ตอนที่ 634 คนย่อมมีจุดอ่อน
เมื่อก่อนจางเฉวียนเป็นทหารชายแดนที่ซานซี เขาไม่เคยเป็นหน่วยหน้า และไม่เคยเป็นทหารอารักขาแม่ทัพ เป็นแค่พวกลอบสังหารเท่านั้น
ซานซีเป็นพื้นที่การค้าชายแดนที่รุ่งเรืองของราชวงศ์หมิง พ่อค้าเกลือนอกพื้นที่มายังซานซี ขนสินค้าผิดกฎหมายออกจากด่านที่เมืองต้าถงไป ยังขนสินค้าพื้นเมืองมองโกลเข้าด่านมา พ่อค้ามากมาย กำไรก็ย่อมมากมาย ทหารรักษาชายแดนก็มักจะมีสายสัมพันธ์กับพวกคหบดีชายแดนหลายตระกูล
ทุกคนย่อมมีการปะทะกัน หากถึงเวลาที่ไม่อาจแก้ปัญหาได้นอกจากสังหารกันตายไปข้าง ก็ย่อมใช้คนแบบจางเฉวียน ตอนจางเฉวียนอยู่ซานซีก็มือเปื้อนเลือดไม่น้อย
ต่อมาเพราะว่าหัวหน้าเขาแอบลักลอบติดต่อกับพวกมองโกลถูกพวกเดียวกันเปิดโปง เขาย่อมถูกเกี่ยวโยงไปด้วย ย่อมถูกจับเข้าคุกมีโทษความผิดไปด้วย
หัวหน้าขุนนางหมิงตอนนี้คือจางซื่อเหวยเป็นคนเมืองเฟิงหลิง มณฑลเหอหนาน ที่นั่นเป็นพื้นที่สบสามมณฑลได้แก่ส่านซี เหอหนานและซานซี ตระกูลจางเดิมเป็นคหบดีค้าเกลือซานซี น้าชายของจางซื่อเหวยตอนนั้นเป็นขุนพลสามชายแดนแห่งซานซี มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนในพื้นที่ อิทธิพลมาก
คนเราอยู่ในวงการขุนนาง ก็ย่อมแย่งชิงทางการเมือง บางครั้งก็มีเรื่องโหดเหี้ยมที่ไม่อาจเปิดเผย จางซื่อเหวยแต่เล็กก็พบเรื่องราวสกปรกพวกนี้มา รู้ว่าต้องการคนเช่นนี้ เมื่ออยู่ตำแหน่งสูง ก็เริ่มไหว้วานคนไปหาที่ซานซี จางเฉวียนในคุกก็ย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
พอจางเฉวียนออกมา ย่อมติดตามทำงานให้จางซื่อเหวยอย่างภักดี ช่วยงานจางซื่อเหวยมากมาย แต่คนเช่นนี้ ความเมตตาซื้อใจทางหนึ่ง อีกทางก็ย่อมต้องมีตัวประกันขู่บังคับ
จางซื่อเหวยให้ที่นาชั้นดีแก่จางเฉวียน ยังถึงกับให้บุตรชายได้เข้าเรียน เช่นกัน ครอบครัวจางเฉวียนย่อมถูกจับตา หากว่าจางเฉวียนทำงานพลาดหรือว่าคิดออกห่าง ครอบครัวเขาก็ย่อมมีจุดจบที่เลวร้าย
นี่เป็นสติปัญญาของคหบดีซานซี แต่ไรมาย่อมเป็นวิธีที่ดี แต่ทว่าจางเฉวียนอยู่ซานซีมานาน ย่อมรู้เรื่องพวกนี้ดี เขาบอกกับคนนอกว่าที่บ้านนอกมีภรรยาและบุตรชายแล้ว ตอนจางซื่อเหวยจะจัดการที่อยู่ให้เป็นหลักแหล่ง จางเฉวียนก็รับพวกเขามา
แต่แท้จริงแล้ว ‘ครอบครัว’ นี้เป็นครอบครัวที่จางเฉวียนหามา ภรรยาลำบากดูแลลูก จึงติดตามจางเฉวียนให้มีกินมีใช้ ยังมีวันเวลาดีๆ ย่อมต้องปิดปากสนิท บอกกับคนนอกว่าเป็นภรรยาแต่งจางเฉวียน และบอกให้ลูกตนพูดเช่นเดียวกัน กลัวว่าจะไม่มีวันเวลาดีๆ เช่นนี้
แต่ภรรยาและบุตรชายที่แท้จริงของจางเฉวียน แต่ไรมาไม่เคยเผยแก่ผู้ใด ตั้งแต่มีบุตรชาย จางเฉวียนก็กลับบ้านน้อยลง มีเพียงส่งเงินไปให้ใช้ตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
หากกล่าวว่ายืมครอบครัวคนอื่นมาควบคุมสั่งการเป็นสติปัญญาของคนซานซีแล้ว การหาครอบครัวปลอมมาแทน เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งครอบครัวถูกปิดปาก สิ้นตระกูล ก็เป็นสติปัญญาของคนที่ทำงานให้คนตระกูลใหญ่
ตั้งแต่ที่จางเฉวียนหนีออกจากคุกเทียนจิน ก็รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในสถานะใด เสียเวลาไปนาน จางซื่อเหวยเดาได้ว่าเขาเกิดเหตุผิดพลาดแล้ว ตนเองหากตายยังดี หากยังมีชีวิตอยู่ จางซื่อเหวยย่อมระแวงว่าคนได้สารภาพอันใดไปหรือไม่ วิธีเดียวที่จะตัดสัมพันธ์เด็ดขาดก็คือสังหารปิดปาก
เขาไม่โง่กลับไปเมืองหลวง โรงบ้านที่เมืองไคเฟิงก็เดาว่าตอนนี้คงมีคนจับตาดูอยู่แล้ว จางเฉวียนย่อมไม่โดดเข้าแหไปเช่นนั้น ตอนนี้เขาต้องรีบไปทงโจว พาภรรยาและบุตรหนีออกมา ทิ้งไว้นานวันอาจมีเรื่องเปลี่ยนแปลงได้ ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะสืบมาถึงที่นี่ได้หรือไม่
จากเทียนจินไปทงโจว หากขี่ม้าเร่งด่วน ไม่ถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน จางเฉวียนก็เข้าสู่เมืองทงโจว ยังปล้นคนเดินทางคนหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้ากับเขามา จัดแจงผมเผ้าหนวดเคราให้ดี หากท่าทางโทรมรุงรัง พอเข้าเมืองไป คนเห็นแล้วต้องมีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาสอบถาม ย่อมยุ่งยาก
จางเฉวียนเดินวนไปมาในเมือง ผ่านหน้าบ้านตนเองไปหลายครั้ง มั่นใจว่าไม่มีใครจับตาดูอยู่ จึงได้หาโรงเตี๊ยมพักก่อน พอตกดึกประตูเมืองปิดลง ก็รีบออกจากโรงเตี๊ยม
บ้านพักหญิงและลูกที่ไม่มีสามีอยู่ด้วย พอฟ้ามืดย่อมลงกลอนแน่นหนา คนข้างบ้านก็ไม่รู้อะไรก็เห็นว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้ ในบ้านมีแต่หญิงสาวและลูกชาย ยังมีคนงานหญิงสูงอายุและคนงานชายสูงอายุ คอยดูแลใช้ชีวิตไปวันๆ ครอบครัวเช่นนี้ที่ไหนก็มี ไม่มีอะไรแปลก
ด้วยฝีมือจางเฉวียน ปืนกำแพงเข้าไปย่อมง่ายดาย เขาปืนข้ามกำแพงไป ไม่ทำให้คนในบ้านตกใจ เดินไปทางห้องนอนอย่างคุ้นเคยดี
เคาะนอกประตูเป็นจังหวะสองสามทีตามที่ตกลงกันไว้ ประตูห้องนอนก็เปิดออกทันที ภรรยาสีหน้าตระหนกออกมาเปิดประตู
จางเฉวียนเอี้ยวตัวเดินเข้าไป ก่อนจะปิดประตูลง พอเข้าไปก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบร้อนกล่าวว่า
“ลูกๆ ล่ะ?”
“อยู่ห้องข้างๆ เข้านอนกันหมดแล้ว!”
“เงินทองที่ให้เจ้าเก็บไว้ล่ะ?”
“อยู่ใต้เตียงในห้อง……ยังไม่กินอะไรมาใช่ไหม ให้คนไปอุ่นให้ท่าน……”
“รีบแต่งตัวให้ลูกเร็ว เอาเงินทองห่อให้เรียบร้อย ข้าไปหารถก่อน เจ้าบอกว่าลูกป่วยต้องไปหาหมอ ตอนนี้ออกนอกเมืองยังทัน”
ได้ยินจางเฉวียนเร่งร้อนเช่นนี้ ภรรยาก็รู้ว่าเรื่องใหญ่ แม้ว่าหนึ่งปีพบกันไม่กี่ครั้ง หากคืนนี้กำชับเรื่องนี้หลายครั้ง รู้ว่าควรรับมืออย่างไร จึงรีบพยักหน้า ก่อนจะไปสวมเสื้อตัวนอก จางเฉวียนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมองไปที่น้ำชาบนโต๊ะ คิดจะดื่มดับกระหายสักคำ
พอเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็ได้ยินเสียงคนงานด้านนอกเรียก จางเฉวียนตกใจ เกิดเรื่องใดกัน ยังไม่ทันหันไปมอง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำมา มีคนมาถึงหน้าประตูแล้ว
จางเฉวียนปกติระมัดระวัง แต่ที่นี่อย่างไรก็ปลอดภัยอย่างมาก เวลากระชั้นชิดจึงไม่ทันได้ชักดาบ เสียง ‘โครม’ ดังขึ้น ประตูถูกถีบออก ชายสีหน้ำเย็นชาหลายคนยืนอยู่หน้าประตู จางเฉวียนถอยหลังสองสามก้าว รู้สึกหนาววาบไปทั้งตัว อ้าปากค้างไม่รู้กล่าวอันใด
“องครักษ์เสื้อแพรเทียนจินปฏิบัติงาน!!”
ชายหน้าประตูตวาดเสียงเย็น ได้ยินว่า องครักษ์เสื้อแพรเทียนจิน จางเฉวียนก็รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ถอยไปสองสามก้าวก่อนจะล้มลงนั่งบนเก้าอี้ ชายผู้นั้นตวาดเสียงเย็นว่า
“คนในจวนนี้ทุกคน จับมัดคุมตัวไป!!”
ร้านสามธาราในทงโจวตอนปลายเดือนเจ็ดขนสินค้ากลับเทียนจิน คนนอกมองแล้วก็ปกติ ไม่มีผู้ใดสงสัย
เมืองทงโจวมีรายงานงานว่า มีกลุ่มคนบุกเข้าบ้านหนึ่ง จับตัวเจ้าของบ้านหญิงและบุตรชายไป มือปราบไปตรวจสอบ พวกว่าสมบัติในบ้านไม่ได้ถูกเคลื่อนย้าย มีเพียงคนที่ถูกจับไป ไปตรวจสอบเจ้าของบ้านหญิงและบุตรชายก็พบว่าคนในบ้านนอกจากรู้ว่ามาจากซานซีแล้ว ไม่รู้เรื่องอื่นใดอีก
ไม่รู้ว่ามีญาติที่ไหน ไม่รู้ที่ไปที่มา คดีนี้ก็ย่อมไม่มีทางสืบต่อได้ ได้แต่ทำเป็นเหมือนคดีค้างเติ่งไม่อาจจัดการได้เช่นนั้น
************
จางเฉวียนตลอดทางถูกผ้าปิดตาไว้ ปากก็อุดไว้ ยังถูกเชือกมัดแน่นหนาไปทั้งตัว วันหนึ่งให้เพียงแค่อาหารและน้ำครั้งหนึ่ง จากความเคลื่อนไหวรอบๆ เดาได้ว่าอยู่บนรถม้า เรื่องอื่นนั้นไม่รู้
เดินทางหลายวัน ตอนลงจากรถม้า จางเฉวียนได้กลิ่นทะเล ก็รู้ว่าถูกนำกลับมาที่เทียนจินตามคาด
จางเฉวียนรู้ว่าตนเองอยู่เทียนจินย่อมไม่ตายดี แต่รู้ว่าตกในมือหวังทงก็ทำให้เขาสบายใจขึ้น ก็ดีกว่าตกอยู่ในกำมือจางซื่อเหวยมากนัก จางเฉวียนถูกคนนำมาที่แห่งหนึ่งกลางดึก มองดูรอบๆ แล้ว น่าจะเป็นคุกใต้ดินสักแห่ง
แต่กลิ่นคาวเลือดในคุกทำให้จางเฉวียนเริ่มเกร็ง เดิมเขาคิดว่าหวังทงไม่ลงมือโหดเหี้ยม แต่กลิ่นคาวเลือดพวกนี้จางเฉวียนคุ้นเคยยิ่ง ต้องเป็นคุกลงทัณฑ์ที่มีคนตายไปมากจึงจะมีได้
จับเขามัดไว้ที่เก้าอี้ จากนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก ทุกคนถอยออกไป
ครู่หนึ่ง ก็มีคนหนึ่งเดินเข้ามา กระชากผ้าปิดตาออก พร้อมดึงผ้าอุดปากออกด้วย……
อยู่ในคุกจริงๆ ที่นี่มืดสนิท จางเฉวียนไม่จำเป็นต้องปรับสายตาก็เห็นคนตรงหน้าชัด คนตรงหน้าในชุดนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรอายุราว 30-40 ปี มองแล้วก็เหมือนคนปกติ จางเฉวียนเห็นภรรยาและบุตรชายถูกมัดอยู่
ที่ปากภรรยาจางเฉวียนมีผ้ามัดไว้ จางเฉวียนเห็นสีหน้าภรรยาตกใจอย่างมาก เสื้อผ้ายังคงปกติ ในใจก็วางใจลง
ตอนนี้อยู่ในช่วงหน้าร้อนจัด คุกใต้ดินก็ย่อมร้อนแผดเผา อากาศอึดอัด ยังมีกลิ่นคาวเลือด ช่างทำให้ยากจะทำนทนจริงๆ หากจางเฉวียนกลับนิ่ง สำหรับเขาแล้วไม่เท่าไร คนตรงหน้ากล่าวกับเขา
“ข้าชื่อจางซื่อเฉียง มาถามเจ้าแทนใต้เท้าหวัง”
“ข้าน้อยชื่อจางเฉวียน คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางเป็นคนบ้านเดียวกัน เห็นแก่คนบ้านเดียวกันละเว้นข้าน้อยได้หรือไม่……”
สีหน้ายิ้มแย้มของเขาไม่ทำให้จางซื่อเฉียงรู้สึกอันใด กล่าวเพียงว่า
“เจ้าอย่าได้คิดรอดชีวิตไป สังหารทหารองครักษ์เสื้อแพร เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต แต่เจ้าคิดให้ภรรยามีชีวิตต่อหรือไม่ หรือเจ้าอยากเห็นพวกเขาตายต่อหน้า?”
จางซื่อเฉียงน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้จางเฉวียนที่ทำเป็นไม่เคร่งเครียดเริ่มเคร่งเครียดขึ้น จางซื่อเฉียงขมวดคิ้วกล่าวว่า
“คุกนี้หนึ่งเดือนครึ่งก่อนลงทัณฑ์สอบตายไปหลายสิบ หากเจ้าไม่เชื่อ จะลองเอาภรรยาเจ้ามาลองก่อนก็ได้”
จางเฉวียนอ่อนยวบไปทั้งตัว ได้แต่กล่าวเสียงแหบพร่าว่า
“หากข้าพูด ภรรยาข้าจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
“ใต้เท้าเราเมตตา หากเจ้าพูด ภรรยาเจ้าจะมีชีวิตต่ออยู่ที่เทียนจิน เงินทองก็จะคืนให้ไป ให้พวกเรามีกินมีอยู่อย่างไม่ต้องกังวล”
“……จางซื่อเหวยส่งข้ามา……”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพูดจริง?”
“……สามารถวาดภาพข้า ส่งคนไปเมืองหลวงสอบถามคนจวนจางได้ คนในจวนล้วนรู้จักข้า……”
จางเฉวียนกล่าวอย่างหมดแรง จางซื่อเฉียงได้ยินวิธีนี้ แม้ว่าตรวจสอบได้ แต่ไม่อาจสืบได้ว่าเป็นจางซื่อเหวยบงการหรือไม่ แต่ก็รู้ว่าเกี่ยวพันกับจางซื่อเหวยก็พอแล้ว
“ดีมาก เจ้ายังรู้อันใดอีก?”
จางซื่อเฉียงเข้าไปใกล้กระซิบถาม