Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 127

ตอนที่ 127 บทคั่นกลาง

“คนที่มาแจ้งความบอกว่า พี่ซานเปียวตอนออกจากโรงบ้านไปยังลงมือทำร้ายผู้คน ทำร้ายท่านเจ้าของบ้านบาดเจ็บ…คนผู้นั้นบอกว่า…”

หลี่กุ้ยยิ่งพูดยิ่งอ้ำอึ้ง หวังทงขมวดคิ้ว กล่าวขัดขึ้นว่า

“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เรื่องถึงตอนนี้ยังจะมีอะไรพูดไม่ได้อีก?”

หลี่กุ้ยเอ้ออ้ากล่าวต่อว่า

“คนของโรงบ้านบอกว่าหม่าซานเปียวตอนหนีออกมาแม้แต่เงินสักแดงก็ไม่มี ตอนนี้ออกมานอกเมืองกลับมีเงินมากมายจ้างทั้งคนซื้อทั้งของ หากไม่ได้ไปปล้นเอามา จะร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไร ยังบอกว่าไม่แน่ว่าจะก่อคดีที่น่าตกใจไว้ จึงได้ร่ำรวยเช่นนี้!”

ทำร้ายคนบาดเจ็บแล้วหนีออกมา บางทีอาจเพราะโดนรังแกโหดเหี้ยม แต่หม่าซานเปียวก็เป็นลูกจ้าง ล่วงเกินนายจ้าง ไม่ว่าศาลไหนในราชวงศ์หมิงก็ยากที่จะชนะคดี

เรื่องนี้พักไว้ก่อน แต่ทำร้ายคนบาดเจ็บ ไม่ได้ฆ่าคนตาย ด้วยสถานะหวังทงตอนนี้ จ่ายเงินชดใช้ไปก็ได้ แต่หวังทงฟังออกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

โรงบ้านนอกเมืองไหนเลยจะสามารถพูดเป็นข้อๆ ได้เช่นนี้ และเห็นได้ชัดว่ามาแจ้งศาลซุ่นเทียนให้ลงโทษหนัก ถึงกับแจ้งข้อหาให้เสร็จ เจ้าบ้านผู้นี้เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดา

“โรงบ้านนี้เป็นของผู้ใด?”

หวังทงสอบถามเสียงเข้ม หลี่กุ้ยอ้ำอึ้งอยู่นาน พอได้ยินหวังทงถามคำถามนี้ออกมา ก็ถอนหายใจเฮือก เข้าไปใกล้กดเสียงให้ต่ำ กระซิบตอบว่า

“หากเป็นบ้านชาวบ้านทั่วไป ใต้เท้าหลี่ว์เจรจาก็ปล่อยคนแล้ว แต่โรงบ้านนั้นเป็นของหัวหน้าของหัวหน้าใต้เท้า โรงบ้านผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหลิวโสวโหย่ว พวกเราศาลซุ่นเทียนไหนเลยจะกล้าล่วงเกิน”

เป็นถึงผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหลิวโสวโหย่ว หวังทงอึ้งไป ตามด้วยการเคาะคางอย่างหนักใจ กล่าวกับหลี่กุ้ยว่า

“เจ้ากลับไปให้ใต้เท้าหลี่ว์ดึงเรื่องนี้ไว้ก่อน รอข่าวจากข้า”

หลี่กุ้ยพยักหน้ารับคำ รีบขึ้นม้ากลับไป หวังทงสั่งองครักษ์เสื้อแพรตรงนั้นว่า

“ไปตามซุนต้าไห่ จางซื่อเฉียงมาพบข้าที่นี่ รีบขี่ม้าไป ยิ่งเร็วยิ่งดี!”

เรื่องนี้หากเป็นยามปกติ ไปบอกกับโจวอี้สักคำ ผ่านตามลำดับขึ้นไปเจรจากัน ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหลิวโสวโหย่วคงจะพอให้เกียรติกัน

แต่ตอนนี้เกรงว่าไม่เหมือนวันวาน ของที่โจวอี้กำลังนำเข้าวังไป หากตนเองส่งเรื่องนี้เข้าไปอีก เรื่องหนักเบาเร่งด่วน งานราษฎร์งานหลวงไม่รู้จักแยกแยะ เกรงว่าจะส่งผลเสียกลับมาแทน

แต่หม่าซานเปียวจะไม่ช่วยก็ไม่ได้ เขาถูกศัตรูกักตัวไว้ หากไปช่วยไม่ทัน คนที่มีผู้มากบารมีหนุนหลังก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง ตีพิการหรือตายไปก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากยืนยันแน่นหนักว่าหม่าซานเปียวเป็นพวกคนเลว คนโรงบ้านเห็นความ อยุติธรรมจึงออกหน้าช่วยปราบ ยังมีผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรคอยให้ท้าย ถึงตอนนั้นยังไม่ทันออกหน้าแจงเหตุผล เกรงว่าคงถูกเกลี้ยกล่อมให้ยอมความเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสงบ

หวังทงก้มหน้าเดินไปอย่างร้อนใจ พอถึงประตูหน้าบ้าน เปิดเข้าไป ก็มีคนเอ่ยทักทายมาว่า

“นายท่าน ถานเจียงมารอรับคำสั่ง”

เมื่อครู่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด อยู่ๆ ก็มีเสียงเคลื่อนไหวข้างกาย ทำเอาหวังทงสะดุ้งโหยง หันไปมองก็เป็นถานเจียงยืนอยู่ข้างประตูอย่างนอบน้อม

หวังทงไม่รู้ว่าจะใช้งานทหารจากจวนเสนาบดีถานกวนแห่งกรมทหารอย่างไร และทางตนเองนี้ก็มีเรื่องสำคัญเป็นความลับอยู่ด้วย ไม่สะดวกให้พวกเขาใกล้ชิด ดังนั้นความคิดแรกก็คือจัดให้ไปอยู่ในบ้านที่ซื้อใหม่ อีกสักพักค่อยว่ากัน

คิดไม่ถึงว่าถานเจียงกลับรู้ได้ด้วยตัวเอง มาหาถึงที่ด้วยตนเอง เรื่องหม่าซานเปียวถูกจับนั้นไม่มีเหตุอันใดต้องปิดบังผู้อื่น หวังทงลังเลครู่หนึ่งก็ให้ถานเจียงตามเข้ามา

ไม่นานนัก ซุนต้าไห่ หลี่เหวินหย่วน จางซื่อเฉียงและคนอื่นๆ ก็มาถึง หวังทงอธิบายเรื่องอย่างง่ายๆ ให้ฟัง สุดท้ายสรุปว่า

“เรื่องนี้หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงไหว้วานคนไปช่วยเจรจา แต่หลายวันนี้ไม่สะดวกไหว้วาน ได้แต่ขอให้พวกเราช่วยกันคิดหาทางช่วยคนออกมาแล้ว”

ซุนต้าไห่ได้ยินแล้วก็ร้อนใจยิ่งนัก ด้วยความเป็นคนในพื้นที่รู้ทุกเรื่องทำให้เข้าใจเป็นอย่างดี เอ่ยปากกล่าวโพล่งออกมาตามนิสัยว่า

“ใต้เท้า เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ข้าน้อยว่าคนของเจ้าบ้านผู้นั้นเกรงว่าจะลงมือกับหม่าซานเปียวจนตาย จึงให้มือปราบศาลไปเป็นพยาน พวกเรารีบไปเถอะ สวมชุดมัจฉาเวหาไปกัน ไม่ต้องกลัวว่าคนพวกนั้นไม่ยอมปล่อยคน”

“นั่นเป็นโรงบ้านของผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหลิวโสวโหย่ว!”

หวังทงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ในห้องพากันเงียบงัน ทุกคนล้วนทำงานในสำนักองครักษ์เสื้อแพร หลิวโสวโหย่วผู้นี้ก็คือผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร หม่าซานเปียวช่างกล้านักที่ไปหาเรื่องเอาบุคคลใหญ่โตระดับนี้ได้ และใต้เท้าหวังของตนเองยังกล่าวเองว่าตอนนี้ไม่สะดวกไหว้วานคน

พอพูดจบ หวังทงมองปฏิกิริยาแต่ละคน หากคนในห้องเหล่านี้ฟังคำสั่งของตนด้วยเพราะเป็นงานทางการหรืองานในหน้าที่เท่านั้น หากในตอนนี้ลังเลไม่ยอมไปด้วยกัน เช่นนั้นก็คงต้องพิจารณาเปลี่ยนยกชุดแล้ว

“ผู้บัญชาการหลิวก็ส่วนผู้บัญชาการหลิว แต่ซานเปียวเป็นพี่น้องเราเอง เราไม่อาจเอาแต่มองดูอยู่เฉยๆ ให้เขาต้องถูกฆ่าตายในโรงบ้านนั่นได้”

ซุนต้าไห่มีนิสัยใจคอคล้ายหม่าซานเปียว อดกลั้นอยู่นานก็เอ่ยขึ้นก่อน จางซื่อเฉียงก็พยักหน้ากล่าวว่า

“หรือไม่ข้าน้อยนำเงินไปขอเจรจาลับกับพวกเขา ปล่อยคนก็ยุติเรื่องนี้”

“ใต้เท้าว่าอย่างไร พวกเราก็ว่าตามกัน!”

นายกองธงเล็กสามคนพูดไม่เหมือนกัน แต่ความหมายเหมือนกัน นั่นก็คือไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ช่วยหม่าซานเปียวออกมาเป็นเรื่องหลัก หวังทงกัดฟันก่อนจะคิดจะเอ่ยขึ้น ถานเจียงกลับเอ่ยก่อนว่า

“ในเมื่อนายท่านไม่สะดวก อีกฝ่ายยังเป็นโรงบ้านของผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร เช่นนั้นไม่สู้ใช้วิธีการแข็งกร้าว บุกเข้าไปชิงตัวเลย เป็นอย่างไร!”

คำพูดที่เพิ่งกล่าวไปนั้นตรงกับความคิดของหวังทงพอดี หวังทงสบตาเขาก่อนจะยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า

“ถานเจียง เจ้าว่าทำอย่างไร หากจะเข้าชิงตัว จะทำให้ทางผู้บัญชาการหลิวเสียหน้าไหม!”

“นายท่าน พวกเราปิดหน้าเข้าไป ยังจะมีอะไรไม่สะดวกอีก รอบกายไม่รู้ว่าเป็นพวกเรา แต่ข้าน้อยรู้ดีกว่า โรงบ้านที่มีฐานะร่ำรวยพวกนั้น ศาลซุ่นเทียนและศาลประจำอำเภอในพื้นที่ไม่กล้ายุ่งเกี่ยว หากไปช้าเกรงว่าจะถูกตีตายไปแล้วจริงๆ!”

หวังทงตัดสินใจทันทีออกคำสั่งว่า

“พี่จางไปที่ร้านผ้าตัดผ้ามา เอาไว้ปิดหน้า ต้าไห่ไปพาพวกพี่น้องที่เราเลี้ยงดูฝึกฝนไว้พวกนั้นมา พี่น้องที่ประจำการอยู่ไม่เอา พี่หลี่คอยตามอยู่ข้างกายข้า ทุกคนไปเปลี่ยนชุดมัจฉาเวหามา เราจะออกนอกเมืองไปชิงตัวกันตอนนี้”

ซุนต้าไห่กับจางซื่อเฉียงรับคำพร้อมกัน รีบออกไปอย่างเร่งด่วน หลี่เหวินหย่วนก็ไปขอลาหยุดกับครูฝึกก่อน หวังทงกำลังจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนข้าง ถานเจียงก็เอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมว่า

“นายท่าน พี่น้องข้าน้อย 17 คนล้วนชำนาญขี่ม้ายิงธนู สามารถช่วยงานได้ นายท่านคิดว่า”

หวังทงลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“กลับไปเตรียมตัว ไปด้วยกัน!!”

*****

“เจ้าลูกเต่าบัดซบสมควรตาย แน่จริงพวกเจ้าก็ลงมือฆ่าข้าวันนี้ หากพรุ่งนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะต้องฆ่าพวกเจ้าให้หมด!!”

ณ ประตูโรงบ้านนอกเมืองแห่งหนึ่ง ห่างจากประตูตะวันตกไม่ถึงสองลี้ หม่าซานเปียวกำลังตะโกนด่าไม่หยุด คำด่าแม้จะหยาบคายรุนแรง แต่เสียงกลับอ่อนกำลังไร้เรี่ยวแรงอย่างยิ่ง

เห็นเสื้อที่เขาสวมอยู่นั้นถูกโบยตีจนขาดวิ่น เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเลือด เขาด่าไป คนที่ตีก็ใช้แส้ฟาดไป

ด้านข้างยังมีขุนนางสวมชุดขุนนางสีน้ำเงินกำลังยืนอยู่กับคนแต่งกายแบบชาวบ้านผู้หนึ่ง ขุนนางผู้นั้นดูแล้วน่าจะเป็นรองนายอำเภอ เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นระดับเจ็ด แต่คนที่อยู่ตรงข้ามกับเขานั้นสวมแค่ชุดผ้าต่วนยาว แต่เหน็บชายไว้ที่เอว เป็นชายชาวบ้านธรรมดา

หนึ่งขุนนาง หนึ่งชาวบ้าน แต่ความเคารพยำเกรงกลับสลับกัน ขุนนางผู้นั้นเอาแต่นอบน้อมโอนอ่อน คนตรงข้ามผู้นั้นท่าทางกลับไม่สนใจไยดี

“ขอให้พี่หม่านโปรดยั้งมือ หม่าซานเปียวผู้นี้แม้ว่าจะหุนหันพลันแล่น แต่เป็นแค่ข้อหาทะเลาะวิวาท นี่ก็ได้เงินจากตัวมันมาไม่น้อยแล้ว ก็นับว่าชดเชยความผิดที่ได้ก่อไว้กับพี่หม่านแล้ว ลงมือมาทั้งวันก็พอได้แล้ว รีบหยุดมือเถอะ!!”

“พี่หลี่ นี่ไม่เหมือนพี่คนเดิมเลยนะ งานงี่เง่าพวกนี้ถึงขั้นให้รองนายอำเภอมารีบมาขอด้วยตัวเอง บอกกับพี่ตรงๆ เลย เจ้าเดรัจฉานนี่ทำเอาข้าลุกจากเตียงไม่ได้เป็นเดือนนี่ ครั้งนี้จะต้องตีมันให้ขยับไม่ได้ไปครึ่งปีเลย จากนั้นก็โยนเข้าคุกไป พี่ดูท่าทางมันสิ ห่อผ้าบนม้ายังมีเงินอีกตั้ง 500 ตำลึงเงิน ทำอะไรถึงได้หาเงินได้เช่นนี้ คนไหนกันที่จะให้เงินมันมากเช่นนี้ ต้องเป็นมันสังหารผู้คนแย่งชิงมาแน่นอน ข้าช่วยทางการของพวกท่านออกหน้า ยังไม่เห็นความดี ท่านยังเอาแต่พูดบ่นไม่หยุด แย่จริงๆ”

พี่หม่านผู้นี้พูดไปพร้อมกับสีหน้าไม่ยี่หระ หันไปตะโกนต่ออีกว่า

“อย่าหยุด หากเจ้าเหนี่อยก็เปลี่ยนคนโบย ตอนแบ่งเงินกันก็ไม่ต้องเอา”

“รีบไปรั้งไว้ รีบรั้งไว้สิ พี่หม่าน หากตีต่อไปเกรงว่าจะตายเอา!”

รองนายอำเภอผู้นั้นร้อนใจจนยืนไม่ติด รีบให้มือปราบของตนเข้าไปรั้งไว้ ในใจก็แอบด่าหลี่ว์วั่นไฉที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ยังไม่ยอมให้เอ่ยชื่อเขาอีก ยังต้องเกลี้ยกล่อมอย่าได้ทำคนตายอีก โรงบ้านนอกเมืองของผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหลิวโสวโหย่ว ใครจะกล้าล่วงเกินกัน

ขณะที่กำลังลำบากใจอยู่นั้น ก็มีมือปราบคนหนึ่งดึงชายเสื้อเขาไว้ พอถลึงตาหันกลับไป มือปราบผู้นั้นก็เข้ามากระซิบสองสามคำ รองนายอำเภอหลี่ก็รู้สึกผ่อนคลายลง ประสานมือคำนับกล่าวว่า

“พี่หม่าน ที่ศาลมีเรื่องเล็กน้อย มีธุระขอตัวก่อนๆ!”

กล่าวจบ ก็พาบรรดามือปราบจากไปทันที พี่หม่านผู้นี้ได้แต่ยืนงงคิดไม่ตก ในใจคิดว่าเมื่อกี้ยังปรามเอาๆ ทำไมพอบอกว่าจะไปก็ไปเลย

มองตามหลังบรรดามือปราบไป พี่หม่านก็ไม่สนใจต่อ มีองค์เทพอย่างหลิวโสวโหย่วคุ้มครอง เรื่องอะไรก็รับไหว ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เจ้าหม่าซานเปียวนี่มีเงินในมือมากมายเพียงนี้ ไม่ว่ามีที่มาจากทางสะอาดหรือสกปรก ตนเองก็รวยใหญ่แน่แล้ว คิดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มร่าหันหน้าไปกล่าวกับหม่าซานเปียวว่า

“เงินพวกนี้มาจากไหน ยอมรับมาโดยดี วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป นายเจ้าคือใคร บอกมาดีๆ หรือไม่?”

ถามถึงนายว่าเป็นผู้ใด อาศัยว่าตนเองมีสายสัมพันธ์กับองครักษ์เสื้อแพร อย่างไรก็สามารถไปหลอกเอาเงินมาได้อีก จะว่าไป เจ้าคนวู่วามนี่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เอ่ยชื่อเจ้านายออกมาเลย คิดไปมาแล้วคงไม่ใช่พวกที่ยิ่งใหญ่หรือมีเกียรติอันใด ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสายตา

คำถามของพี่หม่านนี่ ทำเอาหม่าซานเปียวได้แต่ถ่มน้ำลายใส่ ไม่ยอมเอ่ยอะไร พี่หม่านแสยะยิ้มกล่าวว่า

“โบยต่อไป…”

เสียงยังไม่ทันกล่าวจบ ก็เห็นคนที่กำลังโบยนั้นมองไปทางด้านหลังเขา ยกมือชี้ไปด้วยอาการแข็งทื่อ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version