Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 125

ตอนที่ 125 เด็กไร้แค้นฝังใจ แยกแยะคนได้ราวกับเทพ

ทุกคนสภาพมือเปล่า มีซุนซิงกับลี่เทาและคนที่ตัวสูงใหญ่จัดการอยู่ด้านหน้า หลี่หู่โถวและฮ่องเต้ว่านลี่สองคนตัวเล็กเตี้ยก็คอยแอบโจมตีด้านล่าง เฉินซือเป่าและพวกรับมือได้ไม่นานก็ลงไปกองกับพื้น

ยังดีที่พอถึงตอนนี้ ครูฝึกก็ออกมาอย่างเร็ว ตะโกนดุเสียงดังที่เด็กๆ รุมกัน จึงได้ลงโทษให้ทุกคนวิ่งรอบสนามสามรอบ

ส่วนเฉินซือเป่าและพวกที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยเท้า ก็กลับไปฝึกเดินแถวต่อ ท่าทางทุลักทุเลอย่างมาก

พวกฮ่องเต้ว่านลี่วิ่งรอบสนามอยู่ พวกเฉินซือเป่าก็ยืนนิ่งอยู่ มีคนว่างงานเพียงคนเดียวก็คือหวังทงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง

ไม่ว่าการตบหน้าที่หอสุราหรือการต่อสู้ที่หน้าลานฝึก ไม่ว่างานราชการหรือวิวาทส่วนตัว หวังทงก็ไม่นำเอาความขัดแย้งพวกนั้นมาที่ลานฝึกด้วย

เมื่อครู่ที่ออกหน้าไปล้อมวงรุมนั้นเป็นฮ่องเต้ว่านลี่ พวกเฉินซือเป่าตอนมีเรื่องกันเมื่อวานอยู่แถวหน้าสุดทุกคนจำได้แม่นยำ อยู่ๆ พาคนมาหาเรื่องถึงที่ เด็กๆ แค้นจนกัดฟันกรอด ครั้งนี้อีกฝ่ายยังมาถึงที่ เป็นโอกาสรุมแก้แค้นพอดี

หลังรุมลงมือไป ความโกรธของทุกคนก็สลายไป วิ่งไปก็รู้สึกเบาสบายเป็นพิเศษ

พวกเฉินซือเป่าหน้าตาเขียวช้ำ เจ็บปวดตามตัวอีกด้วย แต่ตอนที่ถูกครูฝึกเรียกให้หยุด ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร

แต่ทั้งสี่คนต่างมีสีหน้าอมทุกข์ พวกเขาถูกคนที่บ้านเรียกให้มาที่ลานฝึกนี่เพื่ออนาคตวงศ์ตระกูล วาสนาเงินทองในวันหน้าก็ขึ้นอยู่กับการแสดงความสามารถของพวกเขาแล้ว

แต่วันนี้เพิ่งมาถึงลานฝึก แรกสุดก็เป็นการยืนนิ่งที่น่าเบื่อ จากนั้นก็ถูกเด็กร้ายกาจรุมกินโต๊ะ วันเวลาจากนี้ไปจะใช้ชีวิตอย่างไร

แย่ละ เจ้าตัวสูงที่สุดนั่น ยังมีสถานะองครักษ์เสื้อแพรเดินมาทางนี้ เฉินซือเป่ากับถังซื่อไห่เกร็งไปทั้งตัว คิดด่าในใจว่า เจ้าหมอนี่เป็นหัวหน้าเจ้าเด็กพวกนี้แน่ ต่อกรได้ยากที่สุด

“คนที่นี่ไม่มีใครจิตใจไม่ดี ไม่มีความแค้นข้ามคืนอะไร ทุกคนต่อยตีกันระบายอารมณ์เสร็จก็เป็นสหายกัน คืนนั้นข้าเร่งปฏิบัติหน้าที่ ลงมือกับพลทหารเฉินไป ขออภัยจริง!”

หวังทงประสานมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม เปิดฉากต่อยตีกันไปสองครั้ง เฉินซือเป่าไม่ได้เปรียบอันใด พอมาที่ลานฝึกนี่ก็ยิ่งต้องละทิ้งเรื่องนี้ไปได้เลย คิดแต่ว่าชีวิตวันหน้าที่นี่จะดีได้บ้างหรือไม่เท่านั้น

เห็นอีกฝ่ายมาทักทายด้วยความสุภาพเช่นนี้ ทางเลือกเดียวของเฉินซือเป่าก็ดังสำนวนที่ว่า ‘ลาเดินลงเนิน’ ไปตามผลประโยชน์ที่ดีที่สุดละกัน ยังคงรักษาท่าทางการยืนตรงไว้ พร้อมกับเค้นรอยยิ้มกล่าวว่า

“พลทหารหวังกล่าวได้ถูกต้อง ทุกคนวันหน้าร่วมฝึกกัน เรื่องในอดีตก็ให้มันผ่านไปเถอะ!”

“กล่าวกับพวกเจ้าอย่างไม่ปิดบัง ข้ากับพลทหารหวงและพลทหารหวังตอนที่เพิ่งมาที่ลานฝึกนี่ก็ถูกรังแก ต่อมาพลทหารหวงเอาของอร่อยจากที่บ้านมา สร้างความสัมพันธ์อันดีขึ้น พวกพลทหารเฉินทำตามอย่างก็ได้”

เฉินซือเป่าคิดว่าตนเป็นผู้ใหญ่ พอได้ยินวิธีการเด็กๆ ที่ลานฝึกใช้เช่นนี้ ก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือยิ้มดี ได้แต่พยักหน้า เอ่ยขอบคุณว่า

“ขอบคุณพลทหารหวังที่ดูแล…”

พูดได้ครึ่งเดียว ก็เห็นครูฝึกหลี่สี่กำลังโบกเรียกจากที่ไกลๆ หวังทงหันไปพยักหน้ารับรู้ แล้วรีบวิ่งไป

การที่เฉินซือเป่าและพรรคพวกมาที่ลานฝึก หวังทงก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือไม่ดีอะไร มีฮ่องเต้ว่านลี่อยู่ที่นี่ ลานฝึกนี่ก็เป็นสถานที่เกี่ยวพันถึงอนาคตราชวงศ์หมิง อำนาจหลายฝ่ายในวังนอกวังก็ต้องจัดการและปรับให้เหมาะสมอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง

การจัดการและปรับเช่นนี้ ตนเองก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ตอนเช้าโจวอี้ก็ได้มาแจ้งไว้แล้ว

แจ้งไว้ว่ามหาขันทีหวงหยาง รองหัวหน้าสำนักอาชาหลวงและอวี๋ต้าโหยวที่ยังอยู่ที่ฮกเกี้ยนนั้นจะมาสอนที่ลานฝึกด้วย สองคนนี้ คนหนึ่งเคยเป็นผู้ตรวจการกองทัพอยู่ข้างนอก คนหนึ่งเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงแห่งยุคนี้ ไม่ว่าวางแผนหรือสนับสนุนทัพ ยังมีพวกการร่วมออกรบ ก็ล้วนเป็นครูที่ดีมาก

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้หวังทงรู้สึกรอคอย ตั้งแต่มาเกิดในยุคนี้ หวังทงได้แต่คิดว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้แกร่งขึ้น ให้มีความสามารถรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัย มีอำนาจวาสนาเงินทองยิ่งมากขึ้น ใช้ชีวิตเสพสุขให้ดี แต่เรื่องที่ตัวเองต้องการทำอะไร กลับไม่มีแผนที่ชัดเจน

จะเป็นขุนนางคนสนิทหรือจะเป็นแม่ทัพเกรียงไกร ดูเหมือนจะเปิดเป็นสองเส้นทางอยู่ตรงหน้าหวังทงแล้ว แต่เขายังเลือกอยู่

เมื่อเข้าไปในห้องครูฝึก กลับเห็นเพียงหลี่เหวินหย่วนผู้เดียว พอเห็นหวังทงเข้ามา ก็รีบพูดอย่างเคร่งเครียดว่า

“ใต้เท้า สายสืบที่จับตาเสือซ่อนเล็บซุนเหล่าเอ้อร์ส่งข่าวมาแล้ว รายงานว่าตอนเช้ามีพนักงานประจำโต๊ะพนันมาหลายคน สลับพนักงานในบ่อนเดิมออกไป น่าจะได้เวลาเสียพนันแล้ว”

หวังทงเงียบงันทันที สีหน้าพลันเข้มขึ้น หลี่เหวินหย่วนกล่าวต่อว่า

“เรื่องด่วนเช่นนี้ จางซื่อเฉียงนำเจี่ยงจงกาวกงกงไปก่อน ซุนต้าไห่มาเรียนใต้เท้า ขอให้ใต้เท้าไปด้วยกัน จะได้คอยสั่งการ”

หวังทงพยักหน้ารับ ฝากเรื่องไว้กับหลี่เหวินหย่วนอีกสองสามคำ ก็วิ่งออกจากประตูด้านหลังของลานฝึกไป เขาไม่อาจอยู่ร่วมฝึกกับทุกคน ก็แค่บอกว่าที่บ้านมีเรื่องต้องออกไป

****

เดินไปถึงบ้าน ก็เห็นซุนต้าไห่กำลังรออยู่ รีบเปลี่ยนชุดออก แต่งเป็นชาวบ้านธรรมดา เร่งออกไปอย่างรีบด่วน

บ่อนพนันของเสือซ่อนเล็บซุนเหล่าเอ้อร์ไม่ไกลจากถนนทักษิณมากนั้น เพื่อที่จะจับตาดูประตูหน้าของบ่อนเอาไว้ ซุนต้าไห่ได้ให้ญาติสนิทบนถนนหนิวหลันคนหนึ่งซื้อบ้านตรงข้ามประตูใหญ่ของบ่อนเอาไว้นานแล้ว

หวังทงเข้ามาทางประตูด้านหลังของบ้าน เจี่ยงจงกาวผู้นั้นกำลังชะเง้อมองลอดออกไปนอกประตูผ่านช่องตรงกำแพงบ้าน หลี่ว์วั่นไฉกำลังถือพู่กันกับสมุดนั่งอยู่ข้างๆ

พอเห็นหวังทงมา หลี่ว์วั่นไฉก็ยิ้มทักทาย เจี่ยงจงกาวกลับไม่หันมามอง เอาแต่ขานรายชื่ออย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ขานขึ้นมา หลี่ว์วั่นไฉก็จะจดลงไป

หลังจากซื้อบ้านนี้ไว้แล้วก็จัดการปรับให้กำแพงและประตูเป็นซอกลับ จะได้คอยแอบสอดส่องด้านนอกเอาไว้โดยเฉพาะ

ไม่ว่าขันทีหรือองครักษ์วังหลวงไปเล่นที่บ่อนสองสามตา หรือไปหาสาวที่หอคณิกา ล้วนไม่ใช่ความผิด เบื้องบนมิได้กวดขันเข้มงวด

ดังนั้นขันทีและองครักษ์วังหลวงจึงเดินเข้าเดินออกบ่อนพนันของเสือซ่อนเล็บได้อย่างเปิดเผย จากรายชื่อที่เจี่ยงจงกาวขานมานั้น น่าจะมีพวกคนที่เปลี่ยนไปแต่งกายชุดธรรมดารวมอยู่ด้วย

ดูไปดูมา หวังทงก็เริ่มรู้สึกร้อนใจ เห็นคนของลัทธิไตรสุริยันที่เผยตัวออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะมีความสุขได้อย่างไร

ฟ้ามืดแล้ว คิดว่าประตูวังน่าจะใกล้ปิดแล้ว ขันทีและองครักษ์วังหลวงที่เข้าออกบ่อนพนันไม่หยุดก็ค่อยๆ อันตรธานไป หวังทงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็หันไปบอกซุนต้าไห่ว่า

“ต้าไห่ เจ้าสะกดรอยพนักงานประจำโต๊ะพนันคนหนึ่งไป ระวังให้ดี หากตามยากหรือตามไม่ทัน ก็รีบกลับมา ทุกอย่างห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่น รีบไป!”

ซุนต้าไห่รับคำ รีบออกไปทันที เจี่ยงจงกาวผู้นั้นผละสายตาออกจากช่องหันมายกน้ำชาขึ้นดื่มด้วยรอยยิ้มสบายใจ หลี่ว์วั่นไฉถือสมุดและอ่านเบาๆ ให้เจี่ยงจงกาวฟังซ้ำ ดูว่ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่ เจี่ยงจงกาวมีความสามารถในด้านนี้จริงๆ เขานั่งจิบชาไปเรื่อย ไม่ได้แก้ไขอะไร น่าจะเพราะแม่นยำอยู่มาก

หวังทงคิดไปคิดมา ก็ล้วงเอาทองก้อนหนึ่งออกมาจากถุง อย่าเห็นว่าก้อนเล็ก เพราะน้ำหนักไม่เบาเลย เกือบห้าตำลึงได้

“เจี่ยงกงกงมาช่วยงานที่หอเลิศรสนานเพียงนี้ ข้าไม่มีอะไรแสดงน้ำใจ เงินเล็กน้อยไว้ให้ท่านดื่มน้ำชา!”

ห้าตำลึงทองแลกได้เกือบ 60 ตำลึงเงิน นี่ไม่อาจเรียกว่า ‘เงินเล็กน้อย’ แล้ว เจี่ยงจงกาวอึ้งไป ก่อนจะรับมายัดเข้าอกเสื้ออย่างยิ้มแย้ม

“ด้วยความเมตตาของใต้เท้าหวัง จางกงกงจัดงานนี้มาให้ จะรับไว้ได้อย่างไรกัน?”

ขันทีไม่อาจมีลูก จึงให้ความสำคัญเงินทองมากเป็นพิเศษ บุคคลอย่างเจี่ยงจงกาวที่ทุกวันเอาแต่ยิ้มเหมือนพระเช่นนี้ แต่ก็ยังชอบเงินทองอยู่เหมือนกัน หวังทงเชื่อมสัมพันธ์กับอีกฝ่ายไว้ได้ไม่น้อย ก็เอ่ยถามว่า

“เจี่ยงกงกง คนด้านนอกพวกนี้?”

เจี่ยงจงกาวทำการรอบคอบ ยกมือโบกไปมา ชี้ไปทางด้านนอก ให้เดินเข้าไปห้องด้านใน หวังทงตบขมับทันที ตำหนิตัวเองใจร้อน รีบเดินตามเข้าไป

ในห้องไม่มีเครื่องเรือนอะไร มีแต่เก้าอีกสองสามตัวกับโต๊ะง่ายๆ บนโต๊ะมีกาน้ำและถ้วยชา หลี่ว์วั่นไฉที่เดินตามเข้ามาด้วย แม้ว่าตำแหน่งสูงที่สุด แต่ก็เอื้อมมือไปรินน้ำชาส่งให้ทุกคนด้วยตนเอง หวังทงและเจี่ยงจงกาวกล่าววาจาเกรงอกเกรงใจสองสามคำก่อนจะรับไป

“ใต้เท้าหวัง วันนี้คนที่ข้าน้อยได้เห็น สามารถขานชื่อได้ 32 คน อีก 11 คนคุ้นหน้า ล้วนเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ใน 24 หน่วยงาน แต่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานที่ไร้คนสนใจ สำหรับองครักษ์ในวัง ข้าน้อยจำชื่อได้แค่ 2 คน ที่เหลือสวมชุดประจำการมา 7 คนก็คุ้นหน้า”

หวังทงยกมือขึ้นลูบใบหน้า สบตากับหลี่ว์วั่นไฉก่อนจะทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจนักว่า

“เจี่ยงกงกง บรรดากงกงในวังรับเงินรับทอง มีธรรมเนียมอะไรบ้าง!”

วาจาเช่นนี้ล่วงเกินไปบ้าง แต่เจี่ยงจงกาวกลับเหมือนไม่รับรู้ ดื่มชาไปก่อนจะเอ่ยเสียงแหลมขึ้นว่า

“พวกขันทีทำงานพอมีสถานะหน่อยก็จะรับอะไรเล็กน้อย รับผลตอบแทนการค้าด้านนอกด้วยหุ้นลม เรื่องพวกนี้เจ้านายในวังต่างก็ทราบ แต่ก็ปิดตาข้างหนึ่งปล่อยผ่านไป ขุนนางนอกวังไม่ใช่รับเงินกันเฉยๆ นั่งถึงตำแหน่งนั้นได้ก็รับว่าได้รับตอบแทนแล้ว”

หวังทงพยักหน้าตั้งใจฟัง เจี่ยงจงกาวกล่าวต่ออีกว่า

“แต่พวกขันทีน้อยชุดเขียวคราม ชุดเขียวตัวเล็กๆ ตำแหน่งอะไรก็ไม่มี ก็แอบไปเอาเงินข้างนอกกัน หากเจ้านายในวังทราบเรื่อง ย่อมไม่ปล่อยเอาไว้แน่ ใต้เท้าหวัง อาหารในร้านยังต้องทำอีก ข้าน้อยขอตัวกลับไปช่วยงานก่อน”

รอเจี่ยงจงกาวจากไป หวังทงกับหลี่ว์วั่นไฉก็สบตากัน หลี่ว์วั่นไฉเปิดสมุดที่จดบันทึกไปเมื่อครู่ออก ยิ้มกล่าวว่า

“เจี่ยงกงกงความจำดี ขานชื่อออกมาพร้อมกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร”

“ทำได้อย่างไรไม่สำคัญ ตอนนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แน่แล้ว พรุ่งนี้เช้าจะไปพบโจวกงกง!”

หวังทงตบโต๊ะกล่าวอย่างหนักแน่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version