ตอนที่ 430 กำแพงรถไม้ราวแนวหินผา ทหารศัตรูราวคลื่นทะเล
เสียงตะโกนจากหอสังเกตการณ์ก็เพื่อให้ทหารด้านล่างรับรู้ หวังทงยืนอยู่บนหลังคารถม้ามองเห็นรอบๆ อย่างชัดเจน
นอกจากจะสามารถมองเห็นกองกำลังมองโกลตั้งแถวเรียงหน้ากระดานแล้ว ยังมีแบ่งออกเป็นสองกอง ราวกองละ 400 นาย ทุกคนเข้าแถวพร้อม
พอได้ยินเสียงสัญญาณเขาสัตว์เป่าขึ้น เดิมพวกมองโกลที่กระจัดกระจายก็เริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง เรียงแถวจัดทัพ ทัพม้ามองโกลเริ่มเคลื่อนไหว หากในกองขบวนรถหวังทงเอง พวกทหารปืนใหญ่และคนงานแรงเยอะก็ช่วยกันเข็นรถปืนใหญ่สี่ล้อ เคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นกัน
ปืนใหญ่ที่ยิงกระสุนหนักราวเก้าตำลึงน่าจะน้ำหนักไม่ถึง 300 ชั่ง[1] ตัวปืนขนาดเล็กติดล้อ คนมากแรงเยอะ เคลื่อนย้ายได้รวดเร็วยิ่ง
การมาครั้งนี้เร่งรีบ ทั้งหมดเอามาแค่ปืนใหญ่ขนาดเล็กสามสิบกระบอกเท่านั้น ศัตรูถึงกับบุกเข้ามาจากสามทิศ เช่นนั้นก็เคลื่อนย้ายปืนเรียงสามทิศทางก็แล้วกัน
ปืนเสือหมอบเป็นปืนที่ใช้ทั่วไปในกองทัพหมิง สำนักปืนไฟที่เทียนจินก็มีผลิตอยู่มาก ครั้งนี้เอามาด้วย 70 กระบอก เพราะน้ำหนักเบา ราวกระบอกละแค่ร้อยกว่าชั่ง ดังนั้นจึงขนมาสะดวก
ปืนมากมายเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทหารปืนใหญ่ยิงเท่านั้น หากปกติก็จะให้ทหารปืนใหญ่สั่งการพลทหารอีกสองสามคนปฏิบัติการด้วยกัน ยังดีทีปืนใหญ่ขนาดเล็กมีขั้นตอนเตรียมการง่าย ทหารอีกฝ่ายกำลังเตรียมการ ทางนี้ก็เตรียมปืนพร้อมยิงแล้ว
“แต่ละหน่วยกะระยะห่างให้ดี เข้าใกล้รัศมี 30 ก้าวค่อยยิง ยิงเร็วไปจะต้องถูกลงโทษทางวินัย!!”
เมื่อครู่ปืนรวมอยู่ที่เดียวกัน ทุกคนก็ไม่กลัว ตอนนี้แยกออกหลายทิศ บางทิศเห็นได้ชัดว่าเริ่มมือไม้ลนลาน หวังทงอยู่บนหลังคารถมองเห็นทั้งหมด อดตะโกนกำราบไม่ได้
เสียงหวูดสัญญาณดังขึ้น ทหารมองโกลสามทิศทางตะโกนส่งเสียงประหลาดพร้อมกันบุกขึ้นหน้า เพียงแต่มีขนาดกองกำลังที่เล็กกว่าเมื่อครู่อยู่มาก
แถวด้านหน้าตอนนี้ ครั้งเดียวดาหน้าเข้าไปพร้อมกันแปดร้อย กองกำลังแน่นขนัดมาก คาดว่าจะใช้คนหนึ่งคนยันธนูหนึ่งดอกที่มาราวกับห่าฝนเอาไว้แล้วบุกเข้าไป
ครั้งนี้เสียงฝีเท้าม้าไม่เหมือนครั้งก่อน ด้านหน้าที่บุกเข้ามามีทหารม้าราวร้อยกว่าเท่านั้น ทหารม้าร้อยกว่านายก็ดูหรอมแหรมยิ่ง ทัพด้านหลังค่อยๆ ตามมา
เมื่อได้เห็นความร้ายกาจของปืนทหารหมิง จึงต้องกระจายกำลังออกเพื่อหลีกเลี่ยงการล้มตายหมู่กลุ่มใหญ่ ขอเพียงทหารหมิงถูกตีแตกหนึ่งช่องทาง ทัพด้านหลังก็จะกรูเข้าไปได้ทันที
พริบตาเดียว พวกทหารมองโกลก็เข้ามาอยู่ในรัศมียิง ‘จุดไฟ!’ เสียงตะโกนดังจากสามทิศทางพร้อมกัน ดังราวกับเสียงกลองใหญ่ ปืนใหญ่ยิงถล่มเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
การยิงปืนใหญ่ครั้งที่สองนี้ไม่ได้ผลเหมือนครั้งที่หนึ่ง พวกศัตรูกระจัดกระจายมาก ปืนก็ต้องเล็งให้แม่นยำ ยังดีที่ปืนใหญ่ขนาดเล็กน้ำหนักเบา เคลื่อนไหวสะดวก ทำให้สามารถขยับเล็งตำแหน่งได้
แต่ปืนใหญ่อย่างไรก็เป็นปืนใหญ่ ไม่อาจเล็งแม่นยำสักเท่าไร ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังแหลมถี่ แต่ครั้งนี้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังประปราย น้อยกว่าครั้งก่อนมาก
กระสุนโลหะที่ร่อนปลิวไปด้วยความเร็วสูงไม่ใช่สิ่งที่เลือดเนื้อจะสามารถทำนทนได้ ผู้ที่ถูกยิงใส่ เลือดเนื้อเละกระจัดกระจายสี่ทิศ สมองระเบิดเป็นชิ้น ม้าที่ถูกยิงก็จะล้มลงกับพื้นทันที ปืนใหญ่บางกระบอกยิงตายไปทีเดียวสามคนก็มี เสียงร้องโหยหวนดังไม่หยุด แต่ก็ยังเริ่มเข้าประชิดกองกำลังหวังทง
“หาที่กำบัง ยกโล่บังไว้!!”
ทหารกองกำลังหู่เวยตะโกนเสียงดัง ระยะห่างจากพวกมองโกลไม่กี่สิบก้าว พวกมันต่างขึ้นสายธนูเตรียมยิง ปืนใหญ่ไม่ทันยิงระลอกสอง ทหารปืนใหญ่คว้าโล่ขึ้นมาบังไว้ คนอื่นๆ บ้างก็หลบอยู่ใต้ท้องรถ บ้างก็รวมตัวกันยกโล่บังไว้
ที่ตั้งของหอสังเกตการณ์อยู่ตรงกลาง กองทัพรถขนาดใหญ่ ไม่ต้องกลัวว่าธนูอีกฝ่ายจะยิงมาถึง หวังทงมองไปรอบๆ อย่างใจเย็น เอ่ยว่า
“มือธนูเรากับพลปืนเราน้อยไป ปืนใหญ่ก็ไม่ใช่ปืนใหญ่จริง พวกมองโกลบุกมาถึงด้านหน้าได้จริง……”
ถานเจียงด้านข้างยังไม่ทันรับคำ ธนูทหารมองโกลก็พุ่งมาราวห่าฝน เสียงกระแทกดังปักๆ ถี่ยิบ ลูกธนูไม่ปักลงบนพื้นก็ปักลงบนโล่
หากการกำบังก็ใช่ว่าจะปิดได้หมด อย่างไรก็มีช่องให้ลูกธนูหลุดเข้ามาได้ มีคนถูกยิง กำลังส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด หวังทงตะโกนสั่งเสียงดังอยู่บนหลังคารถว่า
“นำคนเจ็บพันผ้าง่ายๆ ไว้ก่อน พาไปไว้ข้างรถ ผู้ใดโวยวายเสียงดังไม่ฟังคำสั่ง ลงโทษทางวินัย!!”
พลปืนของพวกต่างชาติให้อยู่กองด้านหน้าไว้ พลธนูที่เหลืออีกร้อยกว่าให้แบ่งเป็นสามส่วนรับมือสามทิศทาง อีกฝ่ายยิงมาระลอกแรก แต่ละทิศก็เริ่มโต้กลับ
ปืนด้านหน้ากับธนูประสานกำลังกัน สามารถหยุดยั้งการเข้าประชิดของพวกศัตรูได้ แต่อีกสองด้านนั้นรับมือไม่อยู่ ศัตรูสามารถบุกขึ้นหน้า เจ้ายิงมา ข้ายิงกลับ
ยิงบนหลังม้าย่อมยิงไม่แม่นยำเท่าไร แต่อย่างไรก็ยิงไม่หยุด พลธนูที่ยิงสู้กับพวกเขาตอนนี้ก็เริ่มบาดเจ็บ พวกทหารมองโกลเริ่มบุกขึ้นหน้ามามากขึ้น
ยามนี้พวกทัพใหญ่ด้านหลังเริ่มกรูกันเสริมกำลังเข้ามา ธนูหยุดยิง หากพวกด้านหลังพากันถือดาบโดดลงจากหลังม้าเข้าบุก
“เปลี่ยนเป็นพลทวนยาวและดาบโล่ เปลี่ยนเป็นพลทวนยาวและดาบโล่!”
เมื่อเห็นพวกมองโกลเริ่มลงจากหลังม้าบุก หัวหน้าทหารหวังทงที่ยืนอยู่บนรถก็ตะโกนคำสั่งดัง พลปืนใหญ่และพลธนูโดดลงจากรถ พลปืนใหญ่มุดเข้าหลบใต้รถ พลธนูถือธนูวิ่งไปด้านหลัง หาที่ยืนตั้งท่าเล็ง
พลทวนยาวเรียงแถววิ่งเหยาะๆ ไปข้างหน้า ไม่ขึ้นไปบนรถ แถวที่หนึ่งห่างจากรถราวหนึ่งก้าว ด้านหน้าพวกเขามีพลถือดาบและโล่
พวกมองโกลยิงธนูเข้ามาไม่หยุด พลดาบโล่ยกโล่เอียงขึ้นบังให้คนด้านหลัง พวกมองโกลที่ถืออาวุธคิดจะโดดข้ามกำแพงโล่ เพียงโผล่ขึ้นไปครึ่งตัว ทวนยาวก็แทงใส่ทันที โล่กำแพงด้านนอกแม้จะสูงแค่คนยืนและยังเอียงสูงชัน
คนปืนขึ้นไปก็ไม่อาจตั้งหลักได้ ต้องพยายามยืนให้มั่นคง แต่พลทวนยาวคอยอยู่ด้านหลัง ศัตรูด้านนอกปืนข้ามมาในชั่วพริบตา ไม่อาจตั้งท่าต่อสู้อันใด ก็ถูกแทงตายไปทันทีอย่างไม่ทันได้ป้องกันตัว
พวกมองโกลด้านหลังกระชับพื้นที่เข้ามาใกล้มาก ทำให้พวกเดียวกันไม่กล้ายิงธนูต่อ แต่ธนูด้านในกลับยิงออกมาไม่หยุด พวกตนเองปืนขึ้นไปบนรถทีละคน ก็ถูกสอยร่วงทีละคน ตายอยู่ที่นั้นไม่อาจเข้าไปได้แม้แต่นิ้วเดียว
ทหารมองโกลที่เข้าโจมตีทางตะวันออกเฉียงใต้เห็นเพื่อนร่วมชาติล้มตายทีละคน ก็มีพวกกล้าหาญอยู่บ้างเริ่มบ้าคลั่งควบม้าเข้าใส่ หวังจะข้ามเครื่องกีดขวาง ม้ามองโกลตัวเล็กเตี้ย แผ่นที่กีดขวางอยู่นั้นไม่นับว่าสูง มีบางคนล้มอยู่ด้านหน้า หากก็มีคนข้ามไปได้
“แทง!”
ไม่ว่าผู้ใดโผล่หัวขึ้นจากแผ่นไม้กีดขวางก็แทงตายทันที ทหารด้านในมีปฏิกิริยาเช่นนี้อัตโนมัติ แม้ว่าม้าข้ามมา พลม้าข้ามมา ทหารหลายคนก็จะตะโกนดังก่อนจะแทงด้วยทวนเข้าใส่ ม้าร้องดังโหยหวน คนและม้าน้ำหนักมาก พวกพลทวนยาวจึงถูกบีบให้ถอยหลัง มีทวนยาวสองอันหักลง
ขบวนขยับเพียงเล็กน้อย ก็จะมีทวนยาวพุ่งเข้าแทงไม่ยั้ง พวกทหารมองโกลทำได้เพียงแค่ยกดาบเงื้อค้างเท่านั้น
ตอนนี้เสียงตะโกนเข่นฆ่า เสียงร้องโหยหวนประสมประสานกัน หวังทงมองเห็นภาพทั้งสามทิศบนหลังคารถม้าราวกับว่าพวกมันเหมือนคลื่นน้ำกระทบเข้าใส่ แต่แผงกั้นประกอบจากรถม้าก็เหมือนกับหินผาริมหาดที่คลื่นปะทะใส่ คลื่นใหญ่เพียงใดล้วนแตกกระจายเมื่อกระทบหิน ไม่อาจเล็ดรอดข้ามไปได้
ด้านหน้าแม้ว่าจะมีเวลาเตรียมปืนไฟนาน แต่หากยังรักษาระยะป้องกันได้ดี มีพลธนูขึ้นไปเสริม พวกทหารมองโกลทางนี้ได้แต่โลดเต้นอยู่รอบนอก ไม่อาจเข้าประชิด คิดจะยิงธนูเข้าใส่ก็จะถูกปืนและธนูยิงสวนกระชับไว้
เพราะไม่อาจเข้าประชิด ปืนจึงมีเวลาบรรจุกระสุนใหม่ ยิงไปสามรอบแล้ว การโจมตีด้านหน้าเหมือนยังควบคุมไว้ได้
หากอีกสองด้านแม้จะมีคนปืนขึ้นมาและถูกแทงบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่ในแนวนี้เหมือนมีความหวังว่าจะสามารถตีฝ่าเข้าไปได้ เริ่มมีทหารเข้าประชิดโดดลงจากหลังม้ามากขึ้น ถือดาบวิ่งเข้าใส่
ทหารราบของกองกำลังหู่เวยรวมกันอยู่หน้ารถใหญ่ ใช้มีดดาบทวนยาวแทงพวกมองโกลหน่วยกล้าตายตายเกลื่อน หากก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น
“ปืนเสือหมอบ ปืนเสือหมอบ!!”
หวังทงที่ยืนอยู่บนหลังคารถตะโกนคำสั่งดัง พวกทหารม้ามองโกลบุกเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว ทำให้ระยะยิงปืนเสือหมอบนั้นไม่ได้ผลเท่าไร แม้จะบรรจุกระสุนเต็มแต่ก็ไม่มีโอกาสยิง ตอนนี้ฝูงทหารเบียดเสียดแน่นขนัดไปทั่ว
หวังทงตะโกนดัง แต่เสียงเข่นฆ่ารอบทิศก็ดังกลบ ไม่มีผู้ใดได้ยินชัด ทหารด้านล่างตะโกนตาม พวกคนงานรอบๆ ก็พากันตะโกนต่อ พลปืนที่หลบใต้ท้องรถได้ยินก็รีบตะกุยตะกายกันออกมาวิ่งไปที่ปืนเสือหมอบ หากระถางไฟ คว้าแท่งเหล็กจุดไฟแดงฉานเข้าไปจุดไฟ
เสียงระเบิดดังลั่นติดต่อกัน จากนั้นทั้งสนามก็สงบนิ่ง ทั้งสามทิศทางนอกจากด้านหน้าแล้วล้วนเปิดพื้นที่กว้างระยะ 20 ก้าวไว้ได้ บนพื้นหากมิใช่ซากศพก็จะเป็นพวกที่คลานตะกุยตะกายร้องโหยหวน
หัวหน้าพลทหารปืนใหญ่มู่เอินที่เพิ่งถอยกลับมาไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ ปืนใหญ่ไม่มีเวลาเตรียมยิง จึงคว้าดาบยาว แต่ก็แทรกตัวเข้าไปยังสนามรบด้านหน้าไม่ได้ พอปืนเสือหมอบยิงคำรามจบลง ทั้งสนามหยุดลง เขาจึงได้สติ ทิ้งอาวุธในมือลง ใช้ฝ่ามือตบหน้าตนอย่างแรง จากนั้นก็วิ่งไปที่รถใหญ่อย่างเร็ว ตะโกนว่า
“พี่น้องเรา รีบออกมาบรรจุกระสุน อย่าชักช้า!!”
พลทหารปืนใหญ่รับคำพร้อมเพรียง พวกคนงานที่หลบอยู่ด้านหลังอย่างหวาดกลัวก็วิ่งเข้ามา
พวกมองโกลด้านนอกเดิมเห็นว่าน่าจะตีฝ่าไปได้แล้ว แต่ไม่ว่าเติมคนเข้าไปเท่าไร ก็ไม่อาจตีฝ่ากำแพงไม้สูงเท่าคนนั่นเข้าไปได้แม้แต่ผู้เดียว คนที่ปีนขึ้นไปถูกแทงตาย ปืนอีกฝ่ายยังระดมยิงออกมา คิดจะบุกต่อ เห็นร่างเพื่อนทหารด้วยกันบนแผ่นกำแพงไม้ ความกล้าก็หดหายสิ้น ทุกคนลังเลเล็กน้อย
เมื่อทุกคนเริ่มลังเล ทุกคนก็เริ่มตามกัน พากันถอยไม่บุกต่อ มีคนคาดว่าปืนจะยิงออกมาอีก ได้สติก็โดดขึ้นหลังม้าเตรียมหนี
ยามนี้เอง เสียงเป่าเขาสัญญาณก็ดังขึ้นอย่างเร่งรีบ พวกทหารมองโกลได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอก รีบขึ้นม้าควบกลับไป เป็นสัญญาณถอยทัพ……
———————-
[1] 1 ชั่ง เท่ากับ 500 กรัม