Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 513

ตอนที่ 513 ล้อมค่ายโจมตีรุนแรง อานุภาพปืนร้ายกาจ

ทหารราบที่เรียงแถวอยู่นอกค่ายรถศึกด้านนอกสุด ต่างสวมชุดเกราะและหมวกเกราะ ส่องแสงวิบวับละลานตา ถึงกับมองไม่เห็นช่องโหว่

ชุดเกราะเหล็กเช่นนี้ คิดจะยิงธนูใส่ก็คงไม่ได้ผลมากนัก พวกมองโกลรอบนอกจึงยกยิงมุมแหงน ส่งลูกธนูเข้าไปด้านในแทน

ตอนพวกมองโกลเริ่มน้าวธนูยิง ทหารสองหน่วยของหวังทงก็เริ่มออกคำสั่ง นัรบด้านนเริ่มขยับทวนยาว ยกโล่ไม้ที่แบกไว้ด้านหลังขึ้นมาบังแทน

ค่ายทวนตั้งรับหนาแน่น ทวนยาวเคลื่อนไหวไปมา สามารถปัดลูกธนูที่ยิงมาได้ส่วนหนึ่ง ยังยกโล่ไม้ขึ้นบัง ก็ยิ่งบดบังได้มาก

แต่อย่างไรโล่ไม้ก็มีช่องโหว่ พวกมองโกลด้านนอกก็มีจำนวนมากย่อมได้เปรียบ ลูกธนูราวกับห่าฝนพุ่งเข้าใส่ มีหลายคนโดนธนูบาดเจ็บ ส่งเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

รอบด้านถูกล้อมไว้หลายชั้น ทหารราบหากคิดจะแตกทัพ ก็ย่อมถูกพวกทหารม้าบุกเข้าสังหาร แต่หากไม่เคลื่อนที่เช่นนี้ แม้แต่พวกบาดเจ็บก็ไม่อาจได้รับการช่วยเหลือ

เพราะระหว่างสองหน่วยทหารหวังทงยังมีพลปืนไฟอีกหน่วย พวกทหารม้ามองโกลจึงพยายามหลีกหนีให้ไกลจากจุดนี้ ทางด้านซ้ายของหน่วย 2 และด้านหน้าของหน่วย 1 จึงไม่ตึงเครียดมากนัก

พวกมองโกลที่ล้อมอยู่ทุกคนพอยิงธนูใส่เสร็จ ก็วิ่งรอบใหญ่กลับมายิงรอบสอง ในกลุ่มนี้ยังต้องกังวลว่าจะมีมือไฟยิงออกมาจากช่องว่างในกองทหารราบของหวังทงแหวกทางให้ ตอนวิ่งรอบค่ายรถศึก ในค่ายรถยังมีปืนใหญ่ยิงออกมาไม่หยุดไม่น้อย

พวกมองโกลมีบางคนรู้สึกแปลกใจ ทหารหมิงหากเคลื่อนกำลังกลับเข้าค่ายรถ ป้องกันแบบเดิม พวกเขาแม้ทัพใหญ่ก็ทำอันใดไม่ได้ เหตุใดจึงออกมาตั้งรับนอกค่ายรถเช่นนี้

************

เห็นธนูยิงมา ทหารราบส่งเสียงร้องโหยหวน หวังทงสีหน้าเยียบเย็น ลังเลครู่หนึ่ง ก็โดดลงจากหลังม้า คว้าถุงดินปืนกระสุนจากอานม้าออกมาสะพาย ก่อนจะออกคำสั่งว่า

“ทหารทุกคนของข้าและพลปืนใหญ่รักษาช่องทางไว้ พลปืนไฟกับพวกยิงธนูเป็นแบ่งเป็นสองกอง กองหนึ่งติดตามรับคำสั่งข้า อีกกองติดตามถานกง ออกไปยิงแนวหน้า!!”

หวังทงบรรจุดินปืนและกระสุนใส่ปืนสั้นสองกระบอกเล็กของตน ตรวจดูชนวนจุดไฟพร้อมแล้วก็เหน็บทวนยาวออกไป ทหารสองหน่วยยืนประชิดกัน ทวนยาวตั้งแนวราบชี้ออกด้านนอก

พลปืนไฟและพลธนูติดตามอยู่ด้านหลังหวังทงและถานกง ก้มตัวลงวิ่งอยู่ใต้ทวนยาว พวกมองโกลล้วนกำลังชุลมุนกับการยิงธนูใส่ พวกเขาก็รู้ว่าหากกดดันได้สักระยะหนึ่ง ทหารราบที่ตั้งรับสองหน่วยนี้จักต้องแตกพ่าย

ไม่มีใครสังเกตว่าพวกที่คุกเขาอยู่ใต้ทวนยาวเป็นพวกหวังทง ปืนสั้นสองกระบอกกับกระสุนดินปืนด้านหลัง น้ำหนักไม่น้อย หวังทงเกือบต้องใช้มือช่วยพยุงยามเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ได้อย่างยากลำบาก

กองกำลังหู่เวยสังเกตได้ถึงการเคลื่อนที่ใต้ทวนยาว แต่พวกเขาไม่กล้าหันสายตาลงมอง เกรงว่าตนขยับทวน จะเปิดช่องให้พวกมองโกลบุกเข้ามา

หูได้ยินเสียงร้องโหยหวน บรรดาหัวหน้ากองก็ตะโกนส่งเสียงดังให้ทุกคนยันเอาไว้ อย่าได้เคลื่อนไหวพลการ หากเคลื่อนไหวกันพลการทำให้ค่ายแตกก็ย่อมเกิดเหตุรันทดยิ่งกว่า กอปรกับด้านนอกยังมีเสียงฝีเท้าม้าวิ่งวน พร้อมเสียงลูกธนูแหวกอากาศดังมาไม่หยุด ราวกับสนามรบอสุรา

เสียงฝีเท้าม้าดังรอบทิศ หวังทงหันหลังประชิดกับกองทหารราบก็เริ่มสังเกตจำนวนพวกมองโกล นับไปถึงอีกด้าน หวังทงจึงหันหน้านั่งลงกับพื้น

บนศีรษะเป็นแนวทวนยาว เผชิญหน้ากับพวกมองโกลส่งเสียงร้องประหลาดพร้อมลูกธนูยิงมาฝุ่นตลบเบื้องหน้า พวกที่ติดตามหวังทงมาทั้งพลปืนและพลธนูล้วนนั่งยองๆ อยู่ด้านหลัง ด้านหลังพวกเขามีพลทวนยาวอีก พลธนูเริ่มยกทวนยาวขึ้น พลปืนและพลธนูยิงออกไปด้านนอก

ห่างไม่ไกลเกิน 30 ก้าว ก็เป็นพวกทหารมองโกลที่รายล้อมอยู่รอบๆ แม้ว่าจะมีฝุ่นตลบบดบัง แต่คนมามากเช่นนี้ ยิงออกไป อย่างไรก็ต้องโดนสักคน

หวังทงนั่งอยู่กับพื้น ไม่สนใจฝุ่นตลบ หากสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง จุดชนวนปืนไฟ เหนี่ยวไก บรรจุกระสุนพร้อม สองปืนยกขึ้นสองกระบอก ยื่นออกไปนอกหมู่ทวนยาว

พลปืนไฟที่เหลือก็เตรียมยิงพร้อมแล้ว นั่งยองอยู่ก็ค่อยๆ ยกปืนขึ้น หวังทงยิงออกไป เสียงดัง ‘ปัง’ เห็นทหารมองโกลที่ไกลออกไปส่งเสียงร้องดังก่อนจะร่วงหล่นจากหลังม้า พลทาวยาวด้านหลังก็พลอยขยับไปด้วย เห็นชัดว่าเสียงที่อยู่ๆ ดังขึ้นทำให้ตกใจไม่น้อย

ปืนไฟดังติดต่อกัน ระยะใกล้เพียงนี้ ทุกนัดที่ยิงออกไป ไม่ถูกคนก็ถูกม้า หวังทงยิงออกไปเป็นดังสัญญาณให้พลปืนไฟหลายร้อยที่แทรกตัวอยู่ด้านหน้าของพลทหารราบระดมยิงออกไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลปืนย่อมไม่รู้ว่าควรยิงออกไปเวลาใด พวกเขารู้เพียงว่าหากเพื่อนทหารข้างๆ ยิง ได้ยิงเสียงยิงพวกเขาจึงยิง ไม่ได้ยิงพร้อมกัน ไม่ได้เป็นเสียงดังที่ดังขึ้นพร้อมกัน

เสียงฝีเท้าม้าและเสียงร้องตะโกนพร้อมเสียงร้องโหยหวนดังไปทั่ว ถึงกับกลบเสียงยิงปืนไปหมด ระยะห่างเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกกับการยิงเป้าหมายโดยตรง เด็ดชีพได้จำนวนมากกว่าการยิงพร้อมกันในรอบแรกสุดเสียอีก

แต่พวกมองโกลนั้นมีมากเกินไปจริงๆ เสียงยิงดังขึ้น ฝุ่นตลบไปหมด คนด้านหลังเห็นแต่เพื่อนทหารด้านหน้าร่วงจากหลังม้า ยังคิดว่าบังเอิญ จึงยิงธนูกันต่อ จนพอโดนเข้ากับตนเองก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว แต่ก็สายไปเสียแล้ว

หวังทงโยนปืนกระบอกแรกลงพื้น จากนั้นก็คว้าเอากระบอกสองจากที่สะพายไว้ออกมา จัดการเรียบร้อยก็ยิงทันที ไม่สนใจว่าด้านนอกจะมีเสียงร้องตอบรับหรือไม่ ก่อนจะหยิบไม้ทำความสะอาดออกมาขัดกระบอกปืน บรรจุดินปืนอีกครั้ง จากนั้นก็เตรียมยิงต่อ

พวกพลปืนที่นั่งยองอยู่ก็บรรจุดินปืนใส่ปืนยาวหลายเชียะนี้อย่างวุ่นวายมาก แต่ถึงตอนนี้ ทหารม้าด้านนอก ด้านหน้าล้มลง ด้านหลังขึ้นเสริม ถึงกับไม่รู้ว่ามีพลปืนไฟและพลธนูแทรกตัวอยู่ด้านหน้าใต้พลทวนแถวที่หนึ่งรอบนอก

พลปืนไฟ 400 ธนูอีกหลายสิบ ยิงไปรอบแรกจัดการไปได้ราว 300 รอบสองยิงไป แม้ว่าฝุ่นยังตลบ ยากที่จะดูสภาพการณ์ แต่พวกมองโกลก็เห็นท่าไม่ดีแล้ว

ขุนพลมองโกลสั่งการให้ถอยกลับ ให้ขยายวงวิ่งรอบให้กว้างขึ้น หากระยะไกลออกไป และอยู่บนหลังม้า ธนูย่อมไม่น่าจะยิงถูกได้สักเท่าไร

แต่พวกที่ล้อมวิ่งวนอยู่ก่อนแล้วจะให้ขยายวงในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ไหนเลยจะง่ายดังนั้น พลปืนไฟเริ่มยิ่งไม่หยุด และก็มีคนร่วงจากหลังม้าไม่หยุด มีคนได้สติทัน เริ่มยิงเข้าใส่พลทวนยาวแถวหน้า แต่ยิงระยะไกลเช่นนั้นใส่เกราะกองกำลังหู่เวยย่อมไร้ผล พวกที่ล้อมยิงใส่พลปืนใหญ่พวกนั้น ย่อมถูกทวนยาวปัดทิ้งทัน

ทหารมองโกลที่ล้อมโจมตีเริ่มลนลาน วงรอบก็เริ่มขยายอย่างไม่ทันรู้ตัว ถึงกับวิ่งไปยิงกันรอบนอก การล้อมยิงไกลเช่นนี้ย่อมไร้ประโยชน์สิ้นเชิง

ทัพใหญ่มองโกลเริ่มหยุด เริ่มลังเลจะเข้าเผชิญกับกองกำลังหู่เวย

หวังทงลุกขึ้น เดินไปที่ทหารราบทวนยาวด้านหน้าหลายก้าว ยกปืนไฟขึ้นเล็ง ตะโกนดังว่า

“ถ่ายทอดคำสั่งไป พลปืนไฟ พลธนูออกมาตั้งรับ ป้องกันรอบนอก!!”

พลปืนไฟต่างจากขวาไปซ้าย ทุกคนถ่ายทอดคำสั่งลงไป พอได้ยินคำสั่งก็หยิบปืนไฟก้มตัววิ่งออกมาตั้งแถวรับด้านนอก เล็งออกด้านนอกอย่างเงียบๆ

สามพันคนรายล้อมด้วยกำลังปืนไฟและธนู 400 กว่า เรียกได้ว่าไม่อาจล้อมได้หมด เพียงแค่ยืนเป็นระยะรอบนอก กับทหารมองโกลด้านนอก พวกเขาจะมีเวลาเพียงแค่ยิงออกไปหนึ่งรอบเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังคงยืนนิ่ง ยืนหยัดป้องกันรอบนอกเอาไว้

เห็นปืนไฟเล็งมา ทหารมองโกลก็ถอยกันออกไปอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาหลายคนเคยรบกับทหารหมิง มีคนเคยได้ยินการเล่าถึงการรบกับพวกทหารหมิง พวกเขาได้ยินมานั้นล้วนว่าปืนไฟทหารหมิงไม่เท่าไร ปืนใหญ่แม้ว่าน่ากลัว แต่ก็เทียบกับธนูไม่ได้ ทหารหมิงเห็นพวกเขาอยู่ระยะไม่กี่ร้อยก้าว หรือแม้กระทั่งพันก้าวก็จะยกปืนยิงกระหน่ำมั่วไปหมด ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แม้แต่น้อย รอจนบุกมาถึงด้านหน้า ทหารปืนไฟหมิงพวกนั้นก็ราวกับกองขยะ โยนปืนทิ้งหนีเอาตัวรอด

แต่ที่ได้พบในวันนี้เหตุใดจึงร้ายกาจเพียงนี้ หากโดนยิงเข้าไม่บาดเจ็บก็ถึงตาย ทหารหลายคนที่ถูกยิงพอลากถอยกลับไป คนที่รักษาเป็นพอเห็นก็บอกว่าเกรงว่ามือเท้าคงรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว หากคิดจะรักษามือเท้าไว้ เกรงว่าแม้แต่ชีวิตก็ยากจะรักษาไว้ได้

เมื่อครู่ไม่ทันตั้งตัว พวกทหารหลายร้อยเกือบพันก็ถูกยิงร่วงจากหลังม้า ตอนนี้เป็นพลปืนไฟหมิงออกมายืนด้านนอก ทัพใหญ่เข้าบุก สี่ร้อยคนไม่ต้องไปสนใจก็ได้ แต่คนที่ตายไปจะเป็นตนเองหรือไม่เล่า คิดถึงตรงนี้ ทุกคนก็ลังเลไม่กล้าเข้าใกล้

“นำทหารบาดเจ็บกลับไปรักษา ด้านในออกมาเสริม รักษารูปขบวนทัพไม่เปลี่ยน!!”

หวังทงสั่งการเสียงดัง ตอนนี้ทหารติดตามเขาทุกคนตั้งรับอยู่ด้านนอกและบัญชาการอยู่ในค่ายรถ การถ่ายทอดคำสั่งยามนี้จึงต้องอาศันกันแบบปากต่อมา ไม่นานค่ายรถก็เปิดออก ด้านในเปิดช่องทางออก ใช้รถที่มีแผ่นไม้ราบออกมาแบกคนที่บาดเจ็บกลับเข้าไป

หวังทงมองซ้ายและขวาก่อนจะตะโกนดังว่า

“ยังมัวตะลึงอันใดน ยิงปืนใหญ่สิ!!!”

พวกมองโกลถอยออกไปไกลแล้ว แม้พวกเขาเมื่อครู่เข้าประชิดใกล้ แต่ก็ไม่ได้ทำลายปืนใหญ่ หวังทงสั่งการดัง ทุกคนได้สติ หลายคนแม้ไม่ได้ถ่ายทอดคำสั่ง แต่พอได้ยินก็ตะโกนดังขึ้นพร้อมเพรียง

“ใต้เท้ามีคำสั่ง!!! ยิงปืนใหญ่!!!”

ในกองกำลัง ทหารปืนใหญ่ตกใจพากันวิ่งไปที่ปืนอย่างบ้าคลั่ง เริ่มบรรจุดินปืนใหม่ เตรียมยิงอีกรอบ……

************

‘ตูม!!!’ ‘ตูม!!!’ ดังสนั่นหวั่นไหว พวกมองโกลที่ล้อมรอบอยู่ได้ยินเสียงดังก็กระจัดกระจายกันหนี วิ่งออกไปรอบทิศ

น่าจี๋เท่อที่กำลังเฝ้าดูการรบอยู่บนเนินดินสีหน้าเคร่งเครียด ชนชั้นสูงผู้นำหลายคนข้างกายก็สบตากัน มีคนกระซิบว่า

“คิดไม่ถึงว่าทหารหมิงพวกนี้จะกินยากเพียงนี้ สูญเสียมากไปแล้วหรือไม่”

น่าจี๋เท่อคว้าแส้ตวัดไป ถลึงตาใส่ด้านหน้ากล่าวว่า

“จัดการให้ได้……”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version