ตอนที่ 400 มหาขันทีรับตำแหน่งใหม่ เจ้าพนักงานภาษีตกน้ำ
แม้ว่าขันทีดูแลหนานจิงจะมีหน้ามีตา แต่อย่างไรก็มิสู้ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักอาชาหลวงที่เป็นหน่วยงานศูนย์กลางในวังหลวง เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้กันดี
ฉู่จ้าวเหรินอยู่หนานจิงมานานหลายปี เสนาบดีทหารที่หนานจิงและขุนพลพิทักษ์หนานจิงก็ให้ความเคารพ แต่ก็ไม่ได้ไปหาสู่กันมากนัก เสนาบดีทหารที่หนานจิงเป็นขุนนางบุ๋นระดับสูงที่สุดในระบบการปกครองหนานจิง ขุนพลพิทักษ์หนานจิงเป็นเป็นญาติกับเว่ยกั๋วกงแห่งตระกูลสวี ก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติฉู่จ้าวเหรินมากนัก
แต่พอมีราชโองการแต่งตั้งตำแหน่งนี้มา ฉู่จ้าวเหรินก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมได้ทันที ทั้งสองคนรีบมาแสดงความยินดีอย่างเกรงใจ และยังส่งของขวัญมาให้ด้วย
การมอบของขวัญพวกนี้ก็มิใช่ของขวัญมีค่าอันใดมากมาย แต่ท่าทีนั้นทำให้รู้สึกพองโต เมื่อก่อนไม่ว่าพ่อค้าใหญ่หรือขุนนางสูงศักดิ์ไหนเลยจะมีท่าทีเช่นนี้ ก็แค่ให้เกียรติต่อหน้าผิวเผินเท่านั้น แต่ราชโองการครั้งนี้ ทุกคนต่างมอบของขวัญชิ้นใหญ่มาให้
ผู้คนทุกระดับในหนานจิงล้วนให้เกียรติมาส่งฉู่จ้าวเหรินในครั้งนี้ ผู้ไม่หวั่นไหวต่อชื่อเสียงเกียรติยศนั้นมีน้อย และฉู่จ้าวเหรินก็ไม่อยู่ในชนหมู่น้อยนี้
ท่าทางได้ใจอย่างมาก รับปากคนมามอบของขวัญอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ฉู่จ้าวเหรินก็ยังสรุปหลักการบางอย่างได้จากตำแหน่งหน้าที่ที่ผ่านมาว่า
ในวังผู้ที่เป็นใหญ่ก็คือไทเฮา พูดให้ตรงก็คือไทเฮาฉือเซิ่ง ไม่ใช่ไทเฮาเหรินเซิ่ง ไม่ใช่เฝิงกงกง ไม่ใช่ฝ่าบาท
กลับวังไป กับผู้อื่นก็แค่รักษาท่าทีนอบน้อมก็พอ เพียงแค่ไทเฮาฉือเซิ่งผู้เดียวที่ต้องนอบน้อมอย่างที่สุด นอกจากนี้ ยังต้องให้ความเคารพหัวหน้าสำนักอาชาหลวงจางจิงอย่างที่สุด ส่วนหลินซูลู่ที่มีคนในมือไม่น้อย นั่นก็ต้องระวังอยู่สักหน่อย
ฉู่จ้าวเหรินคิดวางแผนมาตลอดการเดินทาง ผู้ติดตามคนสนิทก็นำของขวัญจำนวนมากไปเมืองหลวงเปิดทางไว้ก่อนแล้ว เมืองหลวงห่างจากหนานจิงนับพันลี้ แม้ว่าข่าวสารระยะทาง 600 ลี้ยังต้องใช้เวลาราว 10 วันจึงจะมาถึง ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตอนเหนือมากนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ก็คือวันนี้เทียนจินรุ่งเรืองไม่เหมือนวันวาน ไม่แพ้ทางตอนใต้ หากกล่าวแค่คนเดียว ฉู่จ้าวเหรินยังคิดว่าเป็นพวกไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน แต่ก่อนเดินทางมา มีคนไม่น้อยมาเยี่ยมเยือน ล้วนกล่าวชมเทียนจินเป็นเสียงเดียวกัน
เรื่องนี้ทำให้ฉู่จ้าวเหรินรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ในใจคิดว่าเมื่อถึงเทียนจินจะลงไปเดินชมสักครา ตนเองมีหลานฝ่ายผู้หญิงหนึ่งและฝ่ายญาติผู้ชายอีกสอง หากรุ่งเรืองดังที่ว่ามาก ก็ไม่สู้จัดการให้ได้ลู่ทางที่นั่น ตอนนี้ตนเองสถานะไม่เหมือนเดิมแล้ว เทียนจินจะมีผู้ใดกล้าไม่ไว้หน้ากัน
หลังจากเรือผ่านจี่หนิงโจวมา ความเร็วก็ไม่อาจเร็วได้อีก ค่อยๆ แล่นไป ปลายเดือนเจ็ดก็มาถึงเทียนจิน ฉู่จ้าวเหรินไม่อยากลงจากเรือไปพักบนฝั่ง เรือลำนี้เป็นเรือเฉพาะที่หนานจิง เป็นเรือใหญ่ส่งมาจากหยางโจว ว่ากันว่าเป็นเรือพ่อค้าเกลือร่ำรวยใช้กัน เรือแล่นได้นิ่ง ตกแต่งหรูหรา ข้างในอยู่แล้วสบายยิ่ง เทียนจินคับแคบ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีที่พักดีๆ ให้พักหรือไม่
สั่งการไปก่อน เมื่อเรือแล่นออกจากหลินชิงก็ให้เริ่มคุมความเร็ว ห่างจากเทียนจินห้าลี้ก็พักสักคืน วันรุ่งเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นก็ถึงเทียนจินพอดี ก็จะเป็นเวลาให้ฉู่จ้าวเหรินได้เดินท่องเที่ยวเทียนจินในเวลากลางวัน
คิดไม่ถึงว่าพอเรือถึงเทียนจิน ก็หยุดแล่น พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ฉู่จ้าวเหรินเพิ่งตื่นนอน หญิงสาวคอยปรนนิบัติช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า
ขันทีที่ออกมาประจำการนอกวังล้วนมีข่าวว่ามักจะหาหญิงหน้ำตาดีมาทำตัวเป็นสามีภรรยา แม้ว่าไร้มนุษยธรรม แต่คงเหมือนการปลอบประโยนจิตใจอย่างหนึ่งก็ไม่อาจรู้ได้
หญิงสาวที่ปรนนิบัติฉู่จ้าวเหรินนั้นไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาทั่วไป หากเป็นตอนที่ฉู่จ้าวเหรินออกจากหนานจิงมา พ่อค้าท่านหนึ่งไปซื้อมาจากริมแม่น้ำฉินไหวและนำมามอบให้ เป็นผู้ที่รู้จักปรนนิบัติแท้จริง
เปลี่ยนชุดเสร็จกำลังล้างหน้า ฉู่จ้าวเหรินก็พวกว่าเรือหยุดแล่น เข้าเขตปกครองเหนือแล้ว ฉู่จ้าวเหรินรู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง คิดอยากให้เรือแล่นให้เร็วอีกหน่อย ขณะใช้เกลือบ้วนปากก็ถามไปว่า
“เหตุใดเรือไม่แล่นแล้ว?”
เสียงไม่ดังนัก แต่ด้านนอกแต่ละคนได้ยินคำถาม ไม่นานก็มีขันทีน้อยด้านนอกรายงานดังเข้ามาว่า
“เรียนฉู่กงกง ได้ยินคนเรือว่า เรือผ่านเทียนจินต้องเข้าแถวผ่านด่าน ตอนนี้กำลังเป็นเวลาเรือชุกชุม ทุกวันตอนเช้าก็จะเข้าแถวเช่นนี้ แต่ด่านนี้เร็ว ฉู่กงกงคงไม่ต้องคอยนาน!”
“มีกฎระเบียบมากมายเพียงนี้เลย……”
ขันทีฉู่แค่นเสียงฮึในลำคอ หันกลับไปรับอาหารเช้าในเรือดีกว่า พ่อครัวบนเรือก็มากความสามารถ เสวยสุขบนเรือเสียจริง
กินอาหารเช้าไปได้สองคำ เรือก็ขยับ แต่แล่นไม่นานก็หยุดอีก ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก ฉู่จ้าวเหรินก็ไม่สนใจเท่าไร เตรียมว่าดื่มชาเสร็จก็จะไปเดินกินลมด้านนอกเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าเสียงจะยิ่งดังขึ้น และก็เป็นความเคลื่อนไหวหน้าเรือตน
จู่ๆ คิ้วของฉู่จ้าวเหรินก็ขมวดมุ่น กองเรือกว่า 50 ลำ เรือของเขาที่อยู่ตรงกลางด้านหน้าและด้านหลังเต็มไปด้วยของขวัญและเรือของคนรับใช้ ด้านหน้าย่อมเป็นเรื่องตน กำลังจะออกไปถาม ก็ได้ยินเสียงดังโครมคราม มีคนวิ่งขึ้นมาบนเรือ
“ทำอันใด บรรพบุรุษกำลังพักผ่อนอยู่ อย่าได้บุกขึ้นมา!”
“ฉู่กงกง ด่านเทียนจินต้องการตรวจสินค้าเรา เก็บภาษีเรา!!”
ชายผู้นั้นจะขึ้นมาก็ถูกขันทีน้อยขวางไว้ ในใจก็ร้อนใจ อดไม่ได้ตะโกนดังขึ้น พอได้ยิน ขันทีที่ขวางอยู่ด้านนอกก็ไม่กล้ากล่าวอันใด ฉู่จ้าวเหรินเริ่มขมวดคิ้วแน่น เงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า
“แจ้งชื่อเราไปหรือยัง?”
“เรียนกงกง แจ้งแล้ว แต่สุนัขเทียนจินอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย”
ตอนยังเป็นขันทีดูแลหนานจิง คนให้ความเคารพไม่ต้องพูดถึง แต่ตั้งแต่ได้ตำแหน่งใหม่มา เดินทางอยู่ในเขตปกครองใต้ ซานตงเข้ามาเมืองเหอเจียน ตลอดเส้นทางผู้ใดบ้างไม่ให้การต้อนรับอย่างดี ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่ากงกงท่านนี้เข้าไปดำรงตำแหน่งใหญ่ใด หากไม่ระวังล่วงเกินเข้า เขากล่าวบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย หรืออาจถวายฎีกา ถึงตอนนั้นตำแหน่งย่อมรักษาไว้ไม่อยู่ ดีไม่ดีคงได้ติดคุกรับโทษ
ฉู่จ้าวเหรินไม่เข้า เหตุใดพอถึงเทียนจิน ก็มีคนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง คนด้านนอกไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว กำลังจะถามก็ได้ยินเสียงตบโต๊ะดังออกมา ได้ยินเสียงแหลมกรีดเสียงดังตวาดด่าว่า
“เทียนจินนี่ช่างไม่รู้จักธรรมเนียมจริงๆ !!!”
*************
“เจ้าพวกบัดซบไร้ค่า เรือบรรทุกของข้า ถึงกับกล้าให้คนไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาได้ รีบไล่ออกไป รีบไล่มันลงไป!!”
ขันทีฉู่เดินไปดาดฟ้าเรือ มองเห็นเรือไม่น้อยมีทหารองครักษ์เสื้อแพรกำลังมีเรื่องกับคนของตน ก็โมโหทันที ยกมือขึ้นโบกห้ามพลางตวาดด่าทอขึ้น
พวกขันทีเสียงจะแหลมสูง พอตวาดดังมา คนข้างล่างก็หยุดมองมา พอหลายสายตามองมา ฉู่จ้าวเหรินก็ยิ่งโมโห ตะโกนด่าทอว่า
“มองข้าทำไม รีบไล่พวกมันลงไป หนิวเชียนเวยเจ้าเป็นหัวหน้าคุ้มกัน เป็นกันแบบนี้หรือไง?”
ขันทีผู้ดูแลหนานจิงมีหน้าที่กำกับดูแลกองทัพและการป้องกันหนานจิง ขันทีผู้ดูแลก็ย่อมมีกองกำลังหลายร้อยในมือ ฉู่จ้าวเหรินครั้งนี้กลับไปดำรงตำแหน่งที่สำนักอาชาหลวงก็นับว่าเป็นตำแหน่งบู๊ ดังนั้นจำนำกำลังเดิมจากหนานจิงมาด้วย พวกเขาล้วนอยู่บนเรือ
เรือทุกลำมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคน พอได้ยินขันทีฉู่โมโห ชายด้านหน้าเรือในชุดนายกองพันก็หันกลับไปถามว่า
“ฉู่กงกง คนพวกนี้เป็นพวกองครักษ์เสื้อแพร อันนี้คือ……”
วาจาลังเล แต่ก็กล่าวได้อย่างชัดเจน หลายด่านในหลายพื้นที่จะใช้งานพวกคนช่วยงานหรือไม่ก็พวกนักเลงในพื้นที่ คนพวกนี้จะลงมือก็ลงมือไป แต่ที่เทียนจินล้วนสวมชุดมัจฉาเวหา เป็นเจ้าหน้าที่ทางการตัวจริง ทุกคนล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ ก่อนละมือต้องคิดไตร่ตรองให้มาก
“ไล่ลงไป ไล่ลงไป พวกเราปฏิบัติหน้าที่เพื่อฮ่องเต้ หรือว่าจะให้พวกกเฬวรากพวกนี้มาตรวจค้นเรา!!”
การหันมาถามทำให้ฉู่จ้าวเหรินยิ่งโมโห ตะโกนด่าลงมาทันที
ทหารในสังกัดขันทีดูแลเมืองก็มีนิสัยวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่แล้ว พอได้ยินนายตนสั่งการเช่นนี้ ทหารบนเรือแต่ละลำไหนเลยจะเกรงใจต่อ พวกเขาเป็นพวกรับเบี้ยหวัดฝึกฝนกำลังทุกวันจึงแข็งแกร่ง
เจ้าพนักงานภาษีบนเรือกำลังมีปากเสียงกับทหารบนเรือ สองฝ่ายประจันหน้ากัน แต่พอลงมือกันขึ้นมา พวกเจ้าพนักงานภาษีกลับมิใช่คู่ต่อสู้
พวกเขาหากมิใช่มาจากเจ้าหน้าที่บัญชี ก็เป็นพวกองครักษ์เสื้อแพรสังกัดเทียนจินเดิม ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ สองฝ่ายมีเรื่องกัน หลายคนจึงถูกดันร่วงลงมา ตกน้ำไปราวกับโยนเกี๊ยวลงหม้อต้ม
น้ำในคลองไม่ลึก และพวกเขาทั้งหมดมาทางเรือ คนหนึ่งตกลงไปในน้ำ เพื่อนที่มาด้วยกันก็รีบดึงขึ้นมาก เรื่องจึงไม่บานปลาย ก็แค่ฟกช้ำดำเขียว สภาพทุลักทุเลเท่านั้น
เมื่อเห็นสภาพทุลักทุเลเช่นนี้ ฉู่จ้าวเหรินและหญิงข้างกายต่างก็พากันหัวเราะดังลั่น คนบนเรือได้แต่หรี่ตามองไม่กล้ามองตรงๆ
“กุ้งหอยปูปลาเช่นพวกเจ้า กล้ามายุ่มย่ามเรือข้า ช่างไม่รู้จักที่ตาย ออกเรือ ออกเรือ!!”
ฉู่จ้าวเหรินพูดด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็มองไปยงริมฝั่ง พอมองไปก็ต้องตกตะลึงงัน เทียบกับที่เขาจากไปหนานจิงเมื่อคราก่อนแล้ว ที่นี่ไม่เหมือนเดิมอย่างมาก……
************
เจ้าพนักงานภาษีขึ้นฝั่งมา ระดับหัวหน้าปรึกษากัน หนึ่งส่งคนไปเก็บภาษีเจ้าอื่น สองส่งม้าเร็วไปบอกจางซื่อเฉียง
กลาววันด่านเก็บภาษีเป็นหน้าที่รับผิดชอบของจางซื่อเฉียง อย่าได้เห็นตอนนี้เป็นแค่นายกองร้อย เพราะเรื่องหลายเรื่องไม่ต้องทำด้วยตนเอง หากนายกองร้อยหังต้าเฉียวไม่ได้โชคดีเหมือนเขา เพราะต้องคอยจับตาดูเรื่องราวด้านนอกให้ดี หากเมื่อต้องตัดสินใจก็ต้องมาถามความเห็นจากจางซื่อเฉียง
จางซื่อเฉียงกำลังพลิกดูบัญชีอยู่ หังต้าเฉียววิ่งเข้ามากล่าวทันทีว่า
“พี่จาง ปลายน้ำลงไปสองลี้ คนของเราถูกรุม!”
พอได้ยิน จางซื่อเฉียงก็ลุกขึ้นยืนทันที ถามอย่างร้อนใจว่า
“คนของเราเป็นอย่างไรบ้าง? ผู้ใดใจกล้าเพียงนี้!?”
“คนเราโดนไปเล็กน้อย โดนตีตกน้ำไป คนที่ลงมือเห็นว่าเป็นขันทีมารับตำแหน่งใหม่ที่สำนักอาชาหลวง……พี่จาง เรื่องนี้หรือว่าเรา……”
หังต้าเฉียวอ้ำๆ อึ้งๆ จางซื่อเฉียงกลับตัดบททิ้งทันที
“อะไรหรือว่าอะไร จับตัวไว้ก่อน รีบส่งม้าเร็วไปเชิญใต้เท้ามา!”