Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 619

ตอนที่ 619 หนามตำตา

“ตามตัวจางเฉวียนมา ที่นี่ให้ออกไปให้หมด!”

หลังจากคนสนิทที่ส่งออกไปเข้ามารายงานข่าวทีละคนแล้ว จางซื่อเหวยก็หันไปสั่งการพ่อบ้าน สถานะเช่นจางซื่อเหวยนี้ นอกจากลูกศิษย์ที่มีคุณธรรมแล้ว ก็ยังมีคนที่คอยจัดการเรื่องไม่อาจเปิดเผยอีกด้วย พวกนักเลงหัวไม้ก็มีประโยชน์ของพวกมัน

จางเฉวียนได้ชื่อว่าเป็นพ่อบ้านสามในจวนจางซื่อเหวยที่ดูแลงานนอกจวน ที่เรียกว่างานนอกจวนก็คือโรงบ้านที่เหอหนานอันเป็นบ้านเกิดของจางซื่อเหวย ยังมีกิจการนอกเมืองอีกสองสามแห่ง แต่คนในจวนก็ไม่เคยเห็นว่าจางเฉวียนไปดูแลกิจการพวกนั้นสักเท่าไร ทั้งวันจางเฉวียนเอาแต่ขลุกกับคนกลุ่มหนึ่งในเรือนข้าง ไม่ทำงานทำการอันใด ดื่มสุราจนดึกดื่นจึงกลับหลายต่อหลายครั้ง

ตอนเมืองหลวงเกิดเหตุ คนทั้งจวนก็ตกใจกันไปหมด หากจางเฉวียนและพวกนั้นกลับถือดาบจับอาวุธออกมาปกป้องจวน และยังรวบรวมชายฉกรรจ์ในจวนให้ขึ้นสู้ ทำให้ทุกคนพอวางใจลงได้

เหตุเมื่อคืน หลังจากนายท่านตนเข้าวังไปประชุมกลับมาก็หน้าบึ้งตึง พ่อบ้านไม่กล้ารอช้า จัดให้ในห้องที่จางซื่อเหวยอยู่ไร้ผู้คนอย่างรวดเร็ว ไม่นาน จางเฉวียนก็มาถึง

จางเฉวียนดูหน้ำตาก็ธรรมดา แต่รูปร่างสูงใหญ่ ขาและแขนยาว คนที่ตั้งใจสังเกตก็เห็นอะไรบางอย่าง พอคนผู้นี้ก้าวเข้ามาในห้องหนังสือ ก็ทำความเคารพนอบน้อมก่อน

จางซื่อเหวยปฏิบัติต่อลูกน้องแบบให้เคารพนอบน้อมตนไว้ก่อน พอจางเฉวียนเข้ามาก็แสดงสีหน้านุ่มนวล กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า

“เมื่อคืนเกิดเหตุเช่นนั้น ดีที่เจ้าอยู่ที่นี่ จึงได้ปกป้องจวนเราให้ปลอดภัย!”

“นายท่านกล่าวหนักไปแล้ว พวกข้าน้อยก็แค่ทำตามหน้าที่”

จางเฉวียนก็ยังคงท่าทีสงบเสงี่ยม จางซื่อเหวยยิ้มกล่าวว่า

“เมืองไคเฟิงทางนั้น ทางบ้านเจ้าน่าจะมีจดหมายมาแล้วกระมัง? ข้าได้ยินคนรับใช้บอกว่า เมืองไคเฟิงไปทางใต้ 50 ลี้มีโรงบ้าน ไม่เลวเลยนะ”

กล่าวถึงเรื่องนี้ จางเฉวียนก็มีสีหน้าซาบซึ้งใจ รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะกล่าวว่า

“ทางบ้านมีจดหมายมาแล้ว ทั้งครอบครัวข้าน้อยล้วนซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หากไม่มีนายท่าน ข้าน้อยตอนนี้ยังคงอยู่ในคุกรอความตายอยู่ที่ตอนเหนือนั้นแล้ว ครอบครัวคงต้องอดตาย ตอนนี้มีวาสนาร่ำรวยเช่นนี้ได้ ก็ด้วยเมตตาของนายท่านแล้ว!”

เมืองไคเฟิงเป็นสี่เมืองใหญ่อันดับต้นๆ ในใต้หล้ายามนี้ ในเมืองมีขุนนางใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน ห่างออกไปเพียงแค่ 50 ลี้ล้วนเป็นพื้นที่ดินและน้ำอุดมสมบูรณ์ สามารถมีโรงบ้านได้นับว่าไม่ง่าย แน่นอน มีโรงบ้านนี้แล้ว พอมีผลผลิตย่อมเอาไปขายในเมืองไคเฟิงได้ ผลประโยชน์นี้เรียกได้ว่ามากมายมหาศาล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราคาของโรงบ้านแห่งนี้

“ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ลุกขึ้นพูด ลุกขึ้นพูด!”

จางซื่อเหวยยิ้มกล่าวขึ้น จางเฉวียนโขกศีรษะแล้วจึงได้ลุกขึ้น จางซื่อเหวยมองไปนอกหน้าต่าง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขากล่าวว่า

“เมื่อคืนในวังเกิดเหตุจลาจลใหญ่ ข่าวข้างนอกก็มาแบบขาดๆ รู้แต่ว่ามีขันทีกับองครักษ์ล้อมจู่โจมตำหนักพระสนมเอกเจิ้งเพราะฝ่าบาทอยู่ที่นั่น”

ข่าวนี้แม้ว่าน่ำตกใจอย่างเหลือเชื่อ แต่ในเมืองหลวงนี้ข่าวสารย่อมไม่อาจปิดบัง แม้ว่าเพียงแค่วันเดียว ก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่ว จางเฉวียนเงียบรอข่าวต่อมา จางซื่อเหวยจึงค่อยๆ กล่าวว่า

“เมื่อคืนหากไม่ใช่พวกหวังทงเข้าวังมาอารักขา เกรงว่าเมื่อคืนคงเป็นภัยใหญ่หลวงแล้ว ทว่าหวังทงสร้างความชอบระดับนี้ วันหน้าเกรงว่าคงได้ตำแหน่งสูงในเมืองหลวง มีความชอบได้รางวัล นี่เป็นหลักการ แต่หวังทงนิสัยเล่ห์เหลี่ยมจัด ล่อหลอกฝ่าบาท และยังเห็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักเป็นศัตรู คนผู้นี้หากมาเมืองหลวง ย่อมมิใช่วาสนาดีของแผ่นดินหมิง!”

กล่าวจบ จางเฉวียนก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า

“นายท่าน หากว่าหวังทงยังอยู่เมืองหลวง……”

“ไม่น่าเป็นได้ หวังทงผู้นี้รู้จักวางตัว หลังจากอารักขาแล้ว ในวังย่อมมีพระราชทานรางวัล แต่เขาอยู่เมืองหลวงรอรับ ย่อมผิดธรรมเนียมที่เคยตั้งไว้ และสถานการณ์เทียนจินตอนนี้หวังทงย่อมไม่อาจละทิ้งมา ย่อมต้องกลับไปรอพระราชโองการที่นั่น”

พอจางซื่อเหวยตอบ จางเฉวียนก็ก้มคำนับกล่าวว่า

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปจัดการ ข้าน้อยขอตัวก่อน!”

“หากต้องการใช้เงิน ใช้เส้นสายใด ก็บอกกับพ่อบ้านในจวน บอกว่าเป็นคำสั่งข้า”

จางเฉวียนก้มคำนับอีกครั้งก่อนจะถอยออกไปเงียบๆ

***********

หวังทงพักอยู่บ้านหลี่เหวินหย่วน ส่วนพวกลี่เทำไปพักจวนเถียนหรงหาว

หลี่เหวินหย่วนในตอนนั้นยากจนยิ่ง หากตอนนี้แม้สถานะได้เลื่อนขึ้น แต่ก็ยังไม่ย้ายบ้านไปไหน หลี่หู่โถวเองย่อมต้องอยู่ที่นี่ ให้หวังทงอยู่อีกคนก็ย่อมได้

จวนเถียนหรงหาวเป็นจวนร่ำรวยจริงๆ ไปอยู่หลายคน ก็ย่อมไม่มีปัญหา อาการบาดเจ็บหลายคนก็เป็นพวกฟกช้ำรอยบาดเท่านั้น ต้องการพักผ่อนดูอาการ มีเพียงบาดแผลจากธนูของเฉินต้าเหอที่ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องการหมอมาดูแลให้ดี

พวกหวังทงตอนบ่ายก็ออกจากวัง มาถึงบ้านตระกูลหลี่ สำนักรักษาความสงบก็รีบไปเชิญหมอรักษาอาการฟกช้ำที่ดีที่สุดมา หลังและบ่าหวังทงเจ็บมาก

ใช้ยาสุราต้มร้อนนวดไปรอบหนึ่ง ก่อนจะป้ายปิดทับด้วยยาอีกชั้น รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย แม้ลานด้านหน้าบ้านหลี่จะแคบ แม้ว่าหวังทงจะกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ แต่ตั้งแต่ก้าวเข้ามา ก็ยุ่งไม่ได้หยุด

บรรดาหัวหน้าในสำนักรักษาความสงบพากันมาถามไถ่ทักทาย จากนั้นนายกองพันหลายคนของสำนักองครักษ์เสื้อแพร เช่นโจวหลินปิ่งที่เคยคบค้าสมาคมกันในปีนั้น นายกองพันเก่อที่มีเหตุปะทะกันที่หอฉินก่วน องครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยงานอื่น ล้วนนำของขวัญมาเยี่ยมเยียน กล่าววาจากันตามมารยาท

เรื่องนี้ก็สมควรอยู่ องครักษ์เสื้อแพรหูตาไว รู้ว่าหวังทงอารักขามีความชอบใหญ่ พวกเขาก็เคยคบหากับหวังทงมาก่อน ย่อมต้องมาแสดงความสนิทสนมบ้าง

ถัดมาก็เป็นเฉินซือเป่าจากจวนเซี่ยงเฉิงป๋อ ถังซื่อไห่จากร้านค้าตระกูลถังและคนอื่นๆ พวกเขามาเยี่ยมถึงที่ เมื่อคืนยังรวมกำลังกันออกปราบจลาจลในเมือง ตอนกลางวันมีขันทีนำรับสั่งมาชมเชยแล้ว ทุกคนรู้แก่ใจดีว่ามีวาสนาใหญ่รออยู่

แต่ทุกอย่างจะมาได้อย่างไร หากไม่ใช่ว่าแผนการของหวังทงที่มาบอกไว้ล่วงหน้า หากไม่เคยผ่านลานฝึกหู่เวยด้วยกันมา ย่อมไม่มีทางได้สร้างเหตุความชอบเช่นวันนี้ได้

ตระกูลเฉินและตระกูลถังรวมทั้งอีกหลายตระกูล ยังมีพวกที่คบค้ากันกับหวังทงด้วยเรื่องการค้า การคบหากันเช่นนี้ ความสัมพันธ์ย่อมแนบแน่นมาก การมาเยือนถึงที่ครานี้ นอกจากเป็นน้ำใจจากพวกเขาแล้ว ยังนำเอาคนงานพ่อบ้านที่ไว้ใจได้ในตระกูลมาด้วย การพามาเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจจากหัวหน้าตระกูลไม่ใช่แค่คนสนิทของคุณชายเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงน้ำใจในการคบหากับหวังทง

พอคนกลุ่มนี้จากไป หลี่ว์วั่นไฉกับหลี่เหวินหย่วนก็มา ด้วยความสัมพันธ์แนบแน่นแล้ว เรียกได้ว่ามาช้าไปสักหน่อย แต่สองคนสีหน้าเหน็ดเหนื่อยยิ่ง

“เดิมคิดจะมาพักบ้านพี่หลี่สักตื่น คิดไม่ถึงว่ายังเหนื่อยกว่าเมื่อคืนเสียอีก พวกท่านดูสิ มุมปากข้ายกไม่ลงแล้ว ยิ้มจนแก้มปวดเมื่อยไปหมดแล้ว”

พอพบหน้ากัน หวังทงก็ฝืนฉีกยิ้มกล่าวขึ้น เขาล้อเล่นเช่นนี้ทำเอาทุกคนฮากันลั่น หลี่เหวินหย่วนพยักหน้า เดินไปหน้าหลี่หู่โถว หลี่หู่โถวเป็นคนที่ดูมีความแจ่มใสที่สุดในตอนนี้ หลังถอดเกราะออกยังกระโดดโลดเต้นได้ เมื่อคืนเข้าบุกเข้าสังหาร ตัวไม่ได้บาดเจ็บ ตอนนี้จึงเหมือนไม่ได้เป็นอันใด เมื่อครู่คนเข้าออกมาก หวังทงรู้สึกเบื่อ เขากลับรู้สึกสนุกสนานมาก กลับตื่นเต้นอย่างที่สุด

แต่พอบิดามาอยู่ตรงหน้า หลี่หู่โถวก็รีบหดตัวลงไปหลายส่วน กลัวถูกอบรม หลี่เหวินหย่วนมองไปมองมาอย่างสำรวจละเอียด เอื้อมมือไปลูบหัวหลี่หู่โถว ตบไปทีหนึ่ง กล่าวว่า

“หอรุ่งเรืองจะส่งอาหารมาสองโต๊ะ จัดที่ลานด้านหน้า เจ้าไปดูแล!”

หลี่หู่โถวอึ้งไป รู้สึกงงที่บิดาตนไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็รีบวิ่งออกไป พอหลี่หู่โถวออกไป หวังทงก็ขยับแขนอย่างระมัดระวัง กล่าวว่า

“ลำบากพวกท่านสองคนแล้ว ตอนนี้เรื่องราวในเมืองหลวงมีองครักษ์เสื้อแพรและสำนักบูรพามารับไปจัดการแล้วกระมัง?”

“ตอนนี้ทุกแห่งล้วนเป็นคนของสำนักองครักษ์เสื้อแพรและสำนักบูรพาไปจัดการ พวกนิรนามก็เลิกสอบแล้ว ล้วนจับขังส่งออกนอกเมืองไปแล้ว เมื่อคืนพวกนักเลงหัวไม้ที่ฉวยโอกาสเผาและปล้นก็ตามไปถึงบ้าน ขับไล่ออกนอกเมืองไปทั้งครอบครัวแล้ว กองกำลังเมืองหลวง 4,000 นายจัดการเรื่องนี้”

หลี่ว์วั่นไฉตอบหวังทง หวังทงลังเลสงสับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า

“พวกนิรนามไม่เหลือไว้เลยหรือ?”

“……จับมัดขังไว้ก่อน เมื่อคืนเกิดเหตุใหญ่เช่นนั้น ตามข้อเสนอสำนักบูรพา กงกงหลายคนในวังก็ไม่คิดจะสงสาร ดีไม่ดีต้องการให้กวาดล้างให้สะอาดหมด พวกโจรชั่วพวกนี้ การเนรเทศ เกรงว่าจะเป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว……”

ได้ยินหลี่ว์วั่นไฉกล่าวมา หวังทงก็ถอนหายใจ กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า

“ทำตัวเองแท้ๆ ไม่อาจโทษคนอื่นใจร้าย”

การคิดก่อการกบฏนี้เป็นโทษหนัก หลังจัดการเรื่องราวทุกอย่างก็ต้องมีเหตุฆ่ากันจนต้องหลั่งโลหิตเป็นสายน้ำ และก็ย่อมมีคนไม่รู้มากมายโดนไปด้วย หวังทงเองก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กล่าวกับหลี่ว์วั่นไฉว่า

“ในวังเกิดเหตุจลาจลใหญ่ นอกวังก็ผสมโรงด้วยอย่างดีเช่นนี้ ย่อมมีผู้บงการ ข้าได้ข่าวจากในวังมาว่า เป็นพี่น้องสองคนของหลินซูลู่นอกวัง เรียกกันว่า นายท่านรองและนายท่านสาม พี่หลี่ว์ไปถามทางสำนักบูรพา ให้สืบหาผู้บงการสองคนนี้ หากยังมีลมหายใจต้องได้พบตัว หากตายแล้วต้องได้เห็นศพ!”

กล่าวถึงสุดท้าย ก็สั่งการเรียบร้อย หลี่ว์วั่นไฉรับคำหนักแน่น หลี่เหวินหย่วนกลับตกในภวังค์ ในห้องสองคนมองไปทางเขา หลี่เหวินหย่วนจึงได้สติ ส่ายหน้ากล่าวว่า

“เมื่อคืนสู้กันดุเดือด เลยเหม่อไปหน่อย กำลังคิดว่าหู่โถวเป็นอย่างไร เมื่อครู่ดูแล้ว ก็เหมือนยังกระโดดโลดเต้นดีอยู่ ก็วางใจ กลัวจริงๆ !”

ความรักพ่อนักลึกซึ้ง ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หวังทงกับหลี่ว์วั่นไฉหัวเราะดังขึ้น ก่อนจะหยุดลง หวังทงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ กล่าวว่า

“พวกเรามีความดีความชอบเห็นๆ ในวังย่อมต้องพระราชทานรางวัล พี่หลี่ว์ตอนนี้ตำแหน่งระดับหก ลำดับถัดไปก็คงเป็นผู้ช่วยเจ้ากรม หรืออาจได้เป็นรองเจ้ากรมเลยก็ได้ เจ้ากรมหวงเซินอาจไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้แล้ว เฉินจื้อจงขึ้นแทน ตำแหน่งรองเจ้ากรมก็ย่อมว่างลง แต่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สืบคดีนี้ทำหน้าที่ดูแลคดีอาญา พี่หลี่ว์อย่างไรคงต้องคุมไว้น่าจะดีกว่า!”

ผู้ช่วยเจ้ากรมศาลซุ่นเทียนระดับห้า รองเจ้ากรมระดับหก บัณฑิตระดับจวี่เหรินสามารถก้าวถึงขั้นนี้ได้ นับว่ามีน้อยมาก สีหน้าหลี่ว์วั่นไฉเผยแววยินดี พยักหน้าติดๆ กัน หวังทงหันไปทางหลี่เหวินหย่วน ยิ้มกล่าวว่า

“ทางพี่หลี่นี้ นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรอย่างไรต้องได้ แต่ว่า หู่โถวครั้งนี้ย่อมได้สูงขึ้นไปอีก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version