Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 465

ตอนที่ 465 จวนมหาอำมาตย์ วิเคราะห์อย่างละเอียด

“ท่านจาง เรื่องมือสังหารเดนตายมีหลายแบบ เมืองหลวงพวกชนชั้นสูงก็มีเลี้ยงไว้เพื่อส่งไปสังหารคนเท่านั้น พอถูกจับได้ก็ปิดปากแน่นไม่ยอมรับ ลากยาวไปวันหนึ่ง ย่อมมีเจ้านายส่งคนมาปิดปากหรือไม่ก็พาตัวออกไป คนเช่นนี้ก็แค่ขอให้รับปากว่าคนที่บ้านใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขเท่านั้น”

ในห้องหนังสือของมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง รอบข้างถอยห่างออกไปหมดแล้ว มีเพียงจางจวีเจิ้งและหลิวโส่วโหย่วผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรสองคน หลิวโสวโหย่วยืนกล่าวอย่างไม่ยี่หระอยู่ข้างๆ

“แม้หวังทงเป็นเพียงนายกองพัน แต่ก็มีตำแหน่งในฝ่ายในวัง รอบกายมีทหารนับร้อย ล้วนเป็นทหารกล้า สามารถลงมือสังหารคนเช่นนี้ซึ่งหน้าได้ เสร็จงานยังกัดลิ้นสังหารตนเอง สามารถทำถึงขั้นนี้ ก็ต้องฝึกจากกองกำลังมา ได้เห็นการเข่นฆ่ามาจึงจะทำได้ และคนพวกนี้ปกติก็สั่งการไม่ได้ง่ายๆ”

จางจวีเจิ้งหรี่ตามองหลิวโสวโหย่ว ถามน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ในเมืองหลวงมีผู้ใดมีความสามารถเช่นนี้……”

ถามถึงเรื่องนี้ หลิวโสวโหย่วก็ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า

“ข้าน้อยไม่กล้ากล่าวเหลวไหล หลายตระกูลมีกัน แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหวังทง ที่เหลือ ข้าน้อยไม่กล้าเอ่ยถึง”

กล่าวว่า ‘ไม่กล้าเอ่ย’ มิใช่ ‘ไม่อาจเอ่ย’ หลิวโสวโหย่วต่อหน้าจางจวีเจิ้งก็เหมือนเจ้านายกับบ่าวในบ้าน กล่าวเช่นนี้ออกมา ก็ย่อมไม่สะดวกกล่าว

จางจวีเจิ้งเองก็ไม่ปิดบัง มองออกไปด้านนอก เป็นเวลามืดแล้ว ด้านนอกมืดสนิท มองไม่เห็นอันใด จางจวีเจิ้งส่ายหน้ากล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ท่านผู้นั้นไยต้องทำเช่นนี้ด้วย ปกติเห็นปกป้องกันจะตายไป……โสวโหย่ว เรื่องนี้ สำนักองครักษ์เสื้อแพรต้องสืบให้ดี สามารถส่งมือสังหารเดนตายไปสังหารหวังทงกลางตลาดได้ ครั้งหน้าจะลงมือกับผู้ใด ก็ทำเช่นนี้ ใต้หล้านี้จะยังมีระเบียบกฏเกณฑ์อันใดอีกหรือ ไม่ใช่ว่าจะเกิดจลาจลใหญ่หรอกหรือ”

หลิวโสวโหย่วคำนับรับคำ ยังไม่ทันรับปาก ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก มีคนรายงานเข้ามาว่า

“นายท่าน นายกองพันต่งขอพบ”

“ไม่พบ ไม่พบ อิ๋วชีเจ้าออกไปไล่ เป็นถึงขุนพลบู๊ กลับถูกโจรข่มขู่จนกลัวเยี่ยงนี้ ยังมีหน้ามาขอพบข้า”

อิ๋วชีด้านนอกรับคำออกไป จางจวีเจิ้งส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า

“พวกเจ้าสำนักองครักษ์เสื้อแพรเสพสุขกันมานาน ข้าว่า มีแต่พวกหวังทงเท่านั้นที่ยังมีฝีมือต่อสู้จริง ที่เหลือใช้การไม่ได้”

หลิวโสวโหย่วข้างๆ ยิ้มเก้กัง ไม่กล้ารับคำ

**************

ห้องรับรองในจวนจาง ต่งช่วงสี่ในชุดสีน้ำเงินอ่อนเสื้อกระดุมเกราะครบนั่งรออย่างกระวนกระวาย พอเห็นอิ๋วชีกลับมา ก็รีบลุกขึ้นถามว่า

“พี่ชี ใต้เท้าจางว่าอย่างไรบ้าง?”

อิ๋วชีส่ายหน้า ถอนหายใจกล่าวว่า

“นายท่านไม่อยากยุ่งด้วย ใต้เท้าต่ง นายท่านไม่อยากยุ่ง เรื่องนี้ก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว หรือว่าท่านลองไปหาทางอื่นดู ดึกมากแล้ว ใต้เท้าต่งกลับไปพักเถิด!”

ได้ยินเช่นนี้ ต่งช่วงสี่ก็ราวกับสายฟ้าฟาด ยืนอึ้งอยู่กับที่ อิ๋วชีถอนหายใจส่ายหน้า ก่อนจะหันกายจากไป ต่งช่วงสี่ลังเลครู่หนึ่ง ก็กระซิบขึ้นด้านหลังเบาๆ ว่า

“พี่ชี ตอนแรกที่มาเยือน ข้าจ่ายไปถึงห้าพันตำลึง ไม่ควรว่าพอมีเรื่องก็ไม่สนใจไยดีกระมัง!”

กล่าวจบ อิ๋วชีก็หยุดฝีเท้า ยิ้มเย็นชาหันมากล่าวว่า

“หากไม่ได้ห้าพันนั้นกับที่ท่านนำส่งมาทุกปี ตำแหน่งนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่ซานตงนั่นท่านจะได้ไปงั้นหรือ ท่านก็ทำงานมาหลายปีนี่นา หากคิดจะเอาเงินคืน ก็ไม่ยาก ข้าจะให้คนเอามาให้ท่านตอนนี้ เงินที่นำส่งมาทุกปีจะเอาคืนไปด้วยเลยไหม?”

ถูกอิ๋วชีตอกหน้าเช่นนี้ ทำเอาต่งช่วงสี่สีหน้าแปรเปลี่ยน เห็นอิ๋วชีไขว้หลังกำลังก้าวออกไป ก็รีบถลาไปคุกเข่าลง ร้องไห้คร่ำครวญดังว่า

“พี่ชี ไม่ พี่ชี ข้ามันหมูบดบังจิตใจให้เลอะเลือน กล่าววาจาไร้ยางอายเมื่อครู่ออกไป เรื่องนี้ที่ทำการที่ซานตงก็ไม่ยุ่ง ที่ทำการอื่นก็รอดูเรื่องสนุกกัน หากยังยืดเยื้อต่อไป ไม่เพียงแต่โรงบ้านนอกเมือง ช้าเร็วครอบครัวข้าทุกคนก็จะพังไปหมด……”

เมื่อครู่เอ่ยทวงเงินออกมา อิ๋วชีก็ไม่เกรงใจอันใดอีกแล้ว สะบัดชายแขนเสื้อทิ้ง กล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

“ใต้เท้าต่งเป็นถึงนายกองพันองครักษ์เสื้อแพร ก็แค่โจรกระจอก เหตุใดจึงต้องกลัวถึงเพียงนี้ ข่าวแพร่ออกไป ใช่ว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้าหรอกหรือ รีบลุกขึ้นๆ !”

แม้จะกล่าววาจาเช่นนี้ แต่หากไม่เข้าประคอง หันกายจากไปทันที ต่งช่วงสี่ร้อนใจใหญ่ ตะกายเข้าไปดึงชายเสื้ออิ๋วชีไว้กล่าวว่า

“ท่านชีโปรดหาทางด้วยๆ ข้ามอบให้ก่อน 300 ตำลึงทอง ไว้รองานเสร็จจะมอบให้อีก 300 ตำลึงทอง ขอท่านชีโปรดช่วยด้วย”

600 ตำลึงทองก็เท่ากับ 6,000 ตำลึงเงิน อิ๋วชีเดิมกำลังจะก้าวพ้นประตูไป ได้ยินก็หยุดนิ่ง หันไปปิดประตู เดินไปหน้าต่งช่วงสี่ ประคองเขาขึ้นมา ยิ้มกล่าวว่า

“ข้าและท่านล้วนพี่น้องกัน ไยต้องกล่าวเหินห่างเช่นนี้ ยาต่างๆ ที่ใช้ในจวน หากไม่ได้ใต้เท้าต่งช่วยเหลือ ก็ย่อมหาคนไหว้วานที่ไว้ใจไม่ได้แล้ว เพียงแต่เรื่องนี้นายท่านเราไม่ยุ่งเกี่ยว……”

ต่งช่วงสี่สีหน้าหวาดกลัว ได้แต่กล่าวไม่หยุดว่า

“ท่านจางไม่ยุ่ง ท่านจางไม่ยุ่ง ทำอย่างไรดี”

อิ๋วชีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มกล่าวว่า

“หน้าของข้าก็ยังพอใช้การได้อยู่……”

**************

“นายท่าน นี่คืออาจารย์จากร้านเสียงฝูชิ่ง ต้นปีเพิ่งถูกส่งตัวจากเมืองหลวงมาที่นี่ ท่านใช้เวลากับเรื่องผ้าพวกนี้มาหลายสิบปี ได้รับเงินเดือนเช่นเดียวกับหลงจู๊ใหญ่ดูแลร้านเลยทีเดียว”

จางฉุนเต๋อข้างๆ หวังทงแนะนำ ที่ห้องโถงใหญ่มีโต๊ะยาวอยู่หลายตัว บนโต๊ะวางผ้าเปื้อนโลหิตอยู่หลายผืน ถึงกับมีเสื้อชั้นในทำจากแพรต่วนอยู่สองสามชิ้น

พวกอายุมาหลายคนบ้างนั่งบ้างก็ยืน ได้ยินจางฉุนเต๋อแนะนำ ชายชราเคราและผมขาวโพลนก็ลุกขึ้นยืน กำลังคิดจะคำนับลง หวังทงก็รีบเข้ามาประคองไว้ กล่าวว่า

“ท่านไม่ต้องคำนับ หลายวันก่อนลำบากท่านแล้ว เสร็จงานนี้ย่อมมีรางวัลอย่างงาม ทุกท่านไม่ต้องคุกเข่า หลายวันนี้ลำบากทุกท่านแล้ว”

กับช่างฝีมือเหล่านี้หวังทงให้ความเกรงใจอย่างมาก เสียงฝูชิ่งก็คือร้านผ้าใหญ่มีชื่อในเมืองหลวง จัดหาสินค้าให้กับบรรดาชนชั้นสูงในเมืองหลวง หลังเทียนจินเปิดทะเล ผ้าแพรพรรณจากทางใต้ก็เริ่มมาใช้เส้นทางทะเล บรรดาโรงผ้าใหญ่ต่างก็มาเทียนจินเปิดร้านสั่งสมสินค้ากัน

บรรดาอาจารย์ด้านผ้าเหล่านี้อยู่ในร้านสถานะสูงส่ง ทุกคนให้ความเคารพ แต่ต่อหน้าขุนนางก็ไม่เท่าไรนัก เห็นหวังทงเกรงใจเช่นนี้ต่างก็ซาบซึ้งใจมาก

“นายท่าน ผ้านี้น่าจะเป็นผ้าในพื้นที่ของโรงทอในเขตปกครองเหนือ เนื้อหยาบมาก แขนเสื้อและคอก็เปื่อยมาก เดาว่าไถ่มาจากโรงจำนำ”

อาจารย์ผ้ากล่าวขึ้น หวังทงพยักหน้า เรื่องนี้บรรดาพวกองครักษ์เสื้อแพรก็พอจะเดาได้พอควรแล้ว เสื้อผ้ารูปแบบไม่เหมือนกัน หากใช้ดินทำให้เปื้อนพร้อมกัน สะดวกในการซ่อนตัวอยู่ใต้กองฟาง ชุดพวกนี้เดาว่าซื้อหามาจากโรงจำนำ ยุคนี้ไม่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปขาย ทุกคนล้วนซื้อผ้ามาตัดเองหรือไม่ก็จ้างช่างตัดกัน คิดจะซื้อสำเร็จรูปก็คงได้แต่ไปที่ซื้อเสื้อผ้าใช้แล้วจากโรงจำนำเท่านั้น

“ชุดผ้าพวกนี้เหมือนกันหมดหรือ?”

“เรียนใต้เท้า เป็นเช่นนั้นขอรับ”

หวังทงพยักหน้า หันไปกล่าวกับซุนต้าไห่ข้างหลังว่า

“เดี๋ยวเจ้าเอาชุดพวกนี้ไปให้โรงจำนำในเทียนจินดูให้ทั่ว พวกนั้นย่อมพอจำได้ ถึงตอนนั้นค่อยถามให้ละเอียด”

ซุนต้าไห่พยักหน้ารับคำ แต่ละอาชีพล้วนมีความชำนาญตน อีกด้านเป็นอาจารย์จากร้านผ้าแพรพรรณเห็นอาจารย์ใหญ่จากร้านเสียงฝูชิ่งกล่าวจบ ก็ลังเลไปมาก่อนจะเอ่ยว่า

“นายท่าน เสื้อแพรชั้นในพวกนี้น่าฉงนยิ่งนัก เสื้อแพรชั้นใน นอกจากอิสตรีแล้ว ชายย่อมไม่ค่อยใส่กันนัก เนื้อผ้านี่คือ?”

คนผู้นี้กล่าวอย่างลังเล หวังทงเงียบฟัง เสื้อแพรชั้นในก็คือชุดชั้นใน หากเป็นชุดชั้นในเนื้อผ้าแพร ก็ล้วนเป็นสตรีในตระกูลใหญ่ใช้กัน ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบใช้ผ้าธรรมดา แต่พวกชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้กัน

ทหารบนสนามรบและทหารคนสนิทข้างกายไม่น้อยต่างใช้ผ้าแพรเป็นชุดชั้นใน สาเหตุก็เพราะว่าเมื่อถูกธนูยิง เนื้อผ้าก็มักจะทะลุตาม หากเสื้อชั้นในผ้าแพรก็อาจไม่ขาดตาม หัวธนูกับผ้าแพรจมเข้าเนื้อพร้อมกัน ยามดึงธนูออกก็ดึงง่ายหน่อย แน่นอนว่าส่วนใหญ่มักจะถูกยิงขาด แต่การทำเช่นนี้ก็เพื่อสร้างโอกาสให้หลายส่วน บนสนามรบ โอกาสมีชีวิตรอดแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

ทว่าผ้าแพรนั้นราคาสูงมาก หากไม่ใช่ระดับขุนพลหรือนายทหารคนสนิท เป็นพลทหารทั่วไปย่อมไม่อาจใช้ได้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างอันใด เพราะทหารในพื้นที่ร่ำรวยหลายแห่งก็มีใส่กันทั้งนั้น

“อ๋อ? อาจารย์ท่านนี้ดูออกว่าเป็นวัสดุผ้าอะไรงั้นหรือ?”

อาจารย์ผ้าท่านนั้นลังเล หวังทงถามขึ้นทันที อาจารย์ท่านนั้นอายุราว 40 กว่า ได้ยินหวังทงถามขึ้นก็คำนับตอบว่า

“เรื่องของนายท่านพวกข้าน้อยรู้กันแล้ว นายท่านต้องการสืบเรื่องใด พวกข้าน้อยก็รู้ เรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้าน้อยไม่กล้ากล่าววาจาเหลวไหล เมื่อครู่ข้าน้อยไหว้วานให้นายทหารท่านหนึ่งกลับไปหาที่ร้านแล้ว รอสักครู่ตรวจสอบแล้วก็จะให้ข้อสรุปแก่ใต้เท้า”

หวังทงพยักหน้า เสื้อแพรชั้นในย่อมไม่ได้ใส่ก่อนลงมือ ดีไม่ดีจากแหล่งผลิตผ้าก็อาจพบร่องรอยอันใด

“ต้องการให้ช่วยอันใดก็บอกข้ามาได้ พวกท่านยังต้องกังวลสิ่งใด ข้าจะจดจำน้ำใจพวกท่านไว้ วันหน้าจะมีคนคอยปกป้องพวกท่าน!!”

************

บรรดาเจ้าหน้าที่แต่ละสายในเมืองหลวงพร้อมทั้งจดหมายจากโจวอี้ก็มาถึงเทียนจินพร้อมกันในวันเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่พักที่โรงเตี๊ยมจตุรทิศ ย่อมมีซุนต้าไห่และหังต้าเฉียวไปคอยต้อนรับ คนเหล่านี้ล้วนรู้สถานะของหวังทงดี ปกติออกพื้นที่ปฏิบัติงานก็คิดจะหาเงินทองเข้ากระเป๋าสักหน่อย หากมาที่นี่ก็คงได้แต่ตัดใจแล้ว ได้แต่ปฏิบัติหน้าที่ให้ดีไปเท่านั้น ได้กินดีอยู่ดีก็พอ ได้เปิดหูเปิดตาที่เทียนจินอันแสนรุ่งเรืองสักครา

“……ทุ่มเทแรงกำลังมากมายมาสังหารข้า ไม่ใช่ว่ามีความแค้นใหญ่กับข้าก็ย่อมเป็นผลประโยชน์ใหญ่……คงไม่ใช่มือสังหารจากทุ่งหญ้านอกด่านพวกนั้น……เถ้าแก่กู่ เถ้าแก่จาง พวกท่านสืบดูหน่อยว่าการค้าเรามีไปขัดแย้งผู้ใดหรือไม่……ดีไม่ดีจะเป็นราชาสามธาราผู้นั้น……”

พอได้รับจดหมาย หวังทงก็คิดครู่หนึ่งก่อนออกคำสั่ง กล่าวจบด้านนอกก็มีทหารรายงานว่า

“ใต้เท้า ร้านหลูไห่ส่งเทียบเชิญมา ว่าเจ้านายร้านหลูไห่ ‘เสิ่นหวั่ง’ พรุ่งนี้จะมาขอพบที่จวนขอรับ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version