ตอนที่ 399 ถกเรื่องทะเล แขกจากทางใต้
“ใต้เท้าเฉินการต่อสู้นี้ยอดเยี่ยมนัก ดังคำกล่าวที่ว่ากองกำลังสยบไร้การต่อสู้ คิดแล้วคงเป็นเช่นนี้นี่เอง!”
บนเรือลำใหญ่นอกท่าเรือมาเก๊า แม่ทัพบนหัวเรือมองไปที่ยังท่าเรือด้านใน ด้านข้างมีอีกผู้หนึ่งแต่งกายแบบบัณฑิตเอ่ยชมน้ำเสียงเลื่อมใส
แม่ทัพในชุดเกราะออกกองทัพเรือ อายุราวสามสิบ รูปร่างค่อนข้างผอมเพรียว ได้ยินวาจาชมจากคนด้านข้าง สีหน้าไร้รอยยินดี
“ท่านกาวชมเกินไปแล้ว ไหนเลยจะกล่าวว่ายอดเยี่ยมได้ ก็แค่ตั้งท่าเท่านั้น!”
“ใต้เท้าเฉินถ่อมตัวเกินไปแล้ว ครั้งนี้ราชสำนักมีราชโองการมา เลื่อนตำแหน่งใต้เท้าเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ ครั้งนี้ออกปราบโจรสลัดที่มาเก๊า ยังนำทัพได้แปลกเช่นนี้ ไม่ทันลงมือรบก็ได้รับชัยชนะเบ็ดเสร็จ ช่างทำให้ผู้คนเห็นแล้วต้องมองตาค้าง ข้าเองได้รับรู้ด้วยตาตนเองครานี้ รู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง กลับไปกวางเจาจะต้องรายงานขึ้นไป ให้ใต้เท้าได้รับความชอบ นับได้ว่าหลังเลื่อนตำแหน่งก็มีผลงานใหญ่เลย”
กล่าวถึงตรงนี้ เฉินหลินก็หันหน้ามาประสานมือขอบคุณกล่าวว่า
“ข้าขอขอบคุณท่านกาวที่ส่งเสริม ท่านอยู่ข้างกายใต้เท้าหลิงมานาน ได้ยินได้เห็นเรื่องปราบจลาจลพวกเผ่าแม้วในแถบตะวันตกเฉียงใต้มามาก แต่คงไม่ค่อยรู้เรื่องการทะเล เหล่าจาง เจ้าลองเล่าให้ท่านกาวฟังหน่อย หากว่าเรือต่างชาติพวกนั้นมีการเตรียมการ เรือเราเหล่านี้จะเป็นเช่นไร?”
นายทหารในชุดนายกองพันผู้หนึ่งได้ยินคำกล่าวนี้ ก็ก้าวออกมากล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมว่า
“หากพวกเขามีการเตรียมตัว ทัพเรือไฟเราย่อมไม่อาจเข้าประชิด เกรงว่าคงกางใบออกจากท่าไปแล้ว……”
บัณฑิตผู้นั้นได้ยินแล้วก็รู้สึกงุนงง จึงอดกล่าวแทรกขึ้นไม่ได้ว่า
“ใต้เท้าเฉิน พวกเราครั้งนี้นำเรือรบใหญ่น้อยมาร้อยห้าสิบกว่าลำ พวกต่างชาติฟะรังคีมีเท่าไรกัน?”
เฉินหลินสบตากับนายกองพัน รอยยิ้มฝืดเฝื่อนเต็มที นายกองพันผู้นั้นประสานมือกล่าวว่า
“ใต้เท้า เอาแค่เรื่องนี้ก่อน แค่เรือใหญ่สุดสามลำนั้นออกมา เรือสามลำนั้นมีปืนใหญ่ร้อยกว่ากระบอก สลับกันยิง เรือพวกเราจะรับมือไหวได้อย่างไร ก็ต้องให้พี่น้องเราเสี่ยงตายดูว่าจะเข้าใกล้ได้หรือไม่ แปดเก้าส่วนย่อมมีโอกาสถูกยิงจมไปก่อนแล้ว”
ท่านกาวผู้นี้เป็นที่ปรึกษาของแม่ทัพหลิงอวิ๋นอี้ ผู้บัญชาการทหารมณฑลกวางตุ้งและกวางสี ราชสำนักมีราชโองการด่วนมา กวางตุ้งทุกหน่วยงานย่อมไม่อาจรอช้าได้ ไม่เพียงแต่ให้เฉินหลินนำกำลังเรือรบออกมา แต่ยังส่งที่ปรึกษาตนมาให้ด้วย เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกในการติดต่อพื้นที่
หลายปีมานี้ผู้บัญชาการทหารมณฑลกวางตุ้งและกวางสีปราบจลาจลแต่ละชนเผ่าทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่หยุด ที่ปรึกษาข้างกายก็ย่อมต้องเกี่ยวพันกับการทหารเช่นนี้ทั้งวัน ท่านกาวผู้นี้ก็ค่อนข้างเข้าใจเรื่องการรบไม่น้อย
เมื่อวานเฉินหลินใช้เรือชาวบ้านบรรทุกกองฟืนกองฟางปลอมเป็นเรือการค้าเข้ามาในท่าเรือ วันนี้ก็ออกคำสั่ง ให้เรือเหล่านี้เข้าประชิดเรือต่างชาติลำใหญ่ที่มีปืนใหญ่ หากเคลื่อนไหวแม้เล็กน้อยก็ให้จุดไฟทันที
เมื่อเห็นว่าเรือต่างชาติในท่าเรือนั้นสงบเสงี่ยมไม่กล้าเคลื่อนไหว ท่าทางเหมือนยอมจำนนเช่นนั้น ท่านกาวก็ย่อมดีใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ ก็รู้สึกมึนงงไปในทันที เงียบไปครู่หนึ่ง ก็อดตบมือกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า
“หากกล่าวเช่นนี้ ชายแดนทะเลหมิงเราใช่ว่าอยู่ในภาวะอันตรายหรอกหรือ ปล่อยให้เรือต่างชาติพวกนี้ไปๆ มาๆ ตามใจ?”
“ยามนี้ราชวงศ์หมิงเราเอาอันใดมากล่าวว่าชายแดนทะเลหมิง เรือต่างชาติพวกนี้แต่ไรมาก็ไปมาอิสระ……ท่านกาวอย่าได้มองว่ากองเรือกวางตุ้งเราโบราณคร่ำครึ ตามที่ข้ารู้มา เรานี่นับว่าดีแล้ว”
“……เรือรบต่างชาติยอดเยี่ยมเช่นนี้ หรือว่าพวกเราสร้างไม่ได้?”
“ท่านกาว เงินจะมาจากไหนกัน เงินตอนนี้ล้วนใช้จ่ายไปกับชายแดนเก้าด้าน ตอนเมืองผิงเหยาเกิดจลาจล กำลังตกในภาวะคับขัน ราชสำนักไม่อาจจัดสรรเงินมาให้ได้ เรื่องนี้ท่านกาวเองก็รู้ไม่ใช่หรือ?”
กล่าวถึงตรงนี้ ท่านกาวก็ไร้วาจาจะโต้ตอบ ได้แต่ถอนหายใจ หันไปทางท่าเรือ กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“หรือว่าจะไร้หนทางกัน?”
“ก็ไม่เช่นนั้น การปฏิบัติการที่มาเก๊า มีผู้กล่าวว่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ไป มีคนกล่าวว่าเป็นละครหลอกเด็ก ทว่าข้าเองกลับรู้สึกว่ามีความล้ำลึกอยู่ หลายเรื่องไม่อาจคิดตามแบบเมื่อก่อนได้แล้ว” “
ท่านกาวพยักหน้า กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“หลังมีราชโองการมา สหายใต้เท้าหลิงในเมืองหลวงก็ส่งจดหมายส่วนตัวมาหลายฉบับ กล่าวว่าเรื่องนี้ดีไม่ดีเป็นนายกองพันหวังทงแห่งเทียนจินขอให้ฮ่องเต้มีรับสั่ง เรื่องการทหารใหญ่เช่นนี้ ถึงกับทำเหมือนเรื่องเด็กเล่นได้ฤา ได้ยินว่า นายกองพันหนุ่มผู้นั้นเคยอยู่มาเก๊ามาก่อน……”
เฉินหลินยิ้มกล่าวพึมพัมกับตนเองว่า
“ใช่ว่าเป็นเรื่องเด็กเล่น……”
แต่วาจานี้ไม่ได้กล่าวให้ท่านกาวได้ยิน ยามนี้มีคนที่ท่าเรือโบกสะบัดธง ทหารที่ปีนอยู่บนเสากระโดงเรือก็ตะโกนดังลงมาว่า
“ใต้เท้า ท่าเรือส่งสัญญาณมาแล้ว ทุกอย่างราบรื่นดี ขอใต้เท้าขึ้นฝั่งสั่งการได้”
*************
“โจรสลัดวัวโค่วและโจรทะเลเลือกที่แห่งนี้ไว้เพื่อซ่อมแซมเรือ ซื้อหาอาวุธ เป็นภัยใหญ่หลวง เดิมจะนำคนที่เกี่ยวข้องส่งกลับแผ่นดิน แต่ชายแดนทะเลนับหมื่นลี้ ระหว่างทางกลับอาจถูกโจรสลัดจับตัวไปได้ กลับเป็นการไม่ดี จึงมีคำสั่งให้ตามกองเรือไปทางเหนือ ไปพักที่เทียนจิน รอให้สงบ ค่อยกลับมาเก๊าก็แล้วแต่”
หลังจากขึ้นฝั่งมา ก็นำคนสำคัญชาวโปรตุเกสมารวมตัวกัน ท่านกาวกล่าวกับพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายมาก สวาซีและขุนนางโปรตุเกสน้อยใหญ่ต่างก็แปลกใจ แต่กลับไม่อาจมีความเห็นคัดค้าน มาเก๊ามีผลประโยชน์จากพวกโปรตุเกสหลายต่อ เป็นพ่อค้าจากโปรตุเกสและขุนนางทหาร ช่างฝีพวกนี้เป็นแค่ระดับล่าง ไม่มีพวกเขา ก็แค่ไปหาอีกกลุ่มมาใหม่ ในเมื่อราชวงศ์หมิงไม่อยากให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ก็ให้พากันก็แล้วกัน อย่าว่าแต่ไปเหนือเลย แม้เอาไปสังหารตอนนี้ ก็จะไม่มีความคิดเห็นใดจากมาเก๊า
หลังจากทุกคนสบตากัน พ่อค้าสองสามคนกับขุนนางสถานะสูงก็พยักหน้าให้กัน มีคนกล่าวออกมาว่า
“ในเมื่อท่านแม่ทัพที่เคารพกล่าวเช่นนี้ แม้ว่าพวกเราจะรู้สึกเสียใจกับการกระทำไม่ไว้หน้าของท่านในวันนี้ แต่ก็คิดว่าเห็นแก่ความสงบสุขส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ขอยอมรับการจัดการของท่านแม่ทัพ”
วาจารักษาหน้าอย่างยิ่งเช่นนี้ทำเอาเฉินหลินหลุดเสียงหัวเราะออกมา ตามมาด้วยการมองไปยังท่าเรือและสวาซีที่นอบน้อมสุดชีวิต ก็คิดอะไรออก กระซิบบอกล่ามไปสองสามคำ
ล่ามอึ้งไป ก่อนจะรีบคำนับ จากนั้นเดินไปยังกลุ่มคนเหล่านนั้นถามอย่างวางท่าว่า
“ท่านแม่ทัพเฉินเราถามพวกท่านว่า ที่นี่ขุนพลที่เก่งที่สุดคือผู้ใด พลทหารที่ดีที่สุดคือผู้ใดบ้าง แจ้งรายชื่อขุนพลกับพลทหารอย่างละห้านายมาได้ไหม!?”
คิดไม่ถึงว่ากองทัพหมิงจะถามเช่นนี้ ขุนพลระดับล่างกับพลทหารคงไม่เท่าไร สามารถขอกำลังเสริมจากประเทศแม่ได้
‘ขุนพลที่ดีที่สุด’ พอได้ยิน สวาซีก็ยืดอกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว กำลังคิดจะรายงานชื่อตนออกมา ก็พบว่าไม่ว่าพวกโปรตุเกสหรือชาวหมิงต่างมองมาด้วยสายตาดูแคลน จึงรีบกลืนน้ำลายแทน สุดท้ายใช้วิธีคัดที่ดีที่สุดจากที่ไม่เข้าตาที่สุดออกมาสิบนาย
“เพราะเป็นชาวฟะรังคีทั้งหมด ดังนั้นพวกเจ้าต้องส่งคนคุ้มครองกันไป ชื่อที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไปด้วยกันละกัน!”
นี่เป็นเรื่องอย่างไรก็ได้ ก็แค่ทหารธรรมดาสิบนาย คนที่จากยุโรปแผ่นดินเกิดมาเป็นทหารที่นี่ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไร้หนทางไป ส่งไปก็ส่งไปก็แล้วกัน
“เกือบ 400 คน เรือทางการเราไม่พอ ก็ใช้เรือสินค้าลำนั้นส่งไปทางเหนือละกัน ทางการจะส่งทหารประจำการไปด้วย และจะส่งเรือสองสามลำตามไปด้วย”
หลังจากฟังล่ามแปล พ่อค้าชาวโปรตุเกสหลายคนก็ร้อนใจ มีคนหนึ่งรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า
“ท่านแม่ทัพที่เคารพ เรือลำนี้กำลังจะลงทะเลใต้ หากไปทางเหนือ พวกเราคงเสียหายมหาศาล”
เฉินหลินไหนเลยจะสนในคำอธิบายของพวกเขา หันไปนำกำลังทหารไปตรวจป้อมปืนและปืนใหญ่ริมทะเลมาเก๊า ท่านกาวกลับหน้าบึ้งใส่กล่าวว่า
“แค่บอกให้ทุกท่านว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่ถามว่าทุกท่านเห็นด้วยหรือไม่ พวกท่านคิดเอาเรือไว้ หรือคิดอยากให้ท่าเรือกลายเป็นทะเลเพลิงเสียในยามนี้……”
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผู้คนที่ยืนอยู่บนชายหาดสามารถมองเห็นคบเพลิงบนเรือสว่างไสว ทหารหมิงพวกนั้นได้เปลี่ยนคบเพลิงใหม่หลายอันแล้ว
กำไรการเดินเรือล่าช้าเมื่อเทียบกับเรือการค้าติดอาวุธที่มีราคาแพง ตัวเลขง่าย ๆ ทุกคนย่อมแยกแยะได้ง่าย
ตรงนั้นเฉินหลินกำลังตรวจป้อมปืนใหญ่ริมท่าเรือ ผู้ติดตามหันหน้ามามองก่อนจะกระซิบว่า
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขอบังอาจ ข้าน้อยได้ยินมาว่า ไม่ได้ยินว่าให้ใช้เรือต่างชาติ ไม่ได้ยินว่าให้ส่งทหารตามไปด้วย ท่านทำเช่นนี้ จะเป็นการ……?”
เฉินหลินยิ้มมองผืนทะเลกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“นายกองพันคนสนิทโอรสสวรรค์ผู้นั้นต้องการทำอันใด ข้าพอเดาได้หลายส่วน ทำเช่นนี้เป็นดังการช่วย เปรียบเหมือนปักลายดอกงดงามลงบนผืนผ้าทองด้วยซ้ำ……”
***********
ในช่วงครึ่งหลังของเดือนเจ็ด แม้ว่าเขตปกครองเหนือจะร้อน แต่ก็มีคนข้างกายคอยพัดไป ยังนั่งอยู่ในห้องบนเรือ ระหว่างเส้นทางคลองส่งน้ำยังมีสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน ยังมีน้ำบ๊วยเกล็ดน้ำแข็งแก้กระหาย ย่อมเป็นความสบายหาใดเทียม
อดีตขันทีดูแลเมืองหนานจิง ฉู่จ้าวเหริน ตอนนี้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักอาชาหลวง กำลังนั่งอยู่บนเรือท่าทางสบายอกสบายใจยิ่ง ข้างกายแค่ขันทีน้อยคอยรัยใช้ก็สิบกว่าคน สาละวนทำงานกันยุ่งไม่หยุดอยู่
หูจื้อจงที่ได้ย้ายไปรับตำแหน่งที่หนานจิง มีของใช้ติดตัวไปด้วยแค่สองลำเรือ แต่ขันทีฉู่ครั้งนี้มีถึง 50 กว่าลำ บรรทุกสิ่งของมีค่าและเงินทองมาเต็มลำ
ขันทีผู้ดูแลหนานจิงก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนโอรสสวรรค์ปกครองแดนใต้ ตำแหน่งสูงส่ง คนอยากเป็นกันมาก ขันทีฉู่อยู่มาห้าปี เงินแสดงความกตัญญูจากพวกขุนนางพ่อค้าย่อมมีมาไม่น้อย ครั้งนี้ได้เลื่อนตำแหน่งกลับเมืองหลวง ก็ย่อมมีคนรู้งานนำของมามอบเป็นการน้อมส่ง
เรือมากกว่า 50 ลำเหล่านี้บางลำเป็นของตน บางคำก็เป็นของใต้เท้าผู้ใหญ่หลายท่านในเมืองหลวง ขันทีฉู่ได้จัดสรรเรียบร้อยแล้ว เขารู้ดีกว่า หากมิใช่หลายปีมานี้จัดสรรได้ดีทุกภาคส่วน ตำแหน่งในสำนักอาชาหลวงที่ยิ่งใหญ่นี้ว่างลง ไหนเลยจะมาถึงมือเขาได้ 24 สำนักในวังมีคนมากมายจับจ้องอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไร!
ในเมื่อถึงขั้นนี้ เช่นนั้นก็จัดการให้ดี รอว่ามีโอกาสอันใดให้ก้าวหน้าได้อีกหรือไม่
ขบวนเรือขึ้นเหนือ มองแล้วก็ใกล้จะถึงเทียนจินแล้ว……