกไปว่า “ข้าอ่อนด้อยมากนักหรือ?”

คนสวมชุดยาวสีดำตรงข้ามนิ่วหน้า “ไม่ใช่หรือ?”

ชายหนุ่มนิ่งคิดชั่วครู่ “ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”

สตรีสวมชุดยาวดำมองชายหนุ่มนิ่งเฉยโดยไม่เอ่ยตอบ ทันใดนั้นนางขยับแขนเสื้อโบกออกไปครั้งหนึ่ง

สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง เขาฉวยกระบี่สะบัดในแนวขนานกับพื้นต้านทานไว้ทันที!

ตูม!

อึดใจต่อมา พลังผลักร่างเยี่ยฉวนล่าถอยไปไกลกว่าร้อยจั้ง!

เบื้องหน้าชายหนุ่ม ในระยะเกือบหกร้อยลี้พื้นที่อากาศว่างเปล่ากลายเป็นมืดสนิท! ไม่เพียงเท่านั้นพลันมือข้างขวาไร้ความรู้สึกไป!

หน้าของเยี่ยฉวนหมองมัวอย่างหนัก

ตอนนั้นท่ามกลางบรรยากาศมืดมิด ร่างของสตรีเดินออกมานางคือคนที่สวมชุดยาวดำนั่นเอง

นางจ้องมองตรงมาที่เยี่ยฉวน “เจ้าว่าตัวเองอ่อนด้อยหรือไม่?”

ชายหนุ่มได้แต่หุบปากเงียบ

ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เหตุใดหอคอยแห่งเรือนจำถึงปฏิเสธที่จะปรากฏตัวออกมา!

ยิ่งสภาพความแข็งแกร่งเช่นที่เป็นอยู่ มันไม่อาจเอาชนะสตรีสวมชุดยาวดำได้! นอกจากนั้น สตรีสวมชุดยาวดำตรงหน้าดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าในตัวเขามีหอคอยแห่งเรือนจำ ทว่านางมิได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย!

ขณะที่สตรีสวมชุดยาวดำเอ่ยว่า “ให้มันออกมา!”

เยี่ยฉวนท่าทีลังเล ก่อนจะพูดว่า “ทำไมเจ้าไม่เข้าไปในหอคอยเสียเองเล่า?”

คนตรงข้ามหรี่นัยน์ตามองเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าข้าโง่สินะ?”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ

อีกฝ่ายเขม้นมองตรงมาก่อนถามเขาว่า “เหตุใดหอคอยเลือกเจ้าเป็นนาย?”

คนถูกถามนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะ และตอบออกไป “แม่นาง เวลานี้พลังของข้าอาจไม่แข็งแกร่งก็จริง แต่เจ้าไม่คิดหรือว่าข้ามีศักยภาพมากพอตัวทีเดียว?”

“ศักยภาพ?”

สตรีชุดยาวสีดำกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ล้อเล่นหรือไง? ในตัวเจ้าไม่มีศักยภาพสักนิดเดียว!”

ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ทำให้เยี่ยฉวนชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้… ปากคอเราะรายอะไรเช่นนี้!

คนตรงข้ามมองมาที่เยี่ยฉวนอย่างเย็นชา “ให้มันออกมา จะสังหารให้สิ้นโทษฐานที่เลือกนายผิด ข้าจะดูสิว่ามันตาบอดแล้วหรือยัง!”

เยี่ยฉวนหน้าเสีย ขณะตะโกนในใจอย่างโกรธเคือง ‘เจ้าทนเฉยอยู่ได้งั้นหรือ? ออกมาสิ สั่งสอนนางให้รู้สำนึกเสียบ้าง!’

หอคอยแห่งเรือนจำยังไร้ซึ่งการตอบสนอง!

ทันใดนั้นเสียงอาหลิงน้อยพูดขึ้นว่า “มันอยากให้เจ้าลงมือเลย”

ชายหนุ่มใบหน้าถมึงทึงน่ากลัว ถ้าข้าเอาชนะนางได้ เหตุใดต้องให้เจ้าถ่อออกมาด้วย?

เสียงอาหลิงน้อยพูดออกมาว่า “อยากให้ข้าออกไปสู้กับนางแทนเจ้าไหม?”

คนฟังรีบพยักหน้า “แน่นอน!”

ตอนที่อาหลิงน้อยใช้กระบี่ สมรรถนะการต่อสู้ของนางน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย!

หลังจากที่เยี่ยฉวนบอกเช่นนั้นแล้ว อาหลิงน้อยโผล่พรวดพร้อมกับถือกระบี่ไว้ในมือออกมาตรงหน้าเขาทันที!

เด็กน้อยมองไปยังสตรีสวมชุดยาวสีดำที่อยู่ห่างไกลออกไป พลันมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันมาบอกกับเยี่ยฉวนว่า “ขอโทษที ข้าเกิดปวดท้องกะทันหัน… ไปก่อนนะ!”

ว่าแล้วนางหันขวับวิ่งจู๊ดกลับเข้าหอคอยแห่งเรือนจำทันที

ทิ้งเยี่ยฉวนยืนอ้าปากค้างอยู่กับที่…

ทำไมคำพูดฟังคุ้นๆ พิกล?

ทันใดนั้นสตรีชุดยาวสีดำหายวับไปจากสถานที่

ในบริเวณ เยี่ยฉวนสีหน้าแปรเปลี่ยนฉับพลัน เขาตัดสินใจใช้กระบี่ที่ถืออยู่แทงสวนออกไป ส่งให้คลื่นพลังแห่งแสงส่องสว่าง ประกอบกับแสงแห่งกระบี่แปลบปลาบปานสายฟ้าแลบ

ตูม!

เสียงระเบิดสนั่นดัง ร่างของชายหนุ่มถูกพลังผลักดันจนถอยห่างไปกว่าร้อยจั้ง!

ทันทีที่หยุดนิ่ง เขารู้สึกได้ว่าพื้นที่ตรงหน้ากลับกลายเป็นมืดมิดไปหมด!

ขณะนี้เยี่ยฉวนไม่กล้าใช้พลังเสริมที่มี เขาจึงต้องใช้พลังพลังจิตวิญญาณมังกรกับอำนาจมังกร ในเวลาเดียวกันร่างกายของชายหนุ่มปรากฏสองพลังแห่งปณิธานกระบี่โฉบออกมา

“ฟัน!”

จากนั้น ลำแสงกระบี่พุ่งจากอากาศสับลงมาในบริเวณ

ฉัวะ!

ณ ที่นั้นเสียงวัตถุฉีกขาดดังสะท้อนก้องกังวาน!

เปรี้ยง!

เมื่อเยี่ยฉวนทะยานลงมาพร้อมกับฟาดกระบี่ ร่างของเขาลอยละลิ่วไปด้วยแรงปะทะในทันที!

ร่างชายหนุ่มลอยหวือไปไกลเกือบหกลี้!

หลังจากชะงักหยุด เยี่ยฉวนพบว่าที่มุมปากมีโลหิตไหลซึมลงมา!

เยี่ยฉวนยกหลังมือปาดเช็ดโลหิตออกขณะสีหน้าเผือดซีดไปเล็กน้อย นี่เป็นการต่อสู้ยกแรกภายหลังจากที่เป็นมหาเซียนกระบี่ ทว่ากลับเป็นฝ่ายยับเยิน……

พลันนั้นสตรีสวมชุดยาวดำปรากฏกายตรงหน้าอีกครั้ง

แววตาเย็นชาของนางเขม้นมองเยี่ยฉวน “ส่งมันมาให้ข้า!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยฉวนตะโกนอย่างฉุนจัดอยู่ในใจ “นี่ขอร้องให้ข้าตามหากฎแห่งเต๋า……ก็เจอแล้วนี่ไง! แต่เจ้ากลับไม่ออกมางั้นหรือ? อยากเห็นข้าถูกตีจนตายสินะ?”

อาหลิงน้อยพูดขึ้นว่า “มันบอกว่าไม่ได้ห้ามให้โต้กลับนางสักหน่อย เจ้าสู้ได้! ข้าว่าประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก!”

เยี่ยฉวนเงียบงัน

เวลานั้นสตรีสวมชุดยาวดำทำท่าจะจู่โจมเข้ามาที่ตนอีกหน เยี่ยฉวนหมุนตัวกลับแล้ววิ่งหนีทันที!

เขาวิ่งไปสุดฝีเท้า เพียงชั่วพริบตาได้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว!

ฝ่ายที่มองตามหลัง สตรีสวมชุดดำนิ่งด้วยตะลึงงัน

เยี่ยฉวนหนีไปแล้ว?

แค่นี้หรือ?

……คาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยฉวนจะหนีไปดื้อๆ!

จากนั้นนางวิ่งไล่ตามไปทันที

ไกลออกไปสุดขอบฟ้า ชายหนุ่มเหินกระบี่ทะยานไปข้างหน้าสุดแรงเกิด!

พลันอาหลิงน้อยส่งเสียงร้องบอกมาว่า “มันบอกว่าไม่ให้หนีมาแต่ให้สู้ ทำให้นางพิการหมดทางสู้แล้วค่อยลากกลับเข้าหอคอย จากนั้นพวกเราจะจัดการเอง!”

ชายหนุ่มฟังแล้วถึงกับนิ่งอั้น “ทำไมเจ้าไม่ถามกลับไปบ้างว่า มันเข้าใจไหมที่ว่า ‘ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง’ ? น่ะ”

อาหลิงน้อยว่า “มันยังบอกอีกว่าเอาแต่วิ่งหนีเช่นนี้ เดี๋ยวข้าจะตีเจ้าเอง!”

ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย พลันเยี่ยฉวนโกรธจัด “เจ้าเลิกรังแกคนที่อ่อนแอแต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าได้ไหม? เลิกขี้ขลาด ออกมาเผชิญหน้าสู้กับนางได้ไหม? หยุดเอาแต่หลบหน้าเสียทีเถอะ”

เสียงอีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานอาหลิงน้อยพูดต่อมาว่า “มันถามว่าทำไมเจ้าถึงสู้นางไม่ได้!”

เยี่ยฉวนหยุดคิด ก่อนจะตอบไปว่า “ข้าเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน!”

ทันใดนั้นสตรีสวมชุดดำปรากฏตัวขวางอยู่เบื้องหน้า เยี่ยฉวนถึงกับชะงักหยุด

สตรีมองตรงมา “นี่เจ้าเลือกที่จะหนีมาจริงๆ สินะ!”

ชายหนุ่มกำลังจะโต้ตอบ พลันช่องอากาศที่อยู่ถัดไปทางขวามือสั่นสะเทือนอย่างแรง พลันหญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมา!

นางคือจ้าวมู่!

เยี่ยฉวนเองเมื่อเห็นว่าเป็นจ้าวมู่ สีหน้าหม่นหมองลงไปถนัดตา!

ความวัวไม่ยังทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกสินะ?

ฝ่ายจ้าวมู่มองเห็นชายหนุ่มตรงข้าม นางขยับมือกำหมัดข้างขวาแน่น ตอนนั้นเอง ช่องอากาศที่ห่างไปหลายสิบจั้งเกิดปริแยกอย่างฉับพลัน และกลุ่มคนสวมดำทะยานตามกันออกมา คนเหล่านี้นำโดยชายชราสวมผ้าคลุมสีดำแห่งชุมนุมผู้คุมกฎ!

เบื้องหลังชายชราสวมผ้าคลุมดำตามด้วยคนเก้าคน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้ชะตาทั้งสิ้น!

คนที่ปรากฏตัวมายังไม่ทันไร ไกลออกไปทางด้านซ้ายมือของเยี่ยฉวนระยะห่างราวสามสิบจั้ง พลันแสงส่องสว่างเป็นประกายระยิบระยับจากนั้นกลุ่มคนจำนวนสิบเอ็ดคนโผล่ออกจากที่นั่น

เขาคือหลินมู่แห่งเผ่าถังและตามมาข้างหลังด้วยพลม้าศึกของเผ่าถังทั้งเก้านาย!

เยี่ยฉวนได้แต่นิ่งงัน……

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version