Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 53

ตอนที่ 53 ฝีมือดี

“โอ้ นี่ใต้เท้าหวังไม่ใช่หรือนี่ เดิมคิดว่าหลังเทศกาลบัวลอยจะไปเยี่ยมคารวะ ใต้เท้าไยจักต้องมาด้วยตัวเอง!”

หลี่เหวินหย่วนสวมเสื้อกั๊กแขนสั้นสีดำ โขยกเขยกออกมาต้อนรับหวังทงกับคนอื่นๆ เข้าบ้าน ท่าทางแสดงออกของเขานิ่งสงบ ต่างจากความเคารพนอบน้อมซาบซึ้งของซุนต้าไห่และจางซื่อเฉียง

แต่นายกองธงเล็กพบนายกองธงใหญ่ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าโขกศีรษะ ประสานมือคารวะตามมารยาทก็นับว่าพอแล้ว หลี่เหวินหย่วนเองก็ไม่ได้วางท่าใหญ่โต ทุกอย่างไปตามมารยาทปกติ

“ล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น พี่หลี่เกรงใจไปแล้ว เห็นว่าปีใหม่ จึงได้ส่งของมาให้พี่หลี่กับพี่น้องไว้เตรียมฉลอง งานกวาดล้างจับกุมเป็นงานหนักไร้ค่าตอบแทนอันใด ปีใหม่เกรงว่าจะฉลองกันได้ไม่เต็มที่!”

หวังทงไม่ได้เล่นบทบาทแสดงอำนาจอะไรกับหลี่เหวินหย่วน ทุกอย่างล้วนเกรงใจยิ่ง ได้ยินวาจาท่าทางที่ไม่วางตนสูงส่ง ทำให้การแสดงออกของหลี่เหวินหย่วนก็ไม่ได้เรียบเฉยดังเดิม หวังทงหันไปส่งสัญญาณให้หม่าซานเปียวกับเสี่ยวสือโถวเปิดประตูย้ายของจากบนรถเข้ามาด้านใน

เนื้อหมูเย็นจนแข็งเป็นก้อน แพะที่ฆ่าเสร็จแล้ว เป็ดไก่ข้าวสารอาหารแห้งกองอยู่ตรงที่ว่างข้างประตู หลี่เหวินหย่วนมองไป สีหน้าผ่อนคลายลงมาก กำลังจะเอ่ยขึ้น เจ้าเด็กตัวผอมดำผู้นั้นก็ยื่นหน้าออกมาจากข้างหลัง จ้องมองหวังทง ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า

“ท่านพ่อ นี่คือนายกองธงใหญ่ที่อายุมากกว่าข้าสองปีผู้นั้นหรือ?”

คำพูดนี้กล่าวออกมาทำลายบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างทั้งสองคนลง หลี่เหวินหย่วนหันกลับมาตบท้ายทอยเจ้าเด็กนั่นไปทีหนึ่ง ดุว่า

“ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่พูดอยู่ อย่าพูดแทรก!”

เจ้าเด็กนั่นทำหน้าทะเล้นใส่ วิ่งไปทางหม่าซานเปียว หลี่เหวินหย่วนอธิบายอย่างรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง

“ใต้เท้า นี่หู่โถวลูกชายข้า แม่มันจากไปเร็ว ข้าเป็นคนอบรมเลี้ยงดูมาตลอด ผลก็คือไร้มารยาทมาก ใต้เท้าอย่าได้ถือสา”

หวังทงมองท่าทางไม่เป็นธรรมชาติของอีกฝ่ายออก ก็ยิ้มกว้างกล่าวว่า

“เมื่อก่อนข้าให้พี่จางมาหาพี่หลี่ ว่าต้องการฝากตัวเรียนเพลงยุทธ์กับพี่หลี่ ไม่คิดว่ากลับได้ขึ้นเป็นนายกองธงใหญ่ กะทันหันเช่นนี้ทำให้รู้สึกเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง”

หลี่เหวินหย่วนไม่คิดว่าหวังทงจะพูดตรงเช่นนี้ จึงใช้มือลูบใบหน้าพลางหัวเราะเสียงดังขึ้น ดังนั้นสองฝ่ายก็รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นไปอีกขั้น

“น้องเลือกงานกวาดล้างจับกุมนี้ หน้าจวนนายกองร้อยเถียนวันนั้นพี่พูดจากคุณธรรมในใจ น้องรู้สึกได้ว่าเรานิสัยใจคอเดียวกัน ถึงได้ขอให้นายกองร้อยเถียนย้ายพี่ท่านมา ข้าก็เป็นคนตรงไปตรงมา เราร่วมงานกันด้วยความสบายใจอย่างแน่นอน ส่วนความสามารถการต่อสู้คงต้องเรียนรู้จากพี่ท่านแล้ว!”

แต่ละคำล้วนเรียกขานว่าพี่ เป็นวาจาที่หลี่เหวินหย่วนชอบฟัง ไม่สนใจว่าหวังทงอายุยังน้อย เพราะอย่างไรก็เป็นหัวหน้า หลี่เหวินหย่วนยอมถอยก้าวหนึ่ง ประสานมือกล่าวว่า

“ใต้เท้าเห็นความสำคัญเช่นนี้ วันหน้าย่อมทุ่มเทปฏิบัติงานได้ดี”

หวังทงรีบประสานมือคารวะกลับ กำลังจะกล่าวถึงเรื่องของที่นำมาเหล่านั้น หากหลี่เหวินหย่วนกลับเดินไปที่ข้างกำแพง ที่นั่นมีไม้พลองวางพิงกำแพงอยู่หลายอัน หยิบมาอันหนึ่งโยนให้หวังทง หยิบไว้เองอันหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า

“บิดาที่จากไปของน้องหวังเคยกล่าวกับข้าว่า เจ้าชอบเพลงมวย จึงได้เชิญอาจารย์มาสอนหลายท่าน มาๆ ๆ ลงมือ ลองดูพื้นฐานเจ้ากัน!”

คำเรียกขานนี้ของเขาเวลาไม่นานย่อมไม่อาจแก้ได้ หวังทงก็ไม่สนใจ รับไม้พลองมาหมุนไปสองสามรอบ เมื่อก่อนฝึกเพื่อวอร์มร่างกายเป็นหลัก เชิญอาจาย์จากโรงฝึกยุทธ์มาชี้แนะหลายท่าน แต่หวังทงก็ยังไม่เคยได้สู้กับใครจริงๆ หากท่าทางก็นับว่าจัดได้ถูกต้อง วันนี้จะได้ลองดูพอดีว่าเป็นอย่างไร

พอเห็นทางนี้จะเริ่มลงมือ หม่าซานเปียว หลี่หู่โถวและคนงานอีกคนก็วางงานในมือวิ่งมาดูเรื่องสนุก

หวังทงหยิบไม้พลอง มีช่วงเวลาหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรดี ได้แค่ยกไว้ สองฝ่ายเดินไปได้แค่สองก้าว หลี่เหวินหย่วนก็ชิงก้าวเข้าใส่สองก้าวก่อนทันที ขาเขาไม่ค่อยสะดวก การเคลื่อนไหวไม่ดีนัก แต่กลับเร็วมาก หวังทงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มาแย่งถึงตรงหน้าแล้ว

นี่เกือบเป็นครั้งแรกที่หวังทงได้เห็นการโจมตีแบบโบราณ ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว มือก็สั่นสะท้าน ทำให้ไม้พลองถูกตีหลุดจากมือ ทันใดไม้พลองของหลี่เหวินหย่วนได้มาจ่ออยู่ที่คอเขาแล้ว

แค่ชั่วพริบตา หวังทงรู้สึกเย็นวาบที่คอ แม้ว่าสวมชุดรัดกุมแน่นหนา แต่ยามนี้กลับรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูก หากเป็นคมมีดจริง ไม่ แม้ว่าเป็นไม้พลอง หลี่เหวินหย่วนก็ยังคงสังหารเขาได้

พอเห็นบิดาตนชนะ หลี่หู่โถวก็ตบมือร้องตะโกนเสียงดังอยู่ด้านข้าง หลี่เหวินหย่วนเห็นท่าทางหวังทงชะงักไปก็ส่ายหน้า เอาไม้พลองในมือโยนให้หวังทง จากนั้นก็เก็บไม้พลองอีกอันขึ้นมา

นี่เป็นความสามารถที่แท้จริง การปะมือกันเมื่อสักครู่ไม่มีกระบวนท่าอะไร เพียงแค่ขยับก็จี้ถูกจุด ไม้พลองตนเองก็ถูกอีกฝ่ายตีตก จุดสำคัญถูกจี้เอาไว้ ทำให้แพ้อย่างราบคาบ

ในใจหวังทงรู้สึกตื่นเต้นมาก หลี่เหวินหย่วนแม้ว่าขาพิการแต่ฝีมือนั้นแน่นอน ตนดึงเขามาเป็นลูกน้องนั้นคุ้มค่าที่สุด

เมื่อรับไม้พลองมาครั้งที่สอง เดิมคิดจะระวังป้องกัน แต่พอได้ยินเสียงตะโกนของหลี่เหวินหย่วนว่า

“รุกเข้ามา อย่าได้ออมมือ!!”

หวังทงก็ไม่ลังเล สองมือยกไม้พลองขึ้น ก้าวเข้าไปวาดใส่ในแนวนอน หลี่เหวินหย่วนเบี่ยงกายหลบสบายๆ หวังทงรีบดึงไม้พลองกลับมาวาดเป็นวงกลมยกขึ้นฟาดลงไป

แค่เพิ่งออกท่า ไม้พลองในมือหลี่เหวินหย่วนก็แทงเข้ามาทางด้านหน้า ถูกกลางท้องของหวังทงพอดี แรงไม่มากนัก แต่หวังทงกำลังออกแรงอยู่ ท้องจึงเป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุด ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างจัง แต่ไม่ทันได้ร้องก็ปล่อยไม้พลองในมือทรุดลงไปกุมท้อง ลุกไม่ขึ้นอยู่นาน

หม่าซานเปียวพอเห็นหวังทงเสียเปรียบไปสองรอบ ครั้งนี้ยังทรุดตัวลงนั่ง คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก่อนจะหันไปเก็บไม้พลองที่ถูกตีลอยไปเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ด่าเสียงดังพุ่งเข้าใส่ว่า

“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าลงมือหนักเช่นนี้ได้ ไม่รู้หรือไงว่านี่เป็นหัวหน้าเจ้า?”

การเคลื่อนไหวของหม่าซานเปียวรวดเร็ว ก้าวก็ไกล ยามคำรามก็ไปถึงตรงหน้าแล้ว ไม้พลองในมือฟาดลงไปตรงๆ ท่าเดียวกัน แต่เขาไวกว่าหวังทงมาก แรงก็มากกว่า

หลี่เหวินหย่วนตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็หัวเราะขึ้น ยกไม้พลองในมือรับและรุก ไม้พลองในมือหม่าซานเปียวก็ถูกตีออกไปทางด้านข้างอย่างแรง หม่าซานเปียวรุกอย่างรุนแรง ไม้พลองถูกตีออกไปเช่นนี้ ทำให้ฝีเท้าชะงักไปครู่หนึ่ง หลี่เหวินหย่วนก้าวเข้ามาสองก้าว ไม้พลองในมือเอียงวาดขึ้น จุดหมายคือหน้าอก

หม่าซานเปียวไม่เคยฝึกมาก่อนก็จริง แต่ร่างกายนับว่าดีมาก ตอนยืนไม่อยู่แต่กลับปรับฝีก้าวได้ เพิ่มแรงรุกเข้าใส่ โยนไม้พลองทิ้ง อ้าแขนสองข้างกะเข้ากอดเอวหลี่เหวินหย่วน เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายขาไม่ดี เคลื่อนไหวไม่สะดวก หากพอลงมือไปก็หยุดไม่ได้

คิดไม่ถึงว่าหลี่เหวินหย่วนจะพลิกแขนกลับ ไม้พลองจากตวัดขึ้นบนเป็นฟาดลงล่าง ตีลงบนหลังของหม่าซานเปียว คนทั้งคนถูกตีลงไปกองกับพื้น

หวังทงกุมท้องลุกขึ้นยืน หม่าซานเปียวก็พยายามจะลุกขึ้นเข้าใส่ต่อ หวังทงรีบเรียกให้หยุด หันมากล่าวคำนับถือว่า

“พี่หลี่ฝีมือดี วันหน้าคงต้องขอคำแนะนำจากพี่หลี่ให้มากแล้ว”

คำพูดนี้หมายถึงขอให้หลี่เหวินหย่วนเป็นอาจารย์ หลี่เหวินหย่วนมองหวังทงแล้วก็ส่ายหน้า ถอนหายใจกล่าวว่า

“เจ้าอายุเพียงเท่านี้ แรงและร่างกายก็ฝึกได้ไม่เลว เพียงแต่ท่าทางไม่รู้ว่าฝึกอะไรมา แข็งทื่อไปหมด วันหน้าฝึกยุทธ์ก็คงไว้เพื่อป้องกันตนเท่านั้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version