บทที่ 996 : มาเพื่อฆ่าเขาหรือไม่ก็ถูกพวกเขาฆ่า! (ปลาย)
ไกลออกไป ขณะที่เจ้าสุนัขอสูรกำลังต่อสู้อยู่อีกทางถึงกับชะงักไป ต่อมามันรีบหมุนตัวกลับหลังแล้วโกยอ้าว!
พลันตอนนั้นมีเสียงคำรามของเยี่ยฉวนดังขึ้นว่า “ฉิบ*เอ๊ย! พาข้าไปด้วย!”
เจ้าอสูรสุนัขหยุดกึก ก่อนจะหันขวับพร้อมกับเหินกลับมารับเยี่ยฉวน ฉับพลันนั้นชายหนุ่มทะยานขึ้นไปบนหลังของมันอย่างรวดเร็ว เมื่อสุนัขอสูรกำลังจะพาเยี่ยฉวนจากไป พลันเบื้องหน้าของทั้งคู่ปรากฏชายวัยกลางคนกับสตรีสวมชุดดำโผล่เข้ามาขวางทางอีกครั้ง ทว่าจู่ๆ ที่บริเวณหน้าผากของเยี่ยฉวนมีภาพเงาพร่าเลือนของหอคอยโผล่ให้เห็นอีกครา
ทันทีที่อีกฝ่ายมองเห็นเข้าเท่านั้น ทั้งสองคนต่างมีสีหน้าตระหนกตกใจพร้อมกับชักเท้าถอยกรูดอย่างรวดเร็ว เยี่ยฉวนและสุนัขอสูรจึงฉวยจังหวะนี้ทะยานเข้าไปในท้องฟ้าก่อนจะหายวับไปกับตา
……เสียงเยี่ยฉวนดังลอดออกมาจากท้องฟ้าโล่ง “ข้าเพียงแกล้งหลอก แต่ถึงกับหัวหดกันไปเลย ฮ่าฮ่า……”
ทั้งสองคนถึงกับนิ่งอึ้ง
ในท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ยามนี้ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวและถังเหยี่ยนพากันยุติการต่อสู้ลงชั่วคราวด้วย ในขณะที่ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวเมื่อเหตุการณ์ประจักษ์แก่ตาถึงกับหน้าถอดสี!
ยอดฝีมือทรงพลังทั้งสิบสองคน!
รู้สึกคับแค้นจนในใจหนักอึ้ง!
เวลานี้ชุมนุมผู้คุมกฎสูญเสียยอดฝีมือพลังเต๋าไปแล้วกว่าสี่สิบคน……อีกทั้งไม่เคยคาดฝันเลยว่าคนเหล่านี้จะถูกเยี่ยฉวนสังหารทั้งหมด!
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยฉวนเพิ่งเป็นแค่มหาเซียนกระบี่อย่างแท้จริง!
เวลานี้ชุมนุมผู้คุมกฎประสบกับความสูญเสียอย่างหนักและพลังอ่อนแอลงเป็นอันมาก!
ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวมองหน้าถังเหยี่ยนเงียบๆ ฝ่ายหลังไม่ได้กล่าวสิ่งใดก่อนจะหมุนตัวกลับและหายลับไป!
เสียงรำพึงอย่างเยือกเย็นของผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวดังแผ่วมา “เผ่าถัง เยี่ยฉวน……ดีละ……”
สิ้นเสียง เขาหันกลับและหายไปอีกคน!
…
ณ สุดที่ขอบฟ้าแสนไกลสุนัขอสูรยังคงทะยานมุ่งหน้าโดยแบกเยี่ยฉวนไว้บนหลัง หลังจากที่แปลงร่างแล้วทำให้ความเร็วของเจ้าสัตว์อสูรเพิ่มพูนขึ้นมาก จนพักใหญ่ต่อมาสุนัขอสูรนำเยี่ยฉวนมาถึงยังเกาะเล็กๆ เงียบสงบแห่งหนึ่งกลางทะเลมหันต์สมุทร
ทันทีที่ลงสู่พื้นดินเยี่ยฉวนถึงกับกลิ้งหลุนๆ ลงไปนอนแผ่อยู่บนพื้น ขณะที่ทวารทั้งเจ็ดมีโลหิตทะลักออกมาไม่ขาดสายราวกับน้ำพุ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขาสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นทุกที ประหนึ่งได้รับความเจ็บปวดทุรนทุรายก็มิปาน!
ภาพของเยี่ยฉวน ทำให้เจ้าสุนัขอสูรจับตามองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มันรู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังเผชิญกับภาวะอาการข้างเคียง
ที่ร้ายกว่าครั้งนี้เป็นผลข้างเคียงที่จัดว่ารุนแรงอย่างยิ่ง!
ไม่มีหนทางใดที่จะช่วยชายหนุ่มได้เลย มีแต่ความหวังๆ ว่าเขาจะสามารถผ่านพ้นไปได้!
ภายในหอคอยแห่งเรือนจำ
หลังจากคนทั้งสิบถูกดูดหายเข้าไปในหอคอย บัดนี้ต่างคนต่างมองไปรอบๆ อย่างสับสนงงงัน พลันต่อมามีร่างสตรีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคนทั้งหมด
เป็นแม่นางเย่ว!
แม่นางเย่วชำเลืองมองทุกคนด้วยหางตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับสั่นศีรษะเบาๆ “เจ้าพวกอ่อนแอไม่เอาไหน!”
ว่าแล้วร่างของคนทั้งสิบเริ่มรางเลือนทีละน้อยๆ!
เมื่อสังเกตพบเช่นนี้ คนทั้งหมดมีท่าทีตระหนกตกใจและพยายามออกพลังต้านทานจนสุดกำลัง อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องตกตะลึงยิ่งกว่า เพราะพบว่าไม่มีใครสามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย……ไร้ผลอย่างสิ้นเชิง!
สิ้นหวัง!
ทุกคนต่างรู้สึกเช่นเดียวกันคือสิ้นหวัง!
เหตุการณ์ดำเนินต่อไป ไม่นานนัก คนทั้งสิบเลือนหายไปจากหอคอยแห่งเรือนจำจนหมดสิ้น!
แม่นางเย่วออกจากหอคอยแห่งเรือนจำ เดินตรงไปยังเยี่ยฉวนที่นอนแผ่อยู่บนพื้น ขณะนั้นอาหลิงน้อยอยู่ข้างกายชายหนุ่ม พร้อมนำผลไม้วิเศษมาด้วยจำนวนหนึ่ง เด็กน้อยค่อยๆ หยิบผลไม้วิเศษที่มีพลังชี่อย่างล้นเหลือใส่ปากของเยี่ยฉวน ถึงกระนั้นชายหนุ่มไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะกลืนเข้าไป!
เมื่อเห็นเช่นนั้นอาหลิงน้อยถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่พูดกับเขาเร็วไว “อย่าดื้อสิ……กินนี่……เร็วเข้า กินแล้วพลังของเจ้าจะได้ฟื้น……”
ทว่าเยี่ยฉวนไม่สามารถขยับปากได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นลมหายใจยังอ่อนระโหยลงทุกขณะ!
แม่นางเย่วมองดูอากัปกิริยาของอาหลิงก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากเชียวหรือ?”
อาหลิงน้อยแหงนหน้ามองเย่ว น้ำตายังรินไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย “เขาเป็นคนดีนี่นา……ฮือ”
“คนดีงั้นหรือ?”
เย่วทวนคำตอบที่ได้ยิน ก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “เขาดูไม่เหมือนคนดีเลยสักนิด”
อาหลิงน้อยไม่ใส่ใจอีกฝ่าย รีบใช้มือข้างหนึ่งบีบผลไม้วิเศษ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งบีบแก้มของเยี่ยฉวนจนปากเผยอเปิด ก่อนจะค่อยๆ หยดน้ำผลไม้วิเศษลงไปในปากชายหนุ่ม เยี่ยฉวนกลืนน้ำผลไม้ลงคอแล้ว ทว่าไม่ช่วยให้เกิดผลอันใด…
เห็นเช่นนั้นอาหลิงน้อยมีท่าทางวิตกกังวลมากขึ้น
ตอนนี้แม่นางเย่วขยับเข้ามาใกล้เยี่ยฉวน หลังจากพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งเสียงพึมพำบอกอีกฝ่ายว่า “ตอนแรกเขาใช้พลังจิตวิญญาณมังกรและอำนาจมังกร จากนั้นกระตุ้นพลังสายโลหิต ต่อมาก็ใช้อาวุธกระบี่ร้ายนั่นอีก……ภายหลังจากทำทุกอย่างที่บอก นั่นเกือบบั่นทอนพลังของตัวเองจนหมด และตอนสุดท้ายยังกระตุ้นหอคอยนี่อีก……ถึงพยายามช่วยไปก็ไร้ประโยชน์”
ไร้ประโยชน์!
เมื่อได้ฟังดังนั้น สุนัขอสูรนิ่วหน้าทันที “ไม่มีทางที่จะช่วยเขาได้เลยงั้นหรือ?”
เย่วนิ่งไปเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับฝ่ายที่ถามว่า “จะว่าไปก็มีอยู่วิธีหนึ่ง ทว่า…”
อาหลิงน้อยหันขวับไปมองเย่ว “วิธีอะไรหรือ?”
แม่นางเย่วมองอาหลิงน้อยตรงๆ “วัตถุพื้นฐานของเจ้ามีคุณสมบัติพิเศษ ถ้านำมาให้เขาดูดซับพลัง……ทำให้ช่วยชีวิตเขาได้”
ยอมให้เยี่ยฉวนดูดซับพลังของแหล่งวัตถุพื้นฐาน?
เด็กน้อยนิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “จริงหรือ?”
เย่วพูดกับอาหลิงเสียงขรึม “เด็กน้อยเจ้าคงไม่รู้สินะ? ถ้าปล่อยให้เขาดูดซับพลังจากแหล่งวัตถุพื้นฐาน เจ้าจะ… หายไป เข้าใจที่ข้าพูดไหม?”
“หายไป?”
อาหลิงน้อยกะพริบตาปริบ “เจ้าหมายถึงข้าจะตาย……ใช่ไหม?”
คนตรงข้ามพยักหน้า
เด็กน้อยกำมือเล็กๆ ของตนแน่น ทันใดนั้นนางปล่อยโฮร่ำไห้ “ข้ายังไม่อยากตาย! ฮื่ออ ข้าอยากปลูกผลไม้วิเศษ ฮึก……อยากเล่นสนุกอยู่เลย ยังไม่อยากตาย…”
พลันอาหลิงน้อยทรุดตัวลงนั่งข้างเยี่ยฉวนและใช้มือข้างขวาแตะไปที่บริเวณระหว่างหัวคิ้วของเขา ขณะต่อมาพลังจากแหล่งวัตถุพื้นฐานพุ่งใส่ร่างของเยี่ยฉวนที่นอนแน่นิ่งทันที!
เด็กสาวเฝ้าใช้หลังมือข้างซ้ายปาดเช็ดน้ำตาที่เปียกชื้นบนใบหน้า ทว่าดูท่าน้ำตาจะไม่มีวันหยุดไหล “ข้าไม่อยากตาย… ไม่ตาย… ยังมีต้นผลไม้วิเศษที่ต้องปลูกอีกตั้งแยะ ฮือ…”
แม้ว่าปากจะพร่ำพูดซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น นางมิได้หยุดปล่อยพลังชี่ของแหล่งวัตถุพื้นฐานเข้าสู่เยี่ยฉวน
……บัดนี้เสียงของอาหลิงแผ่วลง สีหน้ากลับเผือดซีดลงทุกขณะ มิหนำซ้ำลมหายใจยังอ่อนเบาลง ที่สำคัญที่สุดรูปร่างของเด็กน้อยค่อยๆ พร่าเลือน…
