ตอนที่ 343 เหลวไหลไร้ผู้ควบคุม ฤาจะช่วยศัตรูเสียเลย
บริเวณรอยต่อเขตปัจจิมและทักษิณในเมืองหลวง มีสถานที่รัญจวนใจที่มีชื่อที่สุดในเมืองหลวง นั่นก็คือ ‘หอฉินก่วน’
เหตุที่มีชื่อเสียงนั้น ไม่ใช่แค่เพราะหอฉินก่วนหรูหราอลังการหรือปิดด้วยทองแต่อย่างใด แต่หากเพียงแค่เรื่องนี้ ในเมืองหลวงจะมีสักกี่ที่ที่ล้ำเลิศกว่าที่นี่
ประเด็นสำคัญอยู่ที่เมื่อก่อนเป็นของเสนาบดีกรมปกครองจางฮั่นที่ยังอยู่ในตำแหน่ง พอจางฮั่นลงจากตำแหน่ง จากนั้นภายหลังต่อมาระยะหนึ่ง หอฉินก่วนเกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมากมาย
หวังทงมาเอาเรื่องที่หอฉินก่วน ลงมือกับท่านโหวน้อย ก่อเกิดกระแสวิพากษ์ตามมา สุดท้ายนำไปสู่การสังหารบนเส้นทางจากเมืองหลวงไปเทียนจิน จากนั้นตระกูลอันผิงโหวก็ถูกทำลายลง
ในช่วงหลังที่หวังทงถูกบีบให้ออกจากเมืองหลวง ทุกคนคิดว่าหอฉินก่วนคงหมดหนทางจะไปต่อ คิดไม่ถึงว่าสำนักรักษาความสงบที่ตั้งใหม่รับหน้าที่มาสานต่อ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายเป็นระลอกคลื่น เกี่ยวพันไปถึงชนชั้นระดับสูงในเมืองหลวง มาจนบัดนี้ยังมีผู้คนเล่ากันสนุกอยู่ ยังคงเป็นประเด็นสนทนา กอปรกับหอฉินก่วนเดิมก็เป็นสถานบันเทิงอันดับหนึ่ง ยามนี้กิจการย่อมรุ่งเรืองใหญ่โต
ในจดหมายหวังทงที่ส่งมายังเมืองหลวง บางครั้งยังแนะนำเรื่องหอฉินก่วน ถ่ายทอดประสบการณ์ในโลกก่อนให้ทุกคนได้ลองทำตาม
ซ่งฉานฉานเจ้าของหอฉินก่วนทำตามประสบการณ์ดังกล่าวอย่างไม่รอช้า คนมาเที่ยวหอฉินก่วนก็ยิ่งมากขึ้นทุกวัน หลังจากจัดการแสดง 18 นางฟ้าจนมีชื่อเสียงไปแล้ว ต่อมาก็มีชุดใหม่ที่ชื่อว่าเทพธิดาจันทราอะไรพวกนั้นตามมา มีของใหม่และประเด็นใหม่นำเสนอต่อเนื่อง นอกจากนี้หอฉินก่วนยังรู้จักวิเคราะห์แยกกลุ่มคหบดีและกลุ่มชนชั้นสูงออกเป็นหลายระดับ ทำให้กิจการหอฉินก่วนจึงรุ่งเรืองขึ้นอย่างไม่อาจมีสิ่งใดฉุดรั้งได้
พ่อค้าบัณฑิตที่เข้ามาเมืองหลวงล้วนเป็นพวกร่ำรวย มาฟังเพลงบรรเลงที่โถงหอฉินก่วนและดูระบำสักครั้งก็ล้วนตกตะลึงในความงาม พอกลับไปบ้านเกิดก็มักจะเอาไปชมให้คนที่นั่นฟัง
ไปๆ มาๆ ก็ทำให้ชื่อเสียงหอฉินก่วนแพร่กระจายไปทั่วเหนือจรดใต้ ถึงกับมีคนจากแม่น้ำฉินไหวมาเรียนรู้กิจการที่นี่
การค้ารุ่งเรืองเช่นนี้ก็ย่อมครึกครื้น มีพวกคหบดีบางคนไม่อยากถูกคนพบเห็น หอฉินก่วนจึงมีวิธีของตน นอกจากหอด้านหน้าแล้ว พื้นที่ใกล้เคียงก็เช่าเอาไว้สร้างเป็นเรือนรับรองส่วนตัว
ทุกอย่างดำเนินการได้สมบูรณ์แบบงดงาม ศิลปะการแสดงและการดูแลต้อนรับก็ดีกว่าหอด้านหน้ามาก จากนั้นก็มิใช่ว่ามีเงินก็จะมาที่นี่ได้ ต้องให้หอฉินก่วนรับรองคุณสมบัติก่อนจึงจามาสำราญใจที่นี่ได้
พ่อค้าขุนนางใหญ่นอกจากอยู่บ้านแล้ว ออกมาข้างนอกก็ต้องการสถานที่หรูหราปลอดภัยเหมาะสมกับฐานะ หอฉินก่วนจัดเรือนรับรองส่วนตัวเช่นนี้ ย่อมได้รับกระแสตอบรับอย่างมาก
หอฉินก่วนเดิมก็คัดเลือกแขก ไม่ใช่ว่ามีเงินหรือเป็นขุนนางก็จะมาเที่ยวได้ ยังต้องดูว่าขุนนางระดับไหน รวยถึงขั้นไหน ยิ่งไม่ได้ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการ
ชนชั้นสูงและพ่อค้าคหบดีใหญ่ในเมืองต่างก็รู้สึกว่าการได้รับการยอมรับคุณสมบัติถือเป็นเกียรติ เงินทองไหลไปราวสายน้ำ หอฉินก่วนมีอิทธิพลหนุนหลัง แม้รู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าหาเรื่อง เบื้องหลังมีบุคคลที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจล่วงเกิน ปีนั้นที่จวนอันผิงโหวล่วงเกินเข้า จุดจบเป็นอย่างไรทุกคนล้วนเห็นด้วยตาตนเอง
หากเบื้องหลังหอฉินก่วนอยู่ไกลถึงเทียนจิน ทุกคนไม่กล้าล่วงเกิน หากที่นี่ไม่นับเป็นสถานที่ของขุนนางฝ่ายใดในเมืองหลวง จึงนับเป็นสถานที่ที่เป็นกลางไปโดยปริยาย
พวกขุนนางคนละฝ่ายหรือขันทีในวัง หากคิดจะคุยเรื่องลับอันใดก็มักจะมาที่นี่ ไปมาเปิดเผย เป็นเหตุให้ยิ่งส่งเสริมกิจการของที่นี่ให้รุ่งเรือง
แม้ว่าจะใกล้ปีใหม่แล้ว พวกคนมีเงินและพวกมีเวลาว่างนั้นไม่ต้องอยู่บ้านเตรียมงานปีใหม่ก็ล้วนมาหาความสำราญกันที่หอฉินก่วน
ทุกค่ำคืนจะได้ชมการแสดงของ 18 นางฟ้า นางฟ้า 18 คนชุดแรกนั้นล้วนได้ดี แต่งไปยังตระกูลคหบดีร่ำรวย แม้ว่าเป็นภรรยาน้อย แต่ก็ได้ดีเสวยสุขกัน ไม่ได้ตกต่ำไปอยู่ในมือคุณชายให้ย่ำยีเล่น 18 นางฟ้าตอนนี้ล้วนเป็นหญิงสาวมาใหม่ พอหน้าตาแฉล้มใหม่ปรากฏตัวก็เป็นที่ดึงดูดได้ระดับหนึ่ง
การแสดงชุดสองตอนนี้เป็นการแสดงบรรเลงเพลงเดี่ยวของเทพธิดาจันทราที่มีชื่อเสียงที่สุดของหอฉินก่วนยามนี้ สำหรับว่ามาดูคนแสดงหรือมาฟังเพลงบรรเลงนั้นก็แล้วแต่จริตแต่ละคน
ก่อนการแสดงสองชุดยังมีการแสดงหน้าฉาก สามารถมาแสดงที่เวทีในโถงกลางหอฉินก่วนได้สักครั้ง ชื่อเสียงก็ย่อมโด่งดัง ถึงกับมีนางคณิกาเลื่องชื่อจากหออื่นจ่ายเงินมาแสดงตัวที่นี่กันเลยทีเดียว
แขกหน้าเก่าหลายคนล้วนยังจำได้ ปีนั้นซ่งฉานฉานยังออกมาต้อนรับแขกใหญ่ด้วยตนเอง แต่ตอนนี้คิดจะพวกแม่นางซ่งก็ไม่ง่ายแล้ว
ว่ากันว่าห่างจากหอฉินก่วนไปหนึ่งถนน มีเรือนพักหนึ่งเป็นที่อยู่ของซ่งฉานฉาน นางอยู่ที่นั่น หอฉินก่วนเกิดเรื่องใด ก็จะมีพ่อบ้านหรือหญิงสูงอายุผู้ดูแลมาส่งข่าว นางจึงค่อยหาวิธีจัดการ
ข่าวย่อมมีความแม่นยำเพียงสามส่วน ซ่งฉานฉานพักอยู่เรือนพักบนถนนอีกสายจริง แต่ไม่ใช่ว่าจะหรูหราแสนสุขอย่างที่ทุกคนคิด
ทุกวันตอนกลางคืน ซ่งฉานฉานจะอยู่ที่ห้องรับแขก มีม่านไม้ไผ่บังตา สาวใช้ที่รู้เรื่องบทกวีสองนางนั่งอยู่ด้านหนึ่ง พ่อบ้านและหญิงสูงอายุผู้ดูแลหอมาถึง ก็จะให้คนของตนจดบันทึกสิ่งที่ได้ยินแขกวิพากษ์วิจารณ์กันมาทั้งหมด ให้ซ่งฉานฉานเป็นผู้วิเคราะห์ว่าข่าวนี้มีค่าหรือไม่
ขอเพียงเป็นข่าวมีค่า สาวใช้ก็จะจดบันทึกไว้ทันที บางทีเร่งด่วนก็จะต้องส่งไปยังสำนักรักษาความสงบในคืนนั้น
************
ซ่งฉานฉานชอบชีวิตทุกวันในยามนี้มาก ได้รวบรวมข่าวสารรายงาน ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า กำลังทำเรื่องที่มีความหมาย
วันที่ 24 เดือนสิบสอง แขกที่หอด้านหน้าบางตาไปไม่น้อย ซ่งฉานฉานเองก็ว่างลงไม่น้อยเช่นกัน แต่ฟ้าเพิ่งจะมืดลง พ่อบ้านที่หอฉินก่วนก็วิ่งมา
“เจ้ามาทำอะไร ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า เจ้าแค่ดูแลหอด้านหน้าให้ดี เจ้าอย่ามาทางนี้!”
ซ่งฉานฉานกล่าวอย่างไม่เกรงใจ พ่อบ้านผู้นั้นก้มหน้าอดยิ้มไม่ได้ กล่าวอย่างระมัดระวังว่า
“เรื่องด่วน ข้าน้อยเองก็ตัดสินใจไม่ได้ จึงได้มาถามแม่นาง”
พ่อบ้านหอฉินก่วนเป็นคนรู้งานดี เขาบอกว่าเรื่องด่วน ซ่งฉานฉานก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นหลายส่วน พ่อบ้านผู้นั้นจึงรีบกล่าวต่อว่า
“เมื่อครู่มีแขกมา ขอให้สาวจากหอเราไปแสดงนอกสถานที่…”
“แสดงแต่ในหอ ไม่รับนอกสถานที่ ธรรมเนียมนี้เจ้าไม่รู้หรือ?”
ซ่งฉานฉานถามเสียงเยียบเย็น 18 นางฟ้ากับเทพธิดาจันทราแสดงแต่ในหอฉินก่วน ขายศิลปะไม่ขายตัว ไม่รับนอกสถานที่ ไม่ร่วมเป็นเพื่อนดื่มสุรา ยิ่งทำให้สูงส่งไม่อาจเอื้อมได้ ทุกคนก็ยิ่งอยากครอบครอง เพราะเบื้องหลังหอฉินก่วนใหญ่โต ผู้ใดก็ไม่กล้าหักหาญแย่งชิง ทำให้ชื่อเสียงยิ่งโด่งดังไปอีกขั้น
อย่าคิดว่าซ่งฉานฉานอายุไม่มาก หากคนทุกระดับในหอฉินก่วนล้วนเกรงนาง พ่อบ้านยิ่งมีท่าทีระแวดระวัง ก้มตัวก้มหน้ากล่าวว่า
“แม่นาง คำสั่งท่านข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? ผู้ที่มาเป็นกงกง ดูแล้วตำแหน่งไม่เบา ข้าน้อยจึงได้มาถาม…”
“กงกง?”
ซ่งฉานฉานอึ้งไป ขันทีในวังส่งคนมาหาหญิงสาวไปร้องในวัง หรือไม่เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะจนฟันหัก หากมีจุดประสงค์อื่น หรือหากเป็นจางกงกงต้องการหา ก็สั่งการโจวอี้มาก็ย่อมได้ เหตุใดจึงมาหาถึงที่หอฉินก่วนให้เอิกเกริก
นางลังเลอยู่หลังม่านไม้ไผ่ ก่อนจะออกคำสั่งไปว่า
“เจ้ากลับไปตอบก่อน บอกว่าคนมีอำนาจสั่งการไม่อยู่ คืนพรุ่งนี้ค่อยมา”
พ่อบ้านก้มกายคำนับออกไปทันที ซ่งฉานฉานยั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนเก้าอี้คิดไปคิดมา พลันตะโกนดังขึ้นว่า
“ไปตามคนส่งจดหมายมาที!”
************
“แสดงหนึ่งรอบได้ 3,000 ตำลึง ไปมาค่ารถม้าไม่ต้องเสีย แต่ต้องการคนหอฉินก่วนไปจัดสถานที่ ช่างกล้าใช้เงินจริง”
เรือนรับรองเดี่ยวในหอรุ่งเรือง ความร้อนจากถ่านแดงในเตากำลังได้ที่ โจวอี้ หลี่ว์วั่นไฉและหลี่เหวินหย่วนกำลังคีบอาหารต่างๆ ใส่หม้อไฟ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย
นี่เป็นเวลาที่สำนักรักษาความสงบจะมารวมตัวกัน วันนี้วันที่ 25 เดือนสิบสองแล้ว หลี่เหวินหย่วนตัวคนเดียว โจวอี้ก็โดดเดี่ยวคนเดียวในวัง หลี่ว์วั่นไฉที่บ้านมีครอบครัวจัดการงาน จึงไม่นับว่ายุ่งกับการเตรียมงานฉลองปีใหม่อันใด
หลี่เหวินหย่วนอ่านเอกสารที่ส่งมาตอนกลางวัน ได้แต่แค่นยิ้ม หลี่ว์วั่นไฉดื่มสุราไปอึกหนึ่งก็กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“ซุนไห่นี่เกรงว่าจะกล้าเกินไปสักหน่อย ส่งกงกงมา กลางวันแสกก็มา ไม่กลัวว่ามีคนจับตาดูอยู่ ใช่ว่าทิ้งจุดอ่อนให้คนเอาผิดได้หรอกหรือ?”
โจวอี้กำลังคีบเนื้อแพะลวกสุกวางในถ้วยน้ำจิ้ม พอได้ยิน ก็กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“ซุนไห่ทำเรื่องต่างๆ ที่อุทยานปัจจิมไม่น้อย เขาเองรู้ว่าหลบซ่อนไม่พ้น ดังนั้นแต่ไรมาไม่เคยหลบๆ ซ่อนๆ เริ่มต้นก็ให้คนในวังรู้จักการร้องรำทำเพลง หลายวันก่อนยังเชิญคณะงิ้วไปแสดง ฮ่องเต้ทรงพระสำราญมาก แต่ของเล่นพวกนี้ย่อมไม่คงทน ซุนไห่ก็ต้องคิดหาของเล่นใหม่ หอฉินก่วนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง ยังมีของนำเสนอใหม่ๆ มากมาย คิดว่าเขาคงเห็นถึงจุดนี้เข้า”
หลี่ว์วั่นไฉได้ยินความโดยละเอียดจากโจวอี้ ก็ยกจอกสุราขึ้นดื่ม คิดแล้วก็ได้แต่ปล่อยวาง ส่ายหน้ากล่าวว่า
“ใจกล้ามาก ใจกล้าจริงๆ อุทยานปัจจิมแม้ว่าห่างจากวังหลวง แต่อย่างไรก็อยู่ในเขตวังหลวง ซุนไห่เป็นแค่ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักขันที นำคนเข้าไปหลายครั้ง หรือว่าไม่รู้จักธรรมเนียม หรือว่ากงกงที่ตำแหน่งสูงกว่าไม่คิดอยากข้องเกี่ยว?”
ใบหน้าโจวอี้ถูกไอน้ำบดบัง กล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า
“12 สำนักขันทีในวัง แม้คนของไทเฮาเหรินเซิ่งดูแลเพียงสี่สำนัก แต่ไทเฮาฉือเซิ่งก็ทรงให้พระเกียรติ คนไทเฮาเหรินเซิ่งทำอะไร คนนอกไม่อาจข้องเกี่ยว ระยะครึ่งปีหลังมานี้พระพลานามัยของไทเฮาเหรินเซิ่งไม่ดีมาโดยตลอด การกระทำเหลวไหลของซุนไห่จึงไม่มีคนควบคุม เจ้านายสุขภาพไม่ดีย่อมไม่อาจมาดูแลได้ หลินซูลู่จับตาแน่นหนา ซุนไห่ก็รีบไปขอร้องฮ่องเต้…”
เขายังพูดไม่ทันจบ หลี่เหวินหย่วนก็กระแทกกาสุราลงโต๊ะเสียงดัง ขึ้นเสียงสูงว่า
“ส่งสารไปรายงานจางกงกงด่วน ปล่อยให้ซุนไห่เหลวไหลเช่นนี้ ใต้เท้าหวังไม่อยู่เมืองหลวง อำนาจมิใช่ว่าจะอ่อนแอลงหรือนี่ ให้จางกงกงเตือนฝ่าบาทบ้าง หรือไม่ก็หาทางให้ไทเฮาทรงทราบ…”
“ไม่เหมาะๆ นับวันฝ่าบาททรงมีความคิดเป็นของพระองค์เองขึ้นทุกวัน เตือนได้อย่างไรกัน หากไทเฮาตำหนิ เกิดเรื่องขึ้นมาคงมาลงที่พวกเราแทน ไยต้องทำเราลำบากเองด้วยเล่า”
คำพูดหลี่เหวินหย่วนถูกหลี่ว์วั่นไฉขัดขึ้น กล่าวว่าไม่เหมาะติดๆ กันขึ้น โจวอี้ใช้ตะเกียบเคาะโต๊ะเบา เงียบไปครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยว่า
“จัดการไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ข้ากลับรู้สึกว่า ไม่สู้ทำตามซุนไห่ไปเลย”
หลี่ว์วั่นไฉกับหลี่เหวินหย่วนอึ้งไป มองโจวอี้ด้วยความแปลกใจ